“ฮูหยินเจ้าคะ ออกแรงอีกหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”
“แต่ข้าจะไม่ไหวอยู่แล้วท่านหมอ อื้อออ” ลู่ซูเมิ่งหรือฮูหยินลู่ครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด นางคลอดบุตรมาถึงสามคน นางมิเคยเจ็บปวดถึงเพียงนี้มาก่อน ลู่หวังเหล่ยหรือใต้เท้าลู่ผู้เป็นสามีก็ยืนรออยู่นอกห้องอย่างร้อนรน ร่างสูงเดินวนอยู่หน้าประตูไปมาหลายรอบ แต่ก็มิมีท่าทีว่าฮูหยินของเขาจะคลอดบุตรเสียที บุตรชายทั้งสามของเขาก็มานั่งรออยู่หน้าห้องด้วยเช่นกัน
“เหตุใดท้องนี้ถึงคลอดยากนักเล่าเจ้าคะ” แม่นมลี่บ่าวคนสนิทของฮูหยินลู่และเป็นแม่นมให้กับคุณชายสกุลลู่ทั้งสามได้เอ่ยถามท่านหมอด้วยความกังวลใจ
“ใกล้แล้วเจ้าค่ะ ออกแรงอีกนิดเจ้าค่ะ อีกนิดเดียวเท่านั้น”
“อื้ออออ กรี๊ดดดดดด” ซูเมิ่งออกแรงเฮือกสุดท้ายจนแทบจะสิ้นสติ และในที่สุด…
อุแว้ อุแว้ อุแว้! เสียงทารกร้องดังไปทั่วเรือน แต่เพียงไม่นานเสียงนั้นก็เงียบไป
เยว่ชิงมองไปรอบๆ อย่างคุ้นคิด ที่ไหนกันเนี่ย แล้วนี่มันอะไรกัน ผู้คนที่เธอเห็นตอนนี้ไม่คุ้นหน้าเลยสักนิด หรือจะเป็นหมอ แต่เธอจำได้ว่ารถของเธอและครอบครัวตกลงไปในเหว ซึ่งไม่น่าจะมีใครรอดพ้นความตายมาได้
“เป็นคุณหนูเจ้าค่ะฮูหยิน เป็นคุณหนูเจ้าค่ะใต้เท้า!” แม่นมลี่ร้องตะโกนขึ้นมาเมื่อรู้ว่าฮูหยินได้คลอดคุณหนูเสียที หลังจากที่ใต้เท้าลู่พยายามมาหลายครั้งหลายครา
ใครฮูหยิน ใครใต้เท้า มั่วซั่วกันไปใหญ่แล้ว เยว่ซิงที่เริ่มหงุดหงิดพยายามเอ่ยปากเรียกคนในห้อง แต่ทว่าเสียงที่เธอเปล่งออกไปกลับเป็น…
“แอ้ แอ๊ะ บื้อออ”
เยว่ชิงยกมือขึ้นมาปิดปาก ทำไมเสียงเธอเป็นแบบนั้น แต่แล้วสายตาของเยว่ชิงดันเหลือบไปเห็นว่ามือของเธอตอนนี้เป็นเพียงมือของทารกที่ทั้งเล็กและแดง หรือว่า…นี่เธอมาเกิดใหม่แล้วงั้นหรอ
“โถ่ คุณหนูของบ่าวช่างรู้ความยิ่ง เกิดมามิร้องให้โยเย ไม่เหมือนเหล่าคุณชายที่ร้องไห้จนเรือนแทบพัง” แม่นมลี่รับคุณหนูของนางไปอุ้มและส่งต่อให้ซูเมิ่งได้โอบอุ้มบุตรสาวของตน
“ลูกแม่ น่ารักน่าชังเหลือเกิน” ซูเมิ่งมองดวงตากลมของบุตรสาวที่ตอนนี้จ้องมองมาที่นางตาแป๋ว
“ข้าเข้าไปได้หรือยังท่านหมอ!” เสียงตะโกนจากด้านนอกลอดเข้ามาภายในห้อง จนแม่นมลี่ต้องรีบออกไปเปิดประตูให้ เพราะกลัวว่าใต้เท้าลู่จะพังประตูเข้ามา
เยว่ซิงที่ตอนนี้กำลังช็อคและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทารกน้อยนิ่งงันในหัวคิดไปเรื่อยเปื่อยจนไม่รู้ว่าต้องทำสิ่งใดก่อนหลัง แน่นอนว่าเธอได้ตายไปแล้ว และดูเหมือนว่าตอนนี้เธอก็ได้มาเกิดใหม่ แล้วคุณพ่อและคุณแม่ของเธอจะเป็นยังไงบ้าง มีชีวิตอยู่…หรือว่าได้ไปเกิดใหม่เหมือนที่เธอได้มาเกิด
“ลูกสาวพ่อ ในที่สุดเราก็มีบุตรสาวจนได้ ขอบใจเจ้ามากซูเมิ่งของพี่” ลู่หวังเหว่ยก้มลงจุมพิตหน้าผากของภรรยาและบุตรสาว ทำให้เยว่ชิงได้สติขึ้นมา
เห้อ! อย่างน้อยก็ได้เกิดใหม่ในครอบครัวที่ครบสมบูรณ์ ทั้งพ่อและแม่ในชีวิตนี้ยังดูรักใคร่กันดี
“เจ้าค่ะ ลูกๆ ก็เข้ามาดูน้องสาวพวกเจ้าเถิด” ซูเมิ่งกวักมือเรียกบุตรชายทั้งสาม บรรดาพี่ชายจึงรีบปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างมารดาที่กำลังอุ้มน้องสาวของพวกเขาอยู่
ดูเหมือนว่าเยว่ชิงจะมีพี่ชายถึงสามคน เธอมองใบหน้าของพี่ชายทั้งสาม ในใจพลันรู้สึกว่าบรรดาพี่ชายต่างหน้าตาน่ารัก แสดงว่าถ้าเธอโตขึ้นก็คงสวยไม่ต่างกัน เยว่ชิงคิดแล้วอดที่จะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ว่าแต่…ทำไมเธอยังจำทุกอย่างในชีวิตก่อนได้ ตายไปแล้วต้องดื่มน้ำแกงยายเมิ่งก่อนมาเกิดไม่ใช่หรอ หรือคุณพ่อเธอเล่ามั่วๆ กันหล่ะเนี่ย แต่ก็ดีแล้วที่จำได้…
‘คุณพ่อ คุณแม่ ไม่ต้องห่วงหนูแล้วนะคะ หนูคงได้มาเกิดใหม่แล้ว ครอบครัวนี้ถือว่ารักกันดีแถมหนูโตขึ้นคงจะสวยมากแน่ ขอให้คุณพ่อกับคุณแม่โชคดีเหมือนหนูนะ หนูจะคิดถึงคุณพ่อคุณแม่ตลอดไป’ ต่อจากนี้เธอคงจะทำได้เพียงระลึกถึงเรื่องราวในอดีต ต่อจากนี้ก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป จะใช้ชีวิตเป็นคุณหนูสกุล…
“ลู่เยว่ชิง พวกเจ้าชอบนามนี้หรือไม่” ลู่หวังเหว่ยเอ่ยนามที่ตนนั่งคิดนอนคิดมาตลอดเก้าเดือนที่ซูเมิ่งตั้งครรภ์ให้ทุกคนได้ฟัง
อ่อ คุณหนูสกุลลู่ นามว่าลู่เยว่ชิง- ห๊า!!!! ลู่เยว่ชิง คงไม่ใช่หรอกมั้ง เธอคงไม่ได้มาเกิดในนิยายเรื่องชะตาร้ายที่พึ่งอ่านจบไปหรอก ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่!
ทารกน้อยเปลี่ยนอารมณ์ไปมาก หากมีผู้ใดทันได้เห็นภาพเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเบิกตากว้างของทารกน้อยคงจะอดหัวเราะออกมาไม่ได้เป็นแน่
“ท่านพ่อนามว่าลู่หวังเหล่ย ท่านแม่นามว่าลู่ซูเมิ่ง มีบุตรนามว่าเฉินกง หมิงยู่ ลี่อัน เยว่ชิง…มิเห็นจะเข้ากันสักนิด” ลู่หมิงยู่เด็กชายวัยห้าหนาวชี้นิ้วไล่เอ่ยนามไปทีละคน เพื่อหาความเชื่อมโยงกันจนทุกคนในห้องถึงกับหัวเราะให้กับท่าทีน่าเอ็นดูนั้น แต่คำพูดหมิงยู่กลับทำให้เยว่ชิงที่นอนอยู่ในอ้อมกอดมารดาถึงกับเบิกตาโพล่งขึ้นมา
ครบ! มากันทั้งเรื่อง นี่…นี่ลูกสาวเจ้าพ่ออย่างเธอต้องมาเกิดใหม่เป็นนางเอกแสนอาภัพหรอเนี่ย โอ๊ยยยย! ชีวิต! เยว่ชิงร้องโวยวายออกมาอย่างไม่ยินยอม
“แอ๊ๆ ฮึก แงงง~”
“ไอโยว! ร้องไห้เสียแล้ว นางคงไม่ชอบนามที่ท่านพ่อตั้งให้” ทั้งบิดามารดาต่างหัวเราะให้กับการคาดเดาของหมิงยู่ แต่หารู้ไม่ว่าที่หมิงยู่พูดนั้นเป็นจริงเต็มสิบส่วน!
“คงจะเพราะหิวมากกว่า เจ้าป้อนนมนางเถิด” แม้เยว่ชิงจะโกรธเกรี้ยวหรือคร่ำครวญเพียงใด ภาพที่ผู้อื่นเห็นกลับเป็นทารกน้อยที่ร้องไห้โยเยเพราะหิวนมเท่านั้น
“มาๆ แม่จะป้อนนมลูกเดี๋ยวนี้แล้ว อย่าได้ร้องไห้ไปเลย ชู่วๆ” ซูเมิ่งอุ้มบุตรสาวตัวน้อยเข้าอกทันที
ปากเล็กๆ ของเยว่ชิงขยับดูดนมตามสัญชาตญาณ เสียงจ๊วบจ๊าบประกอบกับปากเล็กที่ขยับไปมาทำให้บิดาและบรรดาพี่ชายอดที่จะยิ้มเอ็นดูน้องสาวตัวน้อยไม่ได้ โดยเฉพาะลู่เฉินกงพี่ชายคนโตในวัยเจ็ดหนาวและลู่ลี่อันวัยสามหนาวที่เป็นพี่ชายคนที่สาม คงจะมีแต่พี่รองอย่างลู่หมิงยู่เท่านั้นที่มักจะก่อกวนน้องสาว
นิ้วป้อมของเด็กชายแหย่เท้าเล็กๆ ของน้องสาวเล่นจนเยว่ชิงทนไม่ไหวกระตุกเท้าเตะกลับไป หากทารกน้อยพูดได้คงจะไล่ตะเพิดพี่ชายคนรองไปเสียแล้ว
เยว่ชิงตั้งหน้าตั้งตาดูดนมจากอกมารดาอย่างหิวโหย หน้าตาทารกน้อยเศร้าโศก ปลงตกว่าอย่างไรคงจะมุดกลับเข้าไปในท้องมารดาไม่ได้แล้ว ฉะนั้นนางคงต้องใช้ชีวิตในฐานะลู่เยว่ชิง นางเอกนิยายเรื่องชะตาร้าย แต่ว่าลู่เยว่ชิงคนนี้จะไม่ยอมเป็นนางเอกแสนอาภัพเป็นแน่ มือน้อยๆ ของเยว่ชิงกำเข้าหากันแน่นอย่างมุ่งมั่น ขณะเดียวกันปากเล็กก็ดูดนมไม่หยุด
จะพรหมลิขิตหรือนักเขียนเป็นคนลิขิตก็มาเถิด ลู่เยว่ชิงจะป่วนให้วุ่นไปเลย! แต่…ตอนนี้ขอนอนก่อนละกัน หาว~