พิษรักมาเฟีย : ตอนที่ 7
"เฮ้อ...." เสียงถอนหายใจดังเป็นสิบครั้งตั้งแต่กลับมาถึงห้อง ดวงตากลมโตจ้องมองเอกสารรับเข้าทำงานตรงหน้าด้วยความเสียดาย ถ้าปฏิเสธก็เหมือนทิ้งเงินแสนไปต่อหน้าต่อตา
"หรือว่าเราควรจะทำงานนี้อย่างที่อาจารย์บอกดี สักปีสองปีแล้วค่อยลาออก ตอนนั้นก็จะมีเงิน...เดือนละแสน...สิบสองเดือนก็...ละ ล้านนนสะสองง ฉันจะมีเงินล้านผ่านบัญชีในปีเดียว" ฉันลองคิดคำนวณดูเล่นๆ แต่ผลที่ได้รับมันไม่เล่นเลย ทำเอาหัวใจฉันเต้นระส่ำ ต่อให้หักค่าใช้จ่ายแล้วเงินก็มีมากสำหรับฐานะอย่างฉันอยู่ดี
"แล้วทำไมมันง่ายแบบนั้นละ หรือฟ้าเห็นว่าฉันเหนื่อยมาเยอะแล้ว"
ฉันเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาเพื่อนสนิทของฉันคนเดียวที่มี อย่างน้อยสองหัวก็ดีกว่าหัวเดียว
ใช่เวลาไม่นานปลายสายก็รับด้วยน้ำเสียงสดใส
(ว่าไงลิน)
"เราไม่ได้โทรมารบกวนทิวาดึกๆใช่ไหม" ทันทีที่ปลายสายตอบรับมาฉันก็รู้สึกผิดที่ต้องโทรหาเพื่อนดึกๆ
(ไม่รบกวนเลย เราไม่ได้ยุ่งแถมยังไม่ง่วงด้วย)
"เรามีเรื่องจะปรึกษา เราคิดวนไปวนมาไม่รู้จะเอายังไงดี"
(พูดมาได้เลย วันนี้เราจะเป็นผู้คลายความกังวลให้ลินเอง)
"คือวันนี้อาจารย์เรียกเราไปคุยเรื่องงาน พอดีมีบริษัทสนใจดึงตัวเราไปทำงาน เพราะอาจารย์ส่งเกรดเราไปให้ทางนั้นดู แล้วทางนั้นก็รับเราทั้งที่ยังไม่เคยสัมภาษณ์ ยังไม่เคยเจอหน้าเราด้วยซ้ำ เราว่ามันแปลกๆ"
(ทำไมเราคิดว่ามันไม่แปลกล่ะ ทำไมไม่ลองนึกถึงดาราที่ถูกแมวมองดึงไปเล่นละครล่ะ ตอนทาบทามก็ไม่ได้รู้ว่าเด็กคนนั้นแสดงเก่งไหม แต่หน้าตาเหมาะสม มันก็ต้องผ่านการเทรนการเรียนรู้อยู่ในนั้น มันก็คล้ายๆลินที่ใบเกรดบอกว่าลินเก่งเขาเลยรับ และพอไปทำงานยังไงลินก็ต้องไปเทรนไปเรียนรู้กับบริษัทนั้นอยู่ดี เราเชื่อว่าอาจารย์มองคนออกว่าใครจะสร้างชื่อให้กับมหาวิทยาลัย อาจารย์เขารู้ว่าลินมีความรับผิดชอบไง ทางนั้นก็คงเชื่อใจอาจารย์)
"มันก็จริง หรือเราคิดมากไปเอง"
(เรารู้ว่าลินอยากกลับไปทำงานใกล้บ้านที่ต่างจังหวัด แต่เราอยากให้ลินคว้าโอกาสนี้ไว้นะ อย่างน้อยก็เก็บเงินสักก้อน ไม่แน่นะพอได้เงินก้อนลินอาจจะไปเปิดร้านเปิดบริษัทเล็กๆเป็นเจ้าของเองเลยก็ได้ เดี๋ยวนี้ใครก็อยากเป็นเจ้าของธุรกิจกันทั้งนั้น)
"อืมๆ อนาคตมันก็ไม่แน่นอนทั้งนั้นแหละเนอะ" คำพูดของทิวาทำให้ฉันคิดถึงเรื่องของร้านที่ตัวเองทำอยู่ ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องวุ่นๆขึ้น เหมือนกับชีวิตฉันเองตอนนี้ ที่ไม่คิดว่าจะได้โอกาสจากบริษัทดีๆรับทำงาน
"ขอบใจทิวามากเลยนะ เราตัดสินใจได้แล้วล่ะ ถ้าเราไม่มีทิวาเป็นที่ปรึกษาเราคงทิ้งโอกาสดีๆแบบนี้ไปจริงๆ"
(ว้าวว...ดีใจด้วยนะ จบปุ๊บมีงานทำปั๊บ แบบนี้โคตรเจ๋ง)
พอจบเรื่องนี้ฉันกับทิวาก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยตามประสาเพื่อนสนิท ทั้งที่พึ่งโบกมือลากันไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ แต่คำว่าเพื่อนเรื่องเล่ามันเยอะ
@งานสัมมนาของมหาวิทยาลัย
ฉันและทิวารีบมากันแต่เช้าเพราะต้องมาลงทะเบียนเข้างาน นักศึกษาปีสี่ทุกคณะทุกสาขามารวมตัวกันในวันนี้ มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นว่ามีเพื่อนรุ่นเดียวกันเยอะขนาดนี้ เพราะฉันเรียนภาคค่ำนักศึกษาที่มาเรียนเลยน้อย ทุกคนสนใจกับงานครั้งนี้มาก มีตัวแทนจากบริษัทมากมายมาสัมภาษณ์งานในวันนี้ด้วย ทำให้ทุกคนรีบจับจองแต่ละที่ไว้ ใครได้ที่ทำงานก่อนเรียนจบมันคือเรื่องดีสำหรับเด็กจบใหม่
แต่ที่ฉันมาวันนี้ไม่ใช่เพราะอยากหางานที่ใหม่ทำหรอกนะ แต่ฉันอยากมาฟังประสบการณ์ของแต่ละบริษัทจะไปปรับใช้ในการทำงานบ้าง เพราะหลังจากวันนั้นฉันก็เอาเอกสารทุกอย่างมาให้อาจารย์และเซ็นต์ตกลงเข้าทำงานที่นั่นเรียบร้อยแล้วล่ะ ตอนนี้ก็เหลือแค่ว่าฉันเดินเข้าไปทำงานที่บริษัทนั้น
ส่วนเรื่องที่ร้านอาหารก็น่าจะเกินอาทิตย์ ทำให้ฉันนอนหายใจทิ้งไปวันๆอยู่ในห้องพักตัวเอง เมื่อวานนี้เจ้าของร้านก็ได้บอกให้พวกเราไปหางานอื่นทำกันก่อน เพราะคงอีกนานกว่าจะเสร็จกระบวนการตรวจสอบตามหลักโภชนาการด้านอาหาร แล้วกว่าจะกู้ชื่อเสียงกลับมาคงใช้เวลาอีกหลายเดือน
"ทิวาเล็งบริษัทไหนไว้ไหม ลองไปสัมภาษณ์ดูสิ"
"เดี๋ยวจะลองยื่นเอกสารสัมภาษณ์ดู ถ้าได้ที่เดียวกับลินก็คงดี เราก็เล็งที่ลินทำไว้เหมือนกัน"
"เอาสิ ดีเลยเราจะได้มีเพื่อนตอนไปทำงาน ไม่งั้นนั่งหงอยอยู่คนเดียวแน่" ฉันพูดด้วยความดีใจและเห็นดีเห็นงามด้วย
"ลินๆ อาจารย์อุไรเรียกหาน่ะ อาจารย์บอกว่าด่วนหน่อยนะ"
"อ่อๆโอเค ขอบใจนะที่มาบอก" ฉันพยักหน้าและตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ เมื่อเพื่อนที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันเดินเข้ามาบอกฉันที่กำลังยืนคุยกับทิวาอยู่
"งั้นเราไปหาอาจารย์ก่อน สงสัยเรียกไปคุยเรื่องที่ทำงานแน่เลย เห็นว่าวันนี้จะให้ฉันพูดคุยกับคนของบริษัทนั้น"
"โอเคจ้า ถ้าเสร็จแล้วโทรหาเราได้นะ เราก็อยู่แถวนี้แหละ"
ฉันและทิวาแยกกันคนละทาง ฉันรีบเดินไปที่ห้องพักอาจารย์หน้าตั้ง เพราะถ้าเป็นคนที่มาสัมภาษณ์จริงๆก็ไม่อยากให้เขารอนาน
ติ๊ง
"หื้ม...ก็ถูกชั้นแล้วนิ มาทำอะไรกันเยอะแยะ"
ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อมาถึงชั้นเป้าหมาย แต่ฉันถึงกับชะงักไปและหันไปมองดูเลขชั้นเป้าหมายอีกครั้ง คือชั้นห้องพักอาจารย์ถูกแล้ว แต่บริเวณรอบๆทั้งชั้นเต็มไปด้วยชายชกรรจ์ชุดสูทสีดำราวกับมีคนใหญ่อยู่ในชั้นนี้ ทุกก้าวที่ฉันเดินมาตามทางถูกจับจ้องด้วยคนพวกนั้น ทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก…
ฉันสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ไม่ใช่เพราะกลัวอาจารย์ในห้อง แต่เป็นเพราะผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องต่างหากล่ะ สายตาสองคู่นั้นจับจ้องราวกับเครื่องจับผิด
แกร่ก
"ขออนุญาตค่ะอาจารย์"
"อลินดามาแล้ว เข้ามาลูก" อาจารย์พูดด้วยรอยยิ้ม
"อาจารย์เรียกหนูมาพบมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" ฉันรีบเดินไปหาอาจารย์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยท่าทางนอบน้อมเหมือนเดิม
"เห็นว่าเราอยากให้คนที่บริษัทมาสัมภาษณ์ วันนี้ผู้บริหารบริษัทมาเองเลยนะ แถมยังเซ็นต์รับรองเอกสารที่เราตกลงทำงานกับมือท่านเองเลย แล้วท่านจะมายื่นข้อเสนอให้เราเข้าไปเรียนรู้งานระหว่างเรียนได้เลยนะ"
"คะ? ผู้บริหารเหรอคะ เรียนรู้งานระหว่างเรียน?" ใบหน้าหวานแสดงความสงสัยออกมาอย่างเปิดเผย ครั้งนี้กลายเป็นว่าฉันไม่เข้าใจสิ่งที่อาจารย์พูดสักประโยคเดียว ในสมองฉันมีแต่คำถาม
"อลินดา ชื่อเล่น ลิน คือเธอสินะ"
น้ำเสียงเรียบนิ่งและชวนขนลุกดังมาจากด้านหลังทำเอาฉันเสียวสันหลังวาบ น้ำเสียงนี้มันเหมือนฉันเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน น้ำเสียงที่เหมือนกับ.....
