พอกันที ครั้งที่ 23 : สตรีแพศยา

1932 คำ
เยว่ชิงรีบหลับตาลง ศีรษะเล็กสบัดไปมาราวกับอยากลบภาพที่เห็น แรงบีบรัดภายในอกจากการพบเจอภาพบาดตา ทำให้เด็กสาวมั่นใจว่านางได้ถลำลึกลงไปเสียแล้ว มิใช่เพียงการหลงไหลในรูปโฉมเท่านั้น แต่นางได้มอบดวงใจให้อ๋องหนุ่มไปเสียแล้ว แย่แน่ ต้องแย่แน่ๆ เผลอตัวเผลอใจไปตั้งแต่เมื่อใดกัน มือบางค่อยๆ เอื้อมขึ้นไปหมายจะปิดบานหน้าต่าง แต่คำพูดของหลิวหยางกลับดังขึ้นจนเยว่ชิงต้องชะงักมือ “ปล่อยข้า อย่าเอามือสกปรกของเจ้ามาสัมผัสกายข้า อุก! อ้วก!” “ว๊าย ท่านอ๋องเหตุใดจึงอาเจียนออกมาเช่นนี้เพคะ ช่างเถิด! อย่าได้ฝืนตนเองเลย ให้หม่อมฉันปรนิบัติพระองค์ให้เสร็จๆ ไปเถิด” เยว่ชิงที่ได้ยินดังนั้น ก็รับรู้ได้ทันทีว่าท่านอ๋องมิได้ยินยอมที่จะมีสัมพันธ์กับหญิงผู้นั้น คนตัวเล็กจึงรีบปีนหน้าต่างเข้าไปในห้องบรรทมของท่านอ๋องทันที ก่อนที่หญิงผู้นั้นจะได้ล่วงเกินท่านอ๋องไปมากกว่านี้ มือบางของเยว่ชิงก็ดึงทึ้งผมยาวสลวยของหญิงผู้นั้นจากด้านหลัง “โอ๊ยยยย ผู้ใดกล้าเข้ามาขัดความสุขของข้ากับท่านอ๋อง!” หญิงสาวกรีดร้องออกมาเสียงดัง ร่างเปลือยเปล่าถูกกระชากจนตกลงจากเตียง “ถามท่านอ๋องหรือยัง ว่าเขามีความสุขกับเจ้าหรือไม่” เยว่ชิจิกผมของหญิงสาวผู้นั้นแล้วดึงลากนางให้ออกห่างจากท่านอ๋องให้ได้มากที่สุด “เจ้าเป็นผู้ใด ฝ่าบาทให้ข้ามาปรนนิบัติท่านอ๋อง เจ้ากล้าขัดพระประสงค์หรือ” ร่างเปลือยเปล่าทั้งดีดดิ้นและใช้มือจิกแขนของเยว่ชิง หวังให้เยว่ชิงปล่อยมือจากผมนาง ด้านเยว่ชิงที่ได้ยินคำพูดของหญิงตรงหน้าก็แปลกใจไม่น้อยที่ฝ่าบาทเป็นผู้ส่งนางมา แต่เมื่อนึกถึงคำของท่านพ่อที่ว่า “คนเล่าลือกันว่าแม้จะมีหญิงสาวเปลือยกายอยู่ตรงหน้า พระองค์ก็มิมีความรู้สึกใคร่แม้แต่น้อย” เห็นทีฝ่าบาทคงจะกังวลว่าท่านอ๋องจะมิมีทายาท จึงได้ส่งหญิงผู้นี้เข้ามาปรนนิบัติถึงในจวน “หึ หากมิมีเจ้าไปกราบทูล ฝ่าบาทจะรู้ได้อย่างไรเล่า” เยว่ชิงยกเท้าบางขึ้นเตะปลายคางของหญิงผู้นั้น จนสลบเหมือดล้มพับลงไปกับพื้น ยังไม่ทันที่เยว่ชิงจะจัดการสิ่งใดต่อ ก็ได้ยินเสียงอาเจียนของร่างสูง นางจึงรีบเข้าไปดูอาการของท่านอ๋องก่อน “ท่านอ๋องเป็นอันใดเพคะ ได้ยินหม่อมฉันหรือไม่” เยว่ชิงรีบเข้าไปพยุงร่างสูง ที่ดูเหมือนจะคลานลงเตียงมาเพื่ออาเจียนใส่กระโถน “มันกลับมาอีกแล้ว ขะ ข้าเห็นภาพเหล่านั้นอีกแล้ว ฮึก!” น้ำสีใสไหลรินออกมาไม่หยุด ตาคมแดงก่ำ ฉายแววโกรธแค้นจนเยว่ชิงรู้สึกได้ มือหนาของหลิวหยางทั้งทุบตีศีรษะตนเอง ทั้งดึงทึ้งเส้นผมหนา หวังให้ภาพเหตุการณ์ในอดีตเหล่านั้นถูกลบเลือนไปจากความคิดของเขา แต่ทว่ามันกลับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งยาปลุกกำหนัดที่เขาได้ดื่มลงไปออกฤทธิ์มากเท่าใด เสียงกรีดร้องอย่างทุข์ทรมานของสตรีผู้หนึ่งยิ่งดังขึ้นมากเท่านั้น หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาต้องทนไม่ไหวแน่ พอเสียที ออกไปจากหัวข้าเสียที ได้โปรด… “ท่านอ๋องเพคะ ท่านอ๋อง!” เยว่ชิงตะโกนเรียกร่างสูงจนสุดเสียง “เฮือก! ฮะ! ยะ เยว่ชิง” “หม่อมฉันเองเพคะ” เยว่ชิงมิเข้าใจกริยาของท่านอ๋องตอนนี้แม้แต่น้อย ทั้งอาเจียน ทุบตีตนเองดั่งคนบ้าคลั่ง แล้วยังพูดพร่ำเพ้อไปเรื่อย นางจึงทำได้เพียงประคองกอดร่างสูงไว้ ดึงศีรษะใหญ่เข้ามาซุกซบบนไหล่ “เรียกฟ่งหราน เรียกเขา อึก! แล้วเจ้ารีบออกไปเสีย ข้าถูกยาปลุกกำหนัด แฮ่ก!” หลิวหยางพยายามอดกลั้นแรงกำหนัดที่ถูกกระตุ้นจากยาอย่างสุดความสามารถ แต่ร่างกายกลับมิเป็นใจเลยสักนิด ยิ่งได้กลิ่นกายอันหอมหวานของคนที่โอบกอดเขาอยู่ ยิ่งทำให้ความต้องการภายในปะทุรุนแรงขึ้น แม้ปากจะเอ่ยไล่ แต่ทว่ามือหนากลับเกี่ยวกอดเอวขอดเอาไว้แน่น ยังไม่ทันที่เยว่ชิงจะได้เอ่ยตอบสิ่งใดไป นางก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นนอกห้องบรรทมของท่านอ๋อง ปัง!!!ประตูถูกเปิดออกอย่างรุนแรง “ท่านอ๋อง…!!!” เฉินกงเบิกตากว้าง เมื่อพบว่าน้องสาวของเขาอยู่ในห้องบรรทมของท่านอ๋อง มิเพียงเท่านั้น ทั้งคู่ยังกอดก่ายกันแนบชิด “ท่านอ๋องพ่ะย่ะ-” ฟ่งหรานที่เร่งตามเฉินกงเขามาก็ตกตะลึงกับภาพตรงหน้าถึงขั้นอ้าปากค้าง จะมิให้เขาตกใจได้อย่างไร ท่านอ๋องมิเคยกอดก่ายแนบชิดกับสตรีใด แม้จะถูกยาปลุกกำหนัด แต่พระองค์ก็จะฝืนตนเองผลักใสสตรีเหล่านั้นให้ห่างกายจนได้ “ชู่ว! ปิดประตูก่อนเจ้าค่ะ” เยว่ชิงเอ่ยสั่งเสียงเบา ฟ่งหรานที่ได้สติก่อนก็รีบไปปิดประตูทันที “เยว่ชิง เจ้าถอยออกมา” เฉินกงเดินเข้าไปแกะมือหนาของนายเหนือหัวออกจากน้องสาว จิตใจของผู้เป็นพี่ชายจะสงบอยู่ได้อย่างไร น้องสาวของเขากอดก่ายชายหนุ่มแนบชิดถึงเพียงนี้ แม้ชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นนายของเขา แต่เฉิงกงก็มิอาจเก็บซ่อนความไม่พอใจของตนเองได้ “ท่านอ๋องถูกยาปลุกกำหนัด ท่านขันทีรีบไปนำยาแก้มาเถิด” “ยาปลุกกำหนัดหรือ ท่านอ๋องมียาแก้อยู่ในห้องตำรา