บทที่ 1: ตัวประกันชั้นดี

1464 คำ
หากจะเท้าความเป็นมาของเหา…ไม่สิ นิ่มนวล ก็คงจะต้องย้อนกลับไปเมื่อสามเดือนก่อน ในตอนที่เสือหมอกได้ออกปล้นสะดมคาราวานสินค้าของคหบดีนายหนึ่งที่มุ่งหน้ามาจากทางใต้เพื่อเข้ามายังบางกอก คาราวานนั้นเป็นคาราวานสินค้าจำพวกเพชรนิลจินดาและไข่มุก รวมถึงสินค้าที่ ‘มีชีวิต’ อย่างผู้หญิงและเด็กด้วย นิ่มนวลก็เป็นหนึ่งในสินค้าเหล่านั้น อันที่จริงเสือหมอกก็ไม่ใช่คนที่มีคุณธรรมจริยธรรมอะไรมากนักหรอก แต่เขาก็หาใช่ว่าจะปล้นไม่ดูดินฟ้าอากาศ คนที่เขาปล้นมักจะเป็นคนที่คอยเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นและเป็นคนที่สามารถเรียกได้เต็มปากว่าคนไม่ดี เช่นการนำเด็กและผู้หญิงมาค้าเป็นสินค้า เรียกว่าคนดีก็คงจะไม่ใช่ เพราะที่สุดแล้ว ปลายทางของคนน่าเวทนาเหล่านั้นก็จะไม่พ้นบรรดาซ่องและโรงเหล้า เพื่อไปดูแลปรนเปรอผู้ชายทั้งหลายที่มาเที่ยวยามวิกาล เขาไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงและเด็กที่ถูกเกณฑ์มาขายนั้นเต็มใจมาด้วยตนเองหรือถูกบังคับขืนใจมา แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เมื่อเขาเห็นว่ามีเด็กผู้หญิงที่แม้แต่หน้าอกก็ยังไม่ทันจะขึ้น แล้วจินตนาการว่าอีกไม่นานเด็กพวกนี้ก็ต้องเป็นนางบำเรอให้กับชายคราวพ่อ เขาก็รับไม่ได้แล้ว พอรู้ข่าวว่าคาราวานสินค้าของคหบดีทางใต้คนนั้นจะต้องใช้เส้นทางไหนในการขนข้าวของ เขาก็พาไพร่พลพวกพ้องไปดักรอเพื่อทำการปล้น โชคดีที่พวกเขาพอจะรู้เส้นทางลัดสำหรับการเดินทางจากทางใต้เพื่อเข้าบางกอกอยู่หลายเส้นทาง จึงไม่ใช่การยากที่จะเดาออกว่าคหบดีจะใช้เส้นทางไหนในการลำเลียงสินค้า ย่อมแน่ว่าต้องเป็นเส้นทางที่ปลอดหูปลอดตาจากพวกตำรวจอยู่แล้ว ทำผิดขนาดนี้ ต่อให้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ ก็จำเป็นที่จะต้องหลบซ่อน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เสือหมอกได้พบเข้ากับนิ่มนวล เขาแกล้งจับเอาเด็กและผู้หญิงเหล่านั้นมาเป็นตัวประกัน เพื่อให้คหบดีไปแจ้งความว่าโดนปล้น แล้วเขาก็จะได้ตลบหลังว่าคนใจทรามคนนั้นได้ก่อการทำเข็ญอะไรไว้ ส่วนพวกเพชรนิลจินดาที่ถูกคนมากขายเป็นการบังหน้า ก็ถือเสียว่าเป็นค่าดำเนินการทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นการช่วยเหลือพวกตำรวจทางอ้อมก็แล้วกัน พอจัดการส่งคหบดีชั่วคนนั้นเข้ากับซังเตได้เรียบร้อยแล้ว เสือหมอกก็ใช้ให้พวกพ้องนำเด็กและผู้หญิงที่ถูกพามาด้วยกลับคืนสู่อ้อมอกของครอบครัว