ภายใต้สายน้ำอันเงียบสงัด มีแรงกระเสือกกระสนดิ้นรนเอาชีวิตรอด จนรู้สึกได้ถึงความบีบรัดคับขัน โดยไร้ซุ้มเสียงใดแพร่งพรายให้ได้ยิน
แม่นางแสงจันทร์ดิ้นทุรนทุรายไปกับการแกะแหเหล็กที่ผูกมัดข้อเท้า แต่ยิ่งดิ้นรนยิ่งเหมือนจะผูกรัดแน่นขึ้น ยิ่งตะเกียกตะกาย คล้ายยิ่งถูกแรงพลังฉุดรั้งให้ตกลงไปเรื่อยๆ…
ชายร่างยักษ์ที่อึดอัดแทบขาดใจ ยังแข็งขืนดึงรั้งนางเข้าใกล้ แม้แหจะหลุดจากข้อเท้า แต่มันกลับสามารถคว้าจับข้อเท้านางไว้เต็มฝ่ามือ…
ร่างใหญ่โตทรงพลังฉุดกระชากดรุณีผู้อ่อนล้า ดิ่งลงไปจนถึงก้นทะเลสาบ
จะอย่างไรคำสั่งที่มันได้รับบัญชา จำต้องบรรลุถึงที่สุดก่อนจะสิ้นลมหายใจ
ชายร่างยักษ์แสยะยิ้มเหี้ยมมองหญิงสาวที่ไม่อาจดิ้นรนออกจากอุ้งมือ อีกชั่วอึดใจทั้งคู่จะขาดใจตายโดยพร้อมเพรียง …นับเป็นความตายที่ไม่เงียบเหงาแล้ว
ความปลาบปลื้มของนักฆ่าร่างยักษ์ส่งพลังไปยังข้อมือ บีบรัดเท้านางดั่งคีมเหล็กหลอม ไม่ว่านางจะออกแรงมากเพียงใด ก็ไม่อาจแกะง้างนิ้วมันสักน้อย
นางทั้งทุบตี ทั้งใช้เท้าช่วยถีบยัน มือทรงพลังยังบีบรัดให้นางรอคอยมัจจุราชที่คืบใกล้แค่เอื้อม
ตราบกระทั้งห้าวซิ่งแวกว่ายสายน้ำมาถึงตัว ลมหายใจในปอดนางแถบหมดสิ้นไม่เหลือหล่ออีก
ห้าวซิ่งรีบเร่งเข้ามาช่วยแกะมือยักษ์ แต่ไม่อาจกระดิกกระเดี้ยนิ้วมันสักนิด แม้ห้าวซิ่งจะชักกริชสั้นจากสายรัดเอวนาง มาช่วยแทงเฉือนข้อมือมัน แต่ยังดูไร้ผลใดกับร่างคงกระพันของมันแม้แต่น้อย
สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายหนักขึ้น เมื่อแม่นางแสงจันทร์เกิดอาการร่างกระตุกเกร็ง มือเท้านางอ่อนเปรี้ย จนปล่อยตัวเหลือกตาค้าง สองแขนผายไร้เรี่ยวแรงไปตามสายน้ำที่เอื้อยไหล
…' แม่นางแสงจันทร์ ! เจ้าห้ามมาตายต่อหน้าข้าเด็ดขาด ! '...
ห้าวซิ่งร้องบอกตัวเองในใจก่อนจะว่ายขึ้นไปหานาง ทันทีที่เห็นหน้าซีดเผือกร่างเกร็งกระตุก ราวกับไร้อากาศหล่อเลี้ยงร่างกายไปแล้ว
ทันทีนั้นห้าวซิ่งพลันใช้วิธีถ่ายทอดลมหายใจ ที่เคยเรียนรู้มาจากนักพรตชาวภารตะ
มันตรงเข้าประกบริมฝีปากนาง ใช้ลิ้นสอดแทรกเปิดฟันนางให้ง้างออก ก่อนจะส่งลมปราณถ่ายทะลักผ่านลำคอ เข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกายนาง เพียงครู่เดียวแม่นางแสงจันทร์จึงเผยอเปิดเปลือกตาลืม สติฟื้นคืนไปกับไออุ่นที่ถ่ายเทจากลำคอ
อาการรู้สึกตัวของนาง ทำให้การถ่ายทอดลมปราณขาดช่วงในฉับพลัน เพราะนางได้สะบัดหน้าหนี ซ้ำยังผลักหน้าห้าวซิ่งไปในบัดดล
พอเห็นนางฟื้นคืนเรี่ยวแรง ห้าวซิ่งจึงผละจาก เร่งรีบว่ายน้ำขึ้นสู่เบื้องบนในพริบตา
ชั่วครู่ที่มันพรากจากไป หญิงสาวคล้ายใจหายวาบเบาหวิว ราวกับทารกน้อยถูกทอดทิ้งไว้เพียงลำพัง
…ไม่ว่าจะเป็นผู้เข้มแข็งเพียงใด เมื่ออยู่ในภาวะเป็นตายจะกลับกลายเป็นเปราะบาง ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้…
เมื่อความหวังหนึ่งเดียวของนางลอยหายไปตามสายน้ำ นางจึงพลันเดือดดาลขึ้นอีกครา
หญิงสาวได้ระบายโทสะไปกับชายร่างยักษ์ นางจึงก้มตัวลงไปหามัน ด้วยท่วงท่าแลกชีวิต โดยพวยพุ่งสองดัชนีตรงเข้าหาดวงตามัน
เป็นจุดเดียวที่นางคิดทำร้ายได้ กลับถูกฝ่ามือที่ร้อยพันแหเหล็กเข้าคว้าจับอุ้งมือนางไว้อีกข้าง
กาแก้ไขของนางกลับกลายเป็นบีบคั้นกว่าเก่า ทั้งมือและเท้าถูกพันธนาการยึดเหนี่ยวไม่อาจกระดิกกระเดี้ย
นางทุรนทุรายปวดแปลบที่ข้อมือ ขณะที่ปอดนางเริ่มพองขยายอึดอัด กลายใกล้จะสิ้นลมปราณไปทุกที
ชั่วอึดใจก่อนนางจะดับด้าวดิ้น ความหวังหนึ่งเดียวของนางพลันว่ายกลับลงมา โดยมีเชือกเส้นหนาติดมาในมือ เป็นเชือกอันยืดยาวที่ผูกตรึงไว้เหนือผิวน้ำ อีกปลายถูกมันพาตรงมาใต้น้ำ
ที่แท้ในช่วงเวลาอันจำกัด ห้าวซิ่งรีบขึ้นไปสูดรับลมหายใจให้เต็มปอด แล้วรีบไปดึงเชือกคดยาวออกจากถุงสัมภาระ จากนั้นจึงผูกปลายข้าหนึ่งไว้กับอานม้า ก่อนจะดึงปลายอีกด้านกระโดดลงน้ำไป
ห้าวซิ่งดิ่งลงสู่ก้นทะเลสาบอย่างรวดเร็ว มุ่งตรงมายังคนทั้งสอง แล้วใช้เชือกในมือเข้าผูกรัดเงื่อนไว้กับแขนใหญ่ยักษ์ จากนั้นจึงขึ้นไปหาหญิงสาวให้เตรียมเคลื่อนที่
ไม่ทันที่นางจะเข้าใจในวิธีการของมัน เท้าของห้าวซิ่งก็เร่งสะกิดเชือกกระตุก จนเกิดแรงสั่นชั่วครู่ จากนั้นเชือกจึงถูกดึงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ชักพาให้ทั้งสามถูกแรงดึงขึ้นในทันใด