"คุณชาร์ล" เมื่อฉันหันมาตามเสียงเรียกชื่อตัวเองก็ต้องตกตะลึงไปกับชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง เขาสวมชุดสูทเต็มยศ ใบหน้าคมคายเรียบนิ่ง และสายตาไร้ซึ่งความรู้สึกกำลังจับจ้องมาที่ฉัน
"คะ คุณมาอยู่ ที่นี่..." คำพูดของฉันกลืนหายไปในลำคอทันทีเมื่อนึกถึงบุคคลกลุ่มนั้นหน้าห้อง นั่นคือลูกน้องของเขาทั้งหมดเหมือนวันที่มาร้านอาหาร และวันนี้เขาคือผู้บริหารบริษัทที่ฉันกำลังจะทำงานงั้นเหรอ
"อลินดารู้จักคุณชาร์ลด้วยเหรอลูก อย่างนี้ดีเลย จะได้ไม่ต้องแนะนำอะไรกันเยอะ"
"ไม่รู้จักค่ะ" ฉันรีบหันไปปฏิเสธกับอาจารย์ทันที "คือหนูเคยเห็นเขาตามข่าวค่ะ"
"หึ" ชาร์ลหัวเราะในลำคอเบาๆ และค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆเด็กสาวตัวเล็กที่ยืนตัวเกร็ง ก่อนจะเดินเลี่ยงไปนั่งโต๊ะรับรองที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น เขาเห็นเธอตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องแล้ว แต่เธอเองไม่ได้สนใจอย่างอื่น มุ่งตรงไปที่อาจารย์ของเธออย่างเดียว
"ไปแนะนำตัวกับท่านอีกครั้งสิลูก คุณชาร์ลเป็นถึงผู้บริหารบริษัทซีแอลที่เรากำลังจะเข้าไปทำงานเลยนะ ถ้าอยากคุยอะไรสอบถามอะไรก็ถามท่านไปตรงๆ ไม่ต้องเกร็ง คุณชาร์ลใจดี"
"เอ่อ..คือ..." พอเห็นหน้าอาจารย์ที่เหมือนจะกำลังส่งฉันไปได้ดีก็พูดไม่ออก แต่อาจารย์จะรู้ไหมว่าแท้ที่จริงแล้วมันเหมือนส่งฉันไปลงนรกมากกว่า แล้วไอ้ชื่อบริษัทนี้ฉันก็เห็นเด่นหราอยู่บนหัวกระดาษตั้งแต่วันแรก ไม่นึกว่าจะเป็นตัวย่อชื่อจริงๆของเขา
"เดี๋ยวค่ะ อาจารย์จะไปไหนคะ"
"ก็ให้เราคุยกับท่านไปตามลำพังอาจารย์จะอยู่ฟังได้อย่างไรกัน เสียมารยาทแย่เลย มันคือการสัมภาษณ์ระหว่างบริษัทและนักศึกษานะจ๊ะ" หลังจากพูดจบอาจารย์ก็เดินออกไปเลย
"อาจารย์คะ อาจารย์..."
ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความกังวล ดวงตากลมโตเหลือบไปมองชายหนุ่มที่นั่งรออยู่บริเวณนั้น แต่กลับเห็นสายตาคู่นั้นยังจับจ้องมาที่ฉันไม่วางตา
"ฉันไม่ได้ว่างมานั่งดูเธอคุยกับอาจารย์" ชาร์ลพูดขึ้นหลังจากในห้องเงียบลง เหลือเพียงเขาและเด็กสาวตัวเล็กที่ยืนมองเขาอย่างไร้มารยาท
"คุณทำแบบนี้ทำไม คุณทำให้ร้านอาหารต้องปิด แล้วนี่คุณยังมาระรานฉันถึงมหาวิทยาลัย คุณกำลังต้องการอะไรกันแน่"
"ฉันไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เธอจะมายืนตะคอกฉันนะอลินดา เธอเป็นคนเซ็นต์ยอมรับข้อเสนอฉันเอง!" สายตาคมจ้องมองเด็กสาวในชุดนักศึกษาที่ยืนด่าเขาฉอดๆด้วยความไม่พอใจ