แม้แต่งงานออกเรือนมาแล้วแต่ลู่เหมยก็ยังกลับไปช่วยงานบิดาที่โรงหมอเป็นครั้งคราว
ครอบครัวสกุลลู่ ภรรยาของลู่ฉือนามเจียอีทำได้เพียงช่วยหยิบจับงานหน้าร้านเล็กน้อยและช่วยคิดบัญชี ในขณะที่ลู่เมิ่งบุตรสาวคนโตอาศัยศึกษาหาความรู้จึงพอรู้วิธีรักษาคนบ้าง เห็นจะมีเพียงลู่เหมยที่ได้รับพรสวรรค์เรื่องยา ท่านหมอลู่ฉือจึงมีลูกมือที่ชำนาญสมุนไพรไว้วางใจได้คือนาง
เพียงแต่ด้วยเรื่องที่ลู่เหมยยุยงพี่สาวให้หนีตามบุรุษไป ทำให้ลู่ฉือไม่พอใจในตัวลู่เหมยเท่าใดนัก
ยิ่งได้รู้ว่าลู่เหมยทำลงไปเพราะอยากครอบครองเฟิงอี้แทนที่พี่สาวก็ยิ่งขัดเคือง
ท้ายที่สุดอาการมึนตึงนั้นก็สิ้นสุดลงเมื่อเขาได้รับจดหมายจากบุตรสาวคนโต ความว่านางได้แต่งเข้าจวนของคุณชายเมืองฮุ่ยโจวผู้นั้นอย่างราบรื่น อย่ากังวลอันใดอีก นั่นจึงส่งผลให้ปัญหาบิดาบุตรสาวคนเล็กหมดสิ้นไป
วันนี้หลังจากปรนนิบัติแม่สามีเรียบร้อย ลู่ฉือก็ส่งคนมาแจ้งให้ลู่เหมยไปช่วยปรุงยาตำรับใหม่ที่คิดค้นเพื่อใช้รักษาคนผู้หนึ่งที่เพิ่งรับเข้ามา อาจต้องค้างแรมสักหนึ่งเดือน
ลู่เหมยที่กลายเป็นคนของสกุลเฟิงแล้วย่อมมิอาจตัดสินใจเองได้ นางจึงรอให้แม่สามีพยักหน้าอนุญาตก่อน
“ไปเถิด อาหารสามมื้อแม่ดูแลตัวเองได้ ส่วนอี้เอ๋อร์ก็ให้หากินเองนั่นล่ะ เจ้าไม่จำเป็นต้องเหน็ดเหนื่อยปานนี้”
แท้จริงตั้งแต่ลู่เหมยแต่งงานเข้ามา จางซื่อติดรสมือลูกสะใภ้มาก หากไม่ได้กินอาหารฝีมือนางย่อมนอนไม่หลับ
ยามนี้ เพื่อไม่เป็นการจำกัดสะใภ้มากเกินไป...
แม่สามีช่างดีต่อนางเหลือเกิน แล้วลู่เหมยจะไม่อยากปรนนิบัติพัดวีได้อย่างไร
“ท่านพี่เล่าเจ้าคะ ข้าต้องรอแจ้งเขาหรือไม่”
เฟิงอี้หนีไปเที่ยวเตร่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่างอีกแล้ว ลู่เหมยตามไปดูจึงรู้ว่าเขาอยู่กับสหายที่เรือนเร้นจันทร์
ที่นั่นไม่มีสิ่งใดน่ากังวลหรือเป็นห่วงจึงมิได้ตามกลับ เพราะถึงเวลาพลบค่ำ สามีตัวดีผู้นี้จะกลับมาทันที
มาถึงก็ปีนเตียงเปิดศึกกับนางอย่างเร่าร้อนทั้งคืน งัดสารพัดลีลาออกมาเพื่อปล่อยเด็กเข้าท้องนางนั่นแล
“เดี๋ยวแม่บอกอี้เอ๋อร์เอง”
“เช่นนั้นเสร็จเรื่องแล้ว ข้าจะรีบกลับเจ้าค่ะท่านแม่”
“อืม...”
ลู่เหมยกำชับสาวใช้เกี่ยวกับงานในเรือนอีกเล็กน้อยก็ออกเดินทางกลับบ้านเดิมทันที มีสาวใช้ติดตามแค่หนึ่งคน เพราะสองครอบครัวเฟิงลู่อยู่เมืองเดียวกัน ห่างแค่ทิศเหนือทิศใต้เท่านั้น
เรือนเร้นจันทร์เป็นสถานที่สำหรับนัดพบสหายมาร่ำสุรายิงนกตกปลาของเฟิงอี้
เป็นเรือนที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดของเมืองเยี่ยโจว มีอาณาเขตพอเหมาะไม่กว้างเกินไปไม่คับแคบเกินไป ด้านหน้าหันเข้าตัวตลาดที่ผู้คนเดินขวักไขว่ สาวงามมากมีที่เดินดาดเดื่อนบนถนนหนทางพวกบุรุษก็สามารถมองลงมาเพื่อยลโฉมของพวกนางได้จากชั้นสอง
ส่วนด้านหลังหันออกไปทางลำธารสีเขียวมรกต กลางวันเห็นพระอาทิตย์ทรงกลด ยามเย็นเห็นพระอาทิตย์อัสดง มีน้ำตกอยู่ไกลๆ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจสำหรับคู่รักและสร้างความสำราญสำหรับบุรุษอย่างที่สุด
เดิมทีเฟิงอี้ไม่นิยมพาสาวงามเข้ามา วันนี้กลับมีสตรีมาร่วมวงด้วยกันถึงสี่นาง แต่ละนางงดงามหยาดเยิ้มไร้ที่ติ
สาเหตุเพราะมีคนหนึ่งที่อู๋หยุนรู้สึกพึงใจ
ดังนั้นการชักชวนนางในดวงใจมาเที่ยวเล่นย่อมต้องมีสหายของนางติดตามมาเป็นธรรมดา
และหนึ่งในนั้นยังมีแม่นางที่ชมชอบเฟิงอี้มานาน นางมีนามว่าจินเยว่
โฉมสะคราญผู้มีผิวขาวดุจหยกมันแพะยากพบเห็น ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดน่ากดจูบมากกว่าที่ควรจะเป็น ทรวงทรงองเอวระเหิดระหงปานนั้น งดงามเย้ายวนที่สุด มีเสน่ห์ดึงดูดที่สุดเท่าที่บุรุษเคยพบเจอ
“เฟิงอี้ ข้าให้ท่าน” จินเยว่ยื่นผ้าปักฝากรักให้เขา
สีหน้าเฟิงอี้สงบเยือกเย็น ร่างสูงของเขาเหยียดยาวอยู่อย่างสง่างามบนตั่งสำหรับนั่งตกปลา ชายหนุ่มนั่งนิ่งปรายตามองที่ผ้าผืนนั้น มองเลยไปถึง เรียวนิ้วดุจลำเทียน ฝ่ามือขาวผ่อง ข้อมืออ้อนแอ้นอรชร เรียวแขนนวลเสลา
แววตาคมกริบแต่ลึกล้ำค่อยๆ ละเลียดเชยชมด้วยการมองผิวเนื้อนุ่มนิ่มน่าสัมผัสของนาง ซึ่งค่อยๆ เผยออกจากแขนเสื้ออย่างยั่วยวนชวนรัญจวนใจทีละน้อย ทว่ากลิ่นกายหอมหวานแฝงความร้อนแรงกลับคลุ้งกระจาย ไม่ว่าชายใดเป็นต้องตื่นตัวเกินควบคุมยากยั้งใจ
จินเยว่ทำทีเอียงอายแต่คล้ายยัดเยียดอยู่ในที
“ข้าปักเองกับมือเจ้าค่ะ ฝึกฝนจนฝีมือนับว่าดีมาก เพื่อท่าน...”
ทั้งแคว้นต้าเทียนแห่งนี้บุรุษเป็นใหญ่ มีฐานะสูงส่ง ส่วนสตรีมีฐานะต่ำต้อย ครอบครัวใดได้ลูกชายราวกับได้สมบัติล้ำค่า ที่เมืองเล็กๆ แต่รุ่งเรืองอย่างเยี่ยโจวก็เช่นกัน ขุนนางฝ่ายพลเรือนหรือทหารทุกคนล้วนเป็นบุรุษทั้งหมด สตรีไม่อาจเป็นขุนนางและไม่มีสิทธิ์ศึกษาร่ำเรียนเขียนอ่าน
ดังนั้น สตรีไร้ความสามารถนับว่าดี ต่อให้คิดเรียนก็น้อยนักจะมีวาสนา มิสู้คิดหาวิธีแต่งงานกับบุรุษร่ำรวยดีกว่า ต่อให้เขามีภรรยาอยู่แล้วก็ตามย่อมไม่ใช่ปัญหา เพราะที่นี่ บุรุษมีสตรีข้างกายกี่คนก็ได้
เฟิงอี้แม้ไม่ใช่คุณชายสูงศักดิ์ตระกูลขุนนางใหญ่ที่เรืองอำนาจแบบบุรุษเมืองหลวงแต่กลับร่ำรวยมาก ประเมินจากฐานะแล้ว ย่อมเลี้ยงดูหญิงในเรือนอย่างดีไร้ที่ติ
ความรู้สึกแย่งชิงเป็นสิ่งที่จินเยว่ชื่นชอบ นางยังคิดว่าหากแย่งชิงความโปรดปรานมาไว้ในกำมือได้ฝ่ายเดียวแล้วขับไล่ภรรยาเก่าออกไปซะ นางที่ขึ้นเป็นภรรยาคนใหม่ เงินทองของสามีจะไปไหนเสีย
จินเยว่แย้มยิ้มรุกเร้ายามทอดเสียงอ่อนหวาน จงใจใส่จริตยั่วยวนชวนรุ่มร้อนอย่างแนบเนียนต่อเนื่อง
“ข้าขอนั่งดูท่านตกปลาใกล้ๆ นะเจ้าคะ”
แม้เขาไม่รับผ้าก็ไม่เป็นไร อยู่ใกล้ชิดเข้าไว้ย่อมดี ดูอย่างลู่เหมยเถิด เพราะตามติดเฟิงอี้มิใช่หรือไรถึงได้แต่งงาน
บุรุษต่อให้หยาบกระด้างปานใดย่อมใจอ่อนต่อสตรีช่างตื้ออยู่ดี