ขะ ข้าจะหาดู” ฟ่งหรานรีบร้อนวิ่งเข้าไปห้องข้างๆ ผ่านประตูเชื่อมจากห้องบรรทมของท่านอ๋อง สองมือรีบรื้อค้นตู้เก็บของที่อยู่ตรงมุมห้องอย่างเร่งรีบ “รีบหาเร็วเข้าท่านขันที ท่านอ๋องแทบจะหลอมรวมเข้ากับร่างน้องข้าแล้ว” เฉินกงเอ่ยเสียงเข้ม เขาพยายามดึงยื้อท่านอ๋องให้ออกห่างจากเยว่ชิง แต่ก็มิอาจออกแรงมากได้ ด้วยกลัวว่าจะทำให้ทั้งท่านอ๋องและน้องสาวบาดเจ็บ “จะ เจอแล้วๆ” ฟ่งหรานร้อนรนรีบนำยามาป้อนเข้าปากให้นายเหนือหัวของตน หลิวหยางเองก็อ้าปากรับยาอย่างง่ายดาย แต่สองแขนแกร่งยังโอบรัดเยว่ชิงแน่น รอยาออกฤทธิ์เพียงไม่นาน เยว่ชิงก็รู้สึกได้ว่าท่านอ๋องได้คลายอ้อมกอดและเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว “ยาแก้นี้มีฤทธิ์ทำให้หลับงั้นหรือ” เยว่ชิงเอยถามด้วยความสงสัย หากว่าใช้ยาแก้ยามที่อยู่กับสตรีพวกนั้น จะมิเข้าทางพวกนางหรอกหรือ “มิได้ ยานี้มิได้มีฤทธิ์ทำให้หลับ แต่ครานี้ท่านอ๋องคงอ่อนเพลียจึงได้หลับไปเช่นนี้” ฟ่งหรานเลือกที่จะเอ่ยออกไปตามตรง มิใช่ฤทธิ์ยาที่ทำให้ท่านอ๋องหลับไป แต่คงจะเป็นเพราะเรื่องราวในอดีตที่หวนกลับมาจึงทำให้ท่านอ๋องอ่อนแอเช่นนี้ “เช่นนั้นข้าว่าพาท่านอ๋องไปนอนพักก่อนเถิดเจ้าค่ะ เมื่อครู่ท่านอ๋องทั้งอาเจียนออกมา ทั้งพร่ำเพ้อและทำร้ายตนเองด้วย” ขันทีฟ่งหรานที่ได้ยินเยว่ชิงพูดดังนั้นก็แสดงสีหน้าเศร้าโศกออกมา แต่ไม่นานก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นดังเดิม “เช่นนั้นองครักษ์เฉินกงพาท่านอ๋องไปพักที่ห้องข้างๆ นี้ก่อนเถิด หากพาท่านอ๋องออกไปสภาพนี้คงมิดีแน่” ทั้งขันทีฟ่งหราน เฉินกง และเยว่ชิงต่างช่วยกันพยุงท่านอ๋องไปที่ห้องข้างๆ ยังดีที่ห้องบรรทมของท่านอ๋องมีประตูเชื่อมห้องข้างๆ จึงมิมีผู้ใดเห็นท่านอ๋องในสภาพเช่นนี้ เมื่อพยุงท่านอ๋องขึ้นไปนอนบนตั่งไม้แล้ว เฉินกงจึงรีบไปจัดการสตรีที่สลบเหมือดอยู่ที่ห้องบรรทมท่านอ๋อง เฉินกงลากนางออกไปขังไว้ในคุกใต้ดินรอท่านอ๋องมาชำระความ แล้วจึงให้นางกำนัลเข้ามาทำความสะอาดภายในห้อง ส่วนขันทีฟ่งหรานก็รีบนำอาภรณ์มาเปลี่ยนให้ท่านอ๋องและนำอาภรณ์ของท่านอ๋องมาให้เยว่ชิงได้เปลี่ยนอาภรณ์ที่เปรอะเปื้อนออก เยว่ชิงเมื่อจัดการตนเองแล้วเสร็จ จึงได้กลับมาดูอาการของท่านอ๋อง ยามที่มาถึงก็พบว่าท่านอ๋องถูกย้ายจากห้องตำรามานอนพักที่เตียงหลังใหญ่ในห้องบรรทมแล้ว “จัดการเรียบร้อยแล้วหรือเจ้าคะ” เยว่ชิงที่ได้อาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์แล้วรีบลุกขึ้นไปหาเฉินกงที่เดินเข้ามาในห้องบรรทม “พี่เป็นห่วงอาการของท่านอ๋องจึงจับนางไปขังไว้ในคุกใต้ดินก่อน หากว่าท่านอ๋องอาการดีขึ้นพี่จึงจะกลับไปไต่สวนนาง” “เช่นนั้นข้าขอปรึกษาพี่ใหญ่เรื่องท่านพ่อได้หรือไม่เจ้าคะ” เฉินกงพยักหน้ารับ สองพี่น้องออกไปปรึกษาเรื่องบิดากันด้านนอกห้องบรรทม เยว่ชิงเอ่ยเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พี่ใหญ่ของนางฟัง เมื่อพูดคุยกันแล้วทั้งเยว่ชิงและเฉินกงมีความเห็นตรงกันว่าอยากให้ผู้เป็นบิดาลาออกจากตำแหน่งขุนนาง เฉินกงจึงอาสาจะพูดคุยเรื่องนี้กับบิดาเอง “อื้ออออ” หลิวหยางลืมตาขึ้นมาอีกครั้งฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว ภาพเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นหลั่งไหลเข้ามาในศีรษะไม่หยุด เมื่อครู่เขาแทบจะสิ้นสติไปแล้ว หากว่ามิได้ยินเสียงของเยว่ชิง…ตาคมสอดส่ายไปทั่วห้องแต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของร่างบาง “เยว่ชิง…” หรือเขาเพียงแค่ฝันไป “ท่านอ๋อง ตื่นแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ” “เยว่ชิงเล่า นางมาที่นี่ใช่หรือไม่” หลิวหยางเอ่ยถามขันทีคสนิทด้วยเสียงแผ่วเบา “พ่ะย่ะค่ะ คุณหนูลู่เข้ามาช่วยท่านอ๋องจากสตรีแพศยานั่น…ท่านอ๋องรู้สึกตัวหรือไม่พ่ะย่ะค่ะว่าได้ล่วงเกินคุณหนูลู่ แม้จะเป็นเพียงการกอดก่ายแต่ก็มิสมควรเป็นอย่างยิ่ง” หลิวหยางพยักหน้ารับรู้ “เรียกนางเข้ามาทีเถิด ข้ามีเรื่องต้องขอโทษนาง” หลายเรื่องเลยทีเดียว “อะแฮ่ม! มีอันใดหรือเพคะ” เยว่ชิงกระแอมออกมา ร่างบางยืนกอดอก เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย มิใช่ว่านางยังโกรธท่านอ๋อง แต่นางมิรู้จะทำตัวอย่างไร เมื่อถูกทิ้งให้อยู่กับท่านอ๋องตามลำพังเช่นนี้ “ข้าอยากขอบใจเจ้า เรื่องที่เจ้าช่วยข้าวันนี้” “เพคะ” “และอยาก…ขอโทษเจ้า แม้เจ้าจะเกลียดข้าไปแล้ว แต่ข้าก็อยากให้เจ้ารู้ว่า ข้ามิได้มีเจตนาที่จะดูแคลนเจ้าแม้แต่น้อย” หลิวหยางที่เห็นว่าเยว่ชิงมิได้เอ่ยสิ่งใดกลับมาจึงคิดว่านางคงมิให้อภัยเขา ภายในอกวูบโหวงอย่างบอกไม่ถูก นางคงจะเกลียดเขาแล้วจริงๆ “…” “ข้าขอโทษ” คำขอโทษถูกเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา จนคนฟังแทบจะมิได้ยิน “แค่ขอโทษเองหรือ มิมีของมาขอโทษด้วยหรือเพคะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม