ขัดสน(1)
ทารกน้อยกรีดร้องดังหลังจากร่างอวบของเจ้นุชเดินออกจากบ้านไม่นาน ดารารัตน์รีบตรงไปที่เปล อุ้มร่างจ้ำม่ำของลูกสาวมาแนบอก
“โอ๋ ไม่ร้องนะคนเก่งของแม่”
คุณแม่ยังสาวปลอบลูกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แววตาจับจ้องอยู่ที่ใบของลูกด้วยความรัก แม้ในใจจะว้าวุ่นแต่หญิงสาวไม่เคยหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียกับเจ้าร่างป้อมในอ้อมแขน
ลูกคือสิ่งเดียวที่เธอมีในตอนนี้ ลูกที่หวังเป็นโซ่ทองคล้องเธอและสามีให้ครองรักกันตลอดไป แต่สุดท้าย...คนที่เธอรักก็ทำให้เจ็บมากที่สุดได้อย่างไม่น่าเชื่อ
หลังคลอดน้องแก้มหอมไม่ถึงครึ่งปี เธอจับได้ว่าสามีแอบเลี้ยงผู้หญิงอื่น แทนที่ปณตจะรู้สึกผิดหรือละอายใจ เขากับบอกเธอได้เต็มปากว่าหมดรักเธอแล้ว ส่วนลูกเขาจะส่งเสียรับผิดชอบทุกอย่าง
วันที่เขาเก็บข้าวของเดินขึ้นรถ ผู้ชายคนนนั้นไม่คิดบอกลาลูกสักคำ ดารารัตน์ได้แต่มองการกระทำของเขาอย่างเงียบๆ เธอไม่มีคำอ้อนวอนหรือแม้แต่น้ำตาสักหยด แต่พอรถยนต์ของเขาเคลื่อนตัวออกไป แก้มหอมที่กำลังหลับก็สะดุ้งตื่นส่งเสียงร้องจ้า เธอทำได้แค่กอดลูกรัก พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับทำนบแตก
สามปีที่คบกัน สองปีที่เธอยอมใช้ชีวิตร่วมกับเขา โดยไม่มีแม้แต่งานวิวาห์หรือใบทะเบียนสมรส เพราะความโง่หลงเชื่อลมปาก ที่มักมาพร้อมคำว่ารักของปณต กว่าจะรู้ตัวหัวของเธอก็มีเขางอก ยังโง่ซ้ำซากที่ยังหลงเชื่อคำลวงของคนเลว เจ้นุชเจ้าของบ้านหลังที่เธอซุกหัวนอน คนที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่ บอกให้เธอย้ายออกจากบ้านหลังนี้ภายใจสิ้นเดือน
ดารารัตน์คิดไม่ตก ก่อนหน้าเธอเป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง แต่หลังจากตั้งท้องอดีตสามีที่มีบริษัทรับเหมาก่อสร้างเล็ก ๆก็ขอให้เธอลาออก ตอนนั้นเข้าใจว่าปณตเป็นห่วงเธอและลูกในท้อง แต่ความจริงแล้วเขาอยากให้เธอเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ส่วนตัวเขามักเอาเรื่องงานมาบังหน้า หลายครั้งที่ปณตกลับบ้านผิดเวลา แต่เธอก็โง่พอเข้าใจว่าเขาขยันทำงานเพื่อสร้างอนาคตให้ลูก
ปณตส่งเสียค่าเลี้ยงดูแก้มหวานเพียงสามเดือน พอเข้าเดือนที่สี่เขาก็หายเงียบไป
เขาเปลี่ยนเบอร์ทำให้ติดต่อไม่ได้ พอเธอตามไปที่ตึกแถวที่เป็นสำนักงานของบริษัท ก็เห็นมีป้ายประกาศแปะคำว่า ‘ปิด’ ไม่มีใครรู้ตอนนี้ปณตไปอยู่ที่ไหน
เมื่อก่อนเธอไม่เคยระแวงในตัวสามีสักนิด ไม่เคยเข้าไปวุ่นวายกับงานของเขา ถึงเป็นผัวเมีแต่ดารารัตน์ก็ไม่เคยเห็นสมุดบัญชี หรือรู้ยอดเงินในบัญชีของอีกฝ่าย เขาให้เงินเธอเป็นรายเดือน ดารารัตน์ก็แค่มีสิทธิ์บริหารเงินก้อนนั้น ทั้งค่ากินและค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
แม้แต่บ้านหลังนี้ปณตเคยบอกว่าตั้งใจจะซื้อเป็นของขวัญให้ลูก ใครจะรู้ว่าทั้งหมดเขาหลอกเธอมาตลอด เขาไม่เคยคิดจะสร้างหลักประกันอะไรสักชิ้น ทุกอย่างเป็นเพียงลมปากของคนหลอกลวง
ค่าเช่าบ้านที่ค้างเจ้นุช ยอดของมันไม่น้อยเลยสำหรับคุณแม่ลูกอ่อนที่ไม่มีงานทำมาเกือบสองปี เงินเก็บที่มีก็ไม่มากพอสำหรับค่าเช่าที่ค้างถึงสามเดือน หากจะต้องหาที่อยู่ใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในทำเลดีผู้คนในซอยก็ไว้ใจได้ อย่างน้อยเธอก็รู้จักมักจี้เพื่อนบ้านหลายคน
เธอทำได้แค่ผลัดผ่อนเจ้นุชออกไป เงินในบัญชีที่เหลือต้องเก็บไว้เป็นค่าอาหารและค่าใช้จ่ายของลูก เธอไม่หวังความช่วยเหลือจากผัวสารเลวนั้น เพราะเด็กห้าขวบยังเข้าใจ...
ปณตตั้งใจลอยแพเธอกับลูก
รถยนต์สัญชาติยุโรปสีดำคลานมาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง พร้อมกับร่างสะโอดสะองก้าวลงจากรถ เจ้าหล่อนหันไปยิ้มส่งจูบให้คนขับก่อนที่รถคันนั้นจะเคลื่อนตัวออกไป พอก้าวขาเข้าประตูรั้ว หูก็ได้ยินเสียงเด็กร้องจ้าดังมาจากบ้านข้างๆ ความจริงวริยาควรรีบเข้าบ้านอาบน้ำนอนพักเอาแรง หลังจากกรำศึกกับผู้ชายที่เพิ่งมาส่งเมื่อครู่ แต่พอนึกถึงใบหน้ากลมของยัยหนูหญิงสาวก็เปลี่ยนใจ
“ยัยหนูเป็นอะไรหรือดาว”
วริยาถือวิสาสะเปิดประตูบ้านเข้ามา ภาพที่เห็นทำให้หล่อนต้องถอนหายใจ ดารารัตน์กำลังอุ้มเจ้าก้อนกลมที่กำลังอ้าปากแผลงฤทธิ์สุดกำลัง