ต่อให้ครอบครัวจะขายส่งมาก็ตาม แต่อย่างน้อยการได้รับอิสระคืน พวกคนเหล่านี้ก็ยังพอที่จะตัดสินใจในการเลือกทางเดินของชีวิตตนเองได้ ไม่ใช่ถูกนำไปแลกกับเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่มีวันจะเข้ากระเป๋าตัวเองเลยแม้แต่สตางค์เดียว ทั้งที่ต้องแลกทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย จิตใจ หรือวิญญาณของตนก็ตาม เพราะคนที่รวยคือพวกเจ้าของช่องต่างหาก แต่การกระทำในครั้งนั้นของเขาก็เป็นการหาเหาใส่หัวอย่างที่ลูกน้องว่า เพราะหลังจากที่เรื่องราวทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว พวกเขาก็ขนเพชรนิลจินดาใส่รถกระบะขนผัก ปลอมตัวเป็นพวกพ่อค้าชาวไร่ หนีไปกบดานที่จังหวัดอื่น โดยไม่รู้เลยว่าที่หลังรถนั้น มีใครบางคนซ่อนเร้นกายเอาไว้อยู่ จวบจนมาถึงแหล่งกบดานนั่นละ ถึงได้รู้ว่ามีผู้หญิงที่ชื่อว่านิ่มนวลซ่อนตัวเอาไว้ “ทำไมไม่กลับไปบ้านของเอ็งวะ” “ก็ฉันไม่อยากกลับนี่จ๊ะพี่” เสือหมอกนึกถึงคำถามที่เคยถามกับนิ่มนวลครั้งแล้วครั้งเล่า และก็ได้คำตอบเดิมๆ มาเพียงเท่านั้น หล่อนไม่คิดที่จะอธิบายสิ่งใดต่อ เขาคิดว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน ต่อให้ถามจนปากคอจะฉีก หล่อนก็คงไม่บอก อีกครั้งต่อให้รู้เหตุผลของหล่อนไป ก็คงจะไม่ช่วยอะไร เพราะเขาไม่สามารถทิ้งหล่อนเอาไว้ในเวลานี้ได้ อีกอย่าง เขาต้องรีบออกเดินทางหาแหล่งกบดานใหม่แล้ว เวลาไม่คอยท่า จึงจำเป็นที่จะต้องพ่วงเอาหญิงสาวไปด้วย ใช้เวลาแรมสัปดาห์เลยทีเดียวกว่าที่จะถึงอย่างที่กบดานแห่งใหม่ที่เสือหมอกได้บอกกับพวกพ้องเอาไว้ว่าเขามีคนรู้จักที่พร้อมจะให้ที่พักพิงกับพวกเขาอยู่ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคเหนือถูกใช้เป็นที่ซ่อนตัวแห่งใหม่ ถึงแม้ว่าจังหวัดนี้จะเป็นจังหวัดที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับภาคนี้ แต่ก็ใช่ว่าความเจริญเช่นบางกอกจะมาถึง เสือหมอกค่อนข้างมั่นใจมากเลยทีเดียวว่าหากอยู่ที่นี่ คงจะใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขอีกนาน โดยเฉพาะการที่ผู้นำหมู่บ้านที่เอื้อเฟื้อสถานที่ให้กับเขา ไม่ค่อยชอบหน้าพวกตำรวจหรือคนของทางการที่มาจากบางกอกแล้วด้วย ก็สบายใจได้เลยว่าปลอดภัยสำหรับพวกเขาแน่ๆ “อาจจะใช้ชีวิตกันยากสักหน่อยนะพวกเอ็ง แต่อยู่ๆ ไป เดี๋ยวก็ชิน พวกชาวป่าชาวดอยพวกนี้ไม่มีพิษมีภัย ขอแค่พวกเอ็งอย่าหลุดแล้วกันว่าเป็นใครมาจากไหน ตอนนี้พวกเราเป็นพ่อค้าจากบางกอกที่มาหาของจากทางภาคเหนือลงไปขาย