ชายร่างยักษ์กระหยิ่มยิ้มทั้งที่ลมปราณใกล้ขาดช่วง มันเข้าใจว่าห้าวซิ่งไม่อาจทนดูไอยารัคตายได้ มีแต่ต้องช่วยเหลือให้ทุกคนพ้นจากน้ำไป
ทว่ามันคาดเดาผิดถนัด !...พอตัวพวกมันถูกชักดึงขึ้นมายังกลางสายธาร ห้าวซิ่งพลันกระตุกเชือกถี่ๆ ทันทีนั้นเชือกจึงถูกหยุดชะงักไร้แรงดึง
ชั่วขณะแห่งความเปลี่ยนแปลงนั้น ห้าวซิ่งได้ส่งเท้ายันแขนใหญ่ยักษ์ ที่หละหลวมจากการถ่ายเทพลัง
ห้าวซิ่งพลันถีบส่งเพียงครั้งเดียว มือยักษ์นั้นจึงเลื่อนหลุดจากข้อเท้านางในทันใด ห้าวซิ่งออดแรงอีกครั้งถีบตัวร่างยักษ์เป็นแรงส่ง สองแขนโอบรัดร่างนางพาทะลึ่งขึ้นสู่เบื้องบน…
ปล่อยทิ้งให้ชายร่างยักษ์แกว่งมือไปๆมาๆ คว้าจับได้แต่สายน้ำอันเลื่อนไหล พร้อมเพรียงกับที่ร่างกายมันค่อยๆร่วงลงตามแรงเชือกผ่อนหย่อนลง จนเกิดอาการตื่นกลัวไม่อาจระงับ
ดวงตามันเหลือกพอง ปากขยับร้องโดยไร้ซุมเสียง จะมีเพียงฟองอากาศนับสิบนับร้อยลอยระลอกสวนทางการดิ่งลง ดิ่งลง กระทั้งร่างมันดิ่งจ่มไปถึงก้นทะเลสาบ อันกลับกลายเป็นสุสานยะเยียบเย็นของมันในทันใด…
แตกต่างจากสองหนุ่มสาว ที่กระเสือกกระสนหนีตาย สองเท้าของห้าวซิ่งเร่งสะบัดแกว่งน้ำด้วยความหวาดหวั่น เพราะหญิงสาวในอ้อมกอดกำลังเกร็งกระตุก สองมือนางจิกหลังมันด้วยความอึดอัดใกล้สิ้นลม
ดวงตาสีเขียวดั่งมรกตเนื้องามกำลังพร่างพรายเลือนลาง มองชายหนุ่มเบื้องหน้าราวเห็นเป็นภูตพรายมานำวิญญาณนางสู่ปรโลก
เมื่อความตายกรายกร่ำ ในใจได้เกิดภาพในอดีตหลากหลาย ประสบการณ์ทั้งชีวิตปรากฏขึ้นมาเสี้ยวอึดใจ
ชั่วขณะก่อนจะขาดใจตาย หญิงสาวพลันเอื้อมมือมาจับคอชายหนุ่มไว้แน่น แล้วตรงเข้าประกบริมฝีปาก บดเบียดผิวเนื้อละมุนแนบแน่น ก่อนจะเผยอปากเชื่องช้า คล้ายลูกนกร้องขออาหารจากมารดา
ห้าวซิ่งหาได้ทำให้นางผิดหวังคลาดเคลื่อนจากแรงปราถนา
มันรีบเร่งเปิดปาก ถ่ายเทพลังปราณเข้าสู่ร่างกายนาง แต่ละลมหายใจที่ลอยเลื่อนเข้าไปพลิกฟื้นชีพจรนางทีละน้อย ทีละน้อย
ช่วยชุบหัวใจนางให้สูบฉีดโลหิตหล่อเลี้ยงกาย สองมือนางกอดเอวชายหนุ่มแนบแน่น นัยน์ตาพริบหลับ รอรับความอบอุ่นที่แทรกแผ่ซ่านเข้าไปถึงวิญญาณ
กระทั้งชีพจรนางฟื้นคืน สติตื่นตัว แต่หัวใจกลับเต้นระรัวซาบซ่านอย่างไม่เคยประสบ
นางหลับตาพริบ เปิดรับลมปราณชายหนุ่มด้วยความรู้สึกสุขสงบ ดั่งคืนสู่ครรภ์มารดารก็ไม่ปาน
…ผู้คนทั่วหล้ามักเป็นเช่นนี้ ยามผาสุขไร้ทุกข์ภัยย่อมไม่อาจสัมผัสแก่นแท้แห่งชีวิต ที่อยู่ในลมหายใจเข้าออกเพียงเท่านั้น….
ลมหายใจอันมีค่าหาได้อยู่นิรันดร์ เพราะลมปราณชายหนุ่มเหมือนจะแผ่วเบาอ่อนล้าลง พอหญิงสาวเปิดเปลือกตา จึงได้พบใบหน้าเคร่งเครียดของชายหนุ่ม คิ้วมันขมวดขุ่น หากยังประกบริมฝีปากแนบแน่น ไม่ยอมคลาดเคลื่อนหนีจาก
นางล่วงรู้ทันใดว่าห้าวซิ่งกำลังสิ้นสูญลมปราณลงทุกที แต่มันยังแข็งขืนถ่ายเทลมปราณไม่หยุดยั้ง
เหมือนกับมันทุ่มเทใช้ทั้งชีวิตเข้าแลก เพื่ออิสตรีที่เพิ่งพบพาน…
ดวงตาสีเขียวอ่อนจ้องมองคนเถื่อนที่นางด่าว่าผิดแปลกไป นางรู้สึกถึงถึงใจละอุอุ่น เห็นธาตุแท้แห่งชายชาตรีที่ไม่ต้องเสแสร้งมายา
ยิ่งเข้าถึงใจมัน ใบหน้านางยิ่งแดงซ่าน พร้อมๆกับที่เกิดความห่วงใยในตัวมัน จนต้องยกมือมาสกิดไหล่มัน ก่อนจะถอนริมฝีปากออกจากกัน
ถึงกระนั้นนางก็ยังก้มหน้าเอียงอาย ซบหน้าอยู่กับอกมัน โดยไม่กล้าเงยประสานสายตา
รอจนห้าวซิ่งว่ายพานางขึ้นมาเหนือผิวน้ำ หญิงสาวจึงสามารถเงยหน้าสูดรับอากาศได้เต็มปอด
แล้วพอนางถูกพามาถึงยังเนินหญ้าริมน้ำ หญิงสาวพลันรีบคลายวงแขนที่กอดรัด จากนั้นจึงแยกไปนอนตะแคง หันหลังให้มันด้วยความขวยเขิน ปะปนอยู่กับความเหนื่อยล้าสุดประมาณ
ส่วนห้าวซิ่งลงไปนอนแผ่หลา หอบหายใจถี่ แต่ยังไม่วายหัวเราะเสียงลั่น ดีใจกับชีวิตที่รอดมือมัจจุราชมาได้อย่างเฉียดฉิว
" ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ !...รอดแล้ว รอดแล้ว !...เจ้ามัจจุราช ข้ายังไม่ไปกับเจ้าหรอกนะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ !...."
เสียงหัวเราะของมันก้องกระจายไปกับเสียงเจ้าลอยลม ที่ร้องประสานดังฮี่ ฮี่ ฮี่…
แม้แต่แม่นางแสงจันทร์ยังยิ้มเบิกกว้าง กับชีวิตที่รอดยืนยาวมาอีกครา…
อาทิตย์อัสดงทอแสงเรือง ขอบฟ้าเริ่มเจือสีส้มอมแดงระเรื่อ
ทะเลสาบใสกระจ่างสะท้อนเงามวลเมษดาษดา
บนเนินหญ้าริมชายน้ำใส่ ยังมีกองไฟโชยควันกรุ่น สร้างความอบอุ่นให้เสื้อผ้าหลายชิ้น ที่ถูกแควนไว้กับง้ามไม้อิงไอไล่ความชื่น
ส่วนเจ้าของอาภรณ์ สวมใส่เพียงกางเกงเบาบาง เปลือยอก เท้าเปล่า ยืนเคียงข้างอยู่กับอาชาสูงใหญ่ ที่กำลังเดินรุดหน้าลากเชือกยาวจากใต้น้ำ ลากเอาศพชายร่างยักษ์ขึ้นจากน้ำมาที่ละน้อย ที่ละน้อย
แม่นางแสงจันทน์ที่นั่งผิงไฟโดยไม่ยอมผัดเปลี่ยนอาภรณ์ เฝ้ามองทั้งคนทั้งม้าพยายามเข้าใจการกระทำของมันอยู่ครู่ใหญ่
กระทั้งเข้าใจแจ่มแจ้ง ว่าทะเลสาบเสี้ยวพระจันทร์เป็นแหล่งน้ำหนึ่งเดียวในระยะสามร้อยลี้ หากมีซากศพเน่าเปื้อยอยู่ภายใน แหล่งน้ำย่อมไม่สะอาดพอให้ดื่มกินแล้ว
หญิงสาวเผลอยกยิ้มไม่รู้ตัว ขณะเฝ้ามองพวกมัน ในมือนางยังมีถุงหนังบรรจุสุราที่ถูกนำออกจากหีบไม้
การดื่มสุราคลายความเย็นชื่นจากการเปียกปอน เคล้าเข้ากับกิจกรรมลากศพขึ้นจากน้ำ ช่างเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ ที่นางไม่เคยพบพานเลย
แต่พอชายร่างยักษ์ถูกลากขึ้นมาบนฝั่งได้จริงๆ หญิงสาวพลันนึกคิดอะไรขึ้นมาได้ในทันใด
" เดี๋ยวก่อน !...อย่าเพิ่งฝังมัน "
แม่นางแสงจันทร์ร้องลั่น พลางวิ่งตรงไปยังศพชายร่างยักษ์
" เจ้านะเจ้า ! แม้แต่คนตายเจ้ายังคิดขโมยทรัพย์สินมันอีกรึ ? "
ห้าวซิ่งร้องถามด้วยรอยยิ้มยียวน ขณะลูบหัวเจ้าลอยลมแผ่วเบา
แต่การเยาะหยันของมันครานี้ หาได้ทำให้นางขุ่นเคืองสักน้อยนิด หญิงสาวยังส่งยิ้มบางๆ พร้อมกับโยนถุงหนังบรรจุสุราให้
" เจ้าไม่พูด ก็ไม่มีใครวาเป็นใบหรอกนะ เจ้าคนเถื่อน ! "...
หญิงสาวเบือนหน้าอมยิ้มพูดเบาๆ แล้วก้มลงไปสำรวจร่างมือขวานทมิฬ
ส่วนห้าวซิ่งยกสุราขึ้นดื่มด้วยรอยยิ้มไม่แตกต่าง เพราะมันรู้ดีว่าถ้าชาวมองโกลส่งมอบสุราให้ใครดื่ม มีค่าเท่ายอมรับการผูกมิตรเป็นสหายกันแล้ว
" ข้าชื่อห้าวซิ่งนะสหาย ไม่มีใครเรียกสหายว่าคนเถื่อนหรอกนะ แม่นางแสงจันทร์ "
มันกล่าวระรื่นโดยไม่คิดรอคอยคำตอบจากนาง ก่อนจะทอดน่องไปกับอาชาคู่ใจ กระดกดื่มเมลัยเคล้าสายลมอบอุ่นยามสนธยา….