เข้าใจไหม” เสือหมอกกำชับกับลูกน้องทันทีที่มาถึงยังที่หมายและได้พูดคุยกับผู้นำหมู่บ้านแล้ว “พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าจะห่วงนะ เป็นห่วงแม่คนนั้นเถอะ ไม่ทันไรก็ดูท่าจะหาเรื่องให้พี่ปวดกบาลแล้ว” ว่าพลางพยักพเยิดไปตรงหน้า เสือหมอกหันไปมองก็พบว่าลูกชายของผู้นำหมู่บ้านที่ชื่อว่าฟ้าฮ่ามกำลังเทียวไล้เทียวขื่อผู้หญิงคนเดียวของกลุ่มพวกเขาอยู่ “แล้วน้องกินข้าวกินปลามาหรือยัง ถ้ายังไม่กินก็มากินที่บ้านพี่ก่อนได้ ปล่อยให้พวกผู้ชายขนข้าวขนของกันไปก่อน” ฟ้าฮ่ามว่ายิ้มๆ สายตาที่ทอดมองมายังหญิงสาวแลดูกะลิ้มกะเหลี่ยจนแทบเก็บไม่มิด นิ่มนวลก็ช่างไม่ประสา ฉีกยิ้มตอบกลับไปด้วยนึกว่าอีกฝ่ายมีไมตรี “ขอบคุณพี่มากนะจ๊ะ แต่ไม่เป็นไรดีกว่า ฉันจะรอกินพร้อมพี่หมอก” “น้องเป็นเมียของพี่หมอกหรือ” คำถามนี้ทำเอานิ่มนวลยิ้มเรี่ยราดไปหมด “คือฉัน…” “มาทำอะไรอยู่ตรงนี้” ไม่ทันที่จะได้ตอบ เสือหมอกก็เข้ามาขัดจังหวะเสียแล้ว คนทั้งคู่หันไปมองหน้า ก่อนที่สีหน้าของฟ้าฮ่ามจะเจื่อนลงไป ขณะที่นิ่มนวลตาเป็นประกายวาวเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือใคร “พี่หมอก ฉันกำลังพูดถึงพี่อยู่พอดีเลยจ้ะ” เสือหมอกมองจ้องดวงหน้าหวานที่กำลังยิ้มร่าแล้วว่าเร็วๆ “ถ้ามีเวลาว่างมากนัก ก็ไปช่วยขนของเข้าบ้านไป มัวมายืนทำอะไรไร้สาระอยู่ตรงนี้อยู่ได้ตั้งนานสองนาน” น้ำเสียงค่อนข้างจะจริงจังเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวสีหน้าสลดได้เลยแม้แต่น้อย “ได้เลยจ้ะพี่ ฉันจะรีบไปขนของเข้าบ้านของเรานะ” แล้วก็วิ่งหลังไวๆ ไปจัดการทำตามคำสั่งของชายหนุ่มในทันใด ทิ้งเอาไว้เพียงผู้ชายทั้งสองที่มองหน้ากันนิ่ง “เอ่อ…ฉันขอโทษที่ไปยุ่งกับเมียพี่…” ฟ้าฮ่ามเป็นคนทำลายความเงียบขึ้นมา เสือหมอกยักไหล่อย่างไม่ยี่หร่ะราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เขาไม่ถือสาหาความใดๆ ทั้งนั้น ก็จะให้เขาถือสาหาความอะไรล่ะ ในเมื่อนิ่มนวลไม่ใช่เมียเขาสักหน่อย แต่ถ้าฟ้าฮ่ามจะเข้าใจเป็นอย่างนั้นก็เป็นเรื่องดี เขาจะได้ไม่ต้องมาปวดกะโหลกปวดกบาลกับเรื่องราววุ่นวายที่จะตามมาในภายหลัง นิ่มนวลเป็นผู้หญิงที่สวย มันหนีไม่พ้นอยู่แล้วที่จะมีชายหนุ่มน้อยใหญ่มาติดพัน เขาพยักหน้าให้กับชายหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนจะเดินตามหลังของนิ่มนวลเข้าไปในบ้านไม้หลังใหม่ที่เพิ่งถูกปลูกขึ้นมาสำหรับรอการมาถึงของเขาโดยเฉพาะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม