ห้าวซิ่งกู่ร้องยินดี กระตุ้นให้หญิงสาวที่สบหน้าอยู่กับแผ่นหลังมัน ค่อยผงกหัวเปิดเปลือกตามองด้วยความอ่อนล้าโรยแรง พลางกล่าวแผ่วเบาราวเสียงละเมอ
" ใต้ต้นไป๋หยางริมน้ำ ! "...
สาวมองโกลกล่าวได้เพียงเท่านั้นก็ซบหน้ากับหลังชายหนุ่ม อีกมือเลื่อนขึ้นมากุมแผลที่หัวไหล่ มีอาการทั้งเจ็บปวดทั้งอ่อนเพลียเหมือนพิษจะกำเลิบขึ้นมิใช่น้อย
แม้เห็นแล้วห้าวซิ่งจะอดห่วงใยมิได้ แต่มันยังไม่วายหยอกเย้า ก่อนจะกระตุ้นม้าให้ลงจากเนินไป
" เจ้านี่สั่งเป็นจ้าวหญิงเลยนะนางหัวขโมย !...อย่าเพิ่งกำเลิบดีใจไปล่ะ ที่ช่วยเจ้านิเพราะไม่อยากให้เจ้าตกตายไป ประเดี๋ยวจะไม่มีใครจ่ายค่าสินค้าที่เจ้าและเล็มไป !...รู้ไว้เสียด้วย ! "
ห้าวซิ่งพูดพลางขยับม้าควบขับไปช้าๆ เหมือนจะให้หญิงสาวที่ด้านหลังดูว่าต้นไป๋หยางที่นางบอก คือต้นใดกันแน่
" นี่ดีนะที่ข้ายังใจดี เรียกร้องแค่ทรัพย์สินชดเชย ไม่เหมือนไอ้ยักษ์นั้นที่เรียกเป็นชีวิตเจ้า…แต่พูดก็พูดเถอะ เจ้านี่กำลังขวัญไม่เบาเลยนะ แม้แต่สมบัติของพวกป้อมอารามัด เจ้ายังกล้าหยิบฉวย นับว่าไม่กลัวตายจริงๆ "
พอคำว่าป้อมอาราทัดหลุดออกจากปากชายหนุ่ม นางพลันเบิกตาโพลง ผงกหน้าขึ้นมองห้าวซิ่งด้วยความแตกตื่น
" มือขวานนั้นเป็นนักฆ่าแห่งป้อมอารามัดอย่างนั้นรึ ? "
สาวมองโกลร้องถามด้วยใจครุ่นคิดถึงเหล่าภาคีนักฆ่าพวกนั้น ที่ถูกกองทหารมองโกลกวาดล้างไปจนสิ้นทุกป้อมค่าย ตั้งแต่จอมข่านองค์ก่อน เหตุใดยังหลงเหลือพวกมันอยู่อีก
" อ้าว ! …นี่เจ้าเกือบตายเพราะมันอยู่แท้ๆ หากไม่รู้ที่มาที่ไปของมัน ตายไปจะไปบอกยมบาลได้อย่างไรฮ่า ฮ่า ฮ่า "
ห้าวซิ่งหัวเราะระรื่น ผสานเคล้าเข้ากับม้าคู่ใจชูคอร้องลั่น จนห้าวซิ่งต้องตบคอ แล้วลูบหัวมันเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปกล่าวเบาๆที่ข้างหูมัน
" แหม !...เจ้านี่ทำเป็นสุกรตะกละตะกามไปได้ ทั้งน้ำทั้งหญ้าอยู่นี่แล้ว เจ้าอยากดื่มกินก็เชิญเถิด ! "
เจ้าลอยลมขานรับ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ดั่งรู้ภาษา ก่อนจะขยับก้าวเข้าหาแหล่งน้ำโดยไม่ต้องรอให้ห้าวซิ่งควบคุม
ทำเอาหญิงสาวมองโกลต้องร้องทักทวงขึ้น
" นี่ม้าเจ้าจะไปไหน ?...ต้นไป๋หยางไม่ได้อยู่ทางนั้น ! "
" สงสัยเจ้าลอยลมจะไม่ชอบกินใบไป๋หยางกระมั้ง ! คิก คิก คิก ! "
ห้าวซิ่งตอบหน้าเป็น ขณะกระโดดลงจากหลังม้า ก้าวฉับๆไปยังทะเลสาป แล้วก้มลงจ้วงน้ำเย็นใสมาดื่มกิน ทั้งสาดใส่ชำระใบหน้าและลำคอ
เช่นเดียวกับอาชาคู่ใจ ที่ก้มลงไปดื่มกินน้ำเคียงข้างกับชายชาญ
ปล่อยทิ้งให้หญิงสาวที่นั่งบนหลังม้า เหม่อมองทั้งคู่อย่างแปลกประหลาดตา
แม้ชาวมองโกลจะขึ้นชื่อเรื่องความผูกพันธ์กับม้า แต่กับการดื่มกินยังคงแบ่งแยกเดรัจฉานกับมนุษย์ การดื่มเคียงข้างกันเช่นนี้นับว่าแปลกประหลาดไม่น้อย
ดูเหมือนการนิ่งมองเนินนานของหญิงสาว จะทำให้ห้าวซิ่งสะดุดหันมองกลับไปกับวาจาหยอกเย้า
" น้ำใสไหลเย็นยิ่ง เจ้าไม่มาดื่มกินชำระกายหน่อยเหรอ ? หรือถ้าเจ้าคิดจะอาบน้ำแล้วไร้เรี่ยวแรงเปลื้องเสื้อผ้า ให้ข้าช่วยแกะแก้ให้ดีหรือไม่ ! "
ห้าวซิ่งไม่พูดเปล่า มันยังลุกขึ้นดุ่มเดินตรงมาหานาง
ทำเอาหญิงสาวหน้าตาตื่น รีบคว้าดาบดำสนิทที่เหน็บอยู่ข้างสะโพกม้า ขึ้นมาชี้ไปหามัน
" เจ้าห้ามเข้ามาใกล้ข้า !...เจ้าคนเถื่อน ! "
กล่าววาจาไม่ทันจบ ร่างสูงระหงพลันร่วงหล่นจากหลังม้าลงไปกระแทกพื้นดังลั่น
อาจเพราะดาบใหญ่มีน้ำหนักมากเกินไป ผสานเข้ากับความอ่อนเพลีย เลยทำให้นางระทกระทวยปลิดปลิวดั่งใบไม้ร่วง
ทันทีที่ห้าวซิ่งเห็นอาการนาง จึงรีบเร่งผุดเดินเข้าใกล้ แต่แล้วกลับต้องชะงักค้างกระทันหัน เมื่อหญิงสาวยังคงกุมด้ามดาบด้วยสองมือ แล้วลากเรี่ยพื้นชี้ตรงไปหามัน พร้อมเอ่ยด้วยเสียงสั่นเทา
" เจ้าหยุดอยู่เพียงนั้น อย่าได้เข้ามา ! "
ชายชาญยืนกอดอก ยกยิ้มยียวนมองนางด้วยอารมณ์สนุกสนานมิใช่น้อย
" ชาวมองโกลนี่ดื้อรั้นโดยแท้ เจ้าแทบจะกระดิกกระเดี้ยมิได้แล้ว หากไม่ให้ข้าช่วยเหลือ เจ้าจะไปถึงต้นไป๋หยางของเจ้าได้อย่างไร ! "
" เรืองนั้นเป็นธุระของข้า หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้า "
หญิงสาวตอบโต้รวบรัด พลางใช้ดาบปักพื้นพยุงตัวยืนขึ้น จากนั้นจึงก้าวเดินโดยใช้ดาบใหญ่ต่างไม้เท้า พยุงตัวเดินไปอย่างแช่มช้า
" เหตุใดหัวแข็งเช่นนี้ !... นี่เจ้าเอาดาบข้าไปโดยไม่ขออนุญาติ เรียกว่าขโมยรู้หรือไม่ ! "
. " เชอะ !...ดาบอัปลักษณ์เช่นนี้ ประเดี๋ยวข้าจะคืนให้เจ้าอีกสิบด้าม "
นางสะบัดเสียงตอบ ทั้งที่เดินดุ่มๆโดยไม่หันไปมองมันสักนิด
จึงไม่เห็นว่าบุรุษหนุ่มค่อยขยับเดินตามมาเชื่องช้า สายตามันมองเอวคอดอ่อนช้อยด้วยความชื่นชมขึ้นอีกมิใช่น้อย
" ชดใช้เพียงดาบเองรึ ? เจ้ามาขโมยม้าแสนรักของข้าไปนะ จะว่าอย่างไร ? "
" เจ้าคนเถื่อนจอมละโมบ !...หากข้ากลับบ้านได้ จะชดใช้ม้าคืนให้เจ้าร้อยตัวเลย "
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า …เจ้านี่กล่าวเขื่องโขจริงๆ หากเจ้ามีม้าร้อยตัว ก็คงเป็นองค์หญิงของกุบไลข่านนั้นละมั้ง ? "
พอคำว่ากุบไลข่านหลุดออกจากปากห้าวซิ่ง สีหน้าหญิงสาวพลันแปรเปลี่ยนเป็นเคืองขุ่นขึ้นมาในทันใด บัดาลให้นางกระแทกเสียงตอบหนักหน่วง
" ข่านอกตัญญูชาติพันธ์ ทอดทิ้งรากเง้าบรรพบุรุษเช่นนั้น ข้าไม่ปราถนาเป็นบุตรหลานมันหรอก อย่าว่าแต่ม้าเลย แม้แต่ลาหรือสุนัขก็ไม่อยากแตะต้องของมันหรอก "
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ด่าได้ดี ด่าได้ดี …ข้าเพิ่งเคยได้ยินคนมองโกลด่าว่ากุบไลข่านก็คราวนี้เอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า …"
ห้าวซิ่งกล่าวพลางหัวร่อพลาง รูสึกยิ่งสนทนาใจยิ่งคึกคักขึ้นอักโข
" เหตุใดเจ้าว่ากุบไลข่านอักตัญญูเล่า ?...ในเมื่อผู้คนต่างยกย่องให้มันเป็นข่านผู้พิชิต โค่นต้าซ่งก่อตั้งราชวงศ์หยวนให้พวกเจ้าเรืองอำนาจไม่น้อย "
" เชอะ !...มันมัวเมาแต่วัฒนธรรมชาวฮั่น ไหนเลยสมควรเรียกตนเป็นจอมข่านแห่งมองโกลได้ ! "
ยิ่งนางกล่าวกระแทกกระทั่น ห้าวซิ่งยิ่งยิ้มระรื่นรู้สึกน่าเล่นสนุกมิใช่น้อย
" จะว่ามันไปใย ตัวเจ้าเองก็ฝักใฝ่ชาวเปอร์เซียมิใช่รึ มิเช่นนั้นคงไม่มีชื่อเปอร์เซียหรอก …ข้ารู้หรอกนะว่าชื่อไอยารัค แปลว่าแสงจันทราใช่หรือไม่ ?...เช่นนั้นข้าเรียกเจ้าว่าแม่นางแสงจันทร์ดีหรือไม่ "
ห้าวซิ่งคิดจะหยอกเย้าพูดคุยสืบต่อให้เนินนาน กลับต้องขาดสะบั่นไร้การเหลียวแล
เหตุเพราะแม่นางแสงจันทร์ได้ปลดปล่อยดาบให้หลุดจากมือ แล้วรีบเผ่นโผนไปยังต้นไป๋หยางที่นางปราถนามาแต่แรก
ปล่อยทิ้งให้ห้าวซิ่งเกาหัวแก๊กก๊าก รู้สึกเหมือนถูกปล่อยทิ้งลงเหวโดยไม่ทันตั้งตัว
มันได้แต่ก้มเก็บดาบ ขึ้นมายืนเท้าสะเอวเฝ้ามองแม่นางแสงจันทร์ที่กำลังเปิดช่องทางลับที่มีหญ้าปกคลุม อยู่ใต้ต้นไป๋หยางที่ทำตำหนิไว้ เผยให้เห็นหลุมกว้างลึกที่วางไว้ด้วยหีบไม้ใบใหญ่ ขนาดเท่าสองคนโอบ
ชั่วอึดใจนางได้ดึงเชือกสาวหีบไม้ขึ้นมาวางยังพื้นหญ้า พอเปิดออกจึงได้พบสิ่งของหลายชนิดอยู่ภายใน
มีทั้งไหเล็กใหญ่เจ็ดแปดไห ทั้งเสื้อผ้า ทั้งเกาทัณฑ์และลูกศรในซอง
แม่นางแสงจันทร์เลือกหยิบขวดกระเบื้องสีขาวขุ่นขึ้นมาเปิดออก แล้วเทผงสีขาวนวลๆลงบนฝ่ามือ ก่อนจะหันมาเหลือบมองชายหนุ่มด้วยแววตาเจ้าเล่ห์เจ้ากล
" เจ้าคนเถื่อน ในนี้มีอาหารแห้งอยู่ไม่น้อย เจ้ามาแบ่งเอาไปเถิด ถือว่าข้าใช้หนี้ล่วงหน้าให้เจ้าแล้วกัน "
" ประเสริฐยิ่ง ข้าหิวจนกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว ! "
ห้าวซิ่งร่ำร้องดีใจหน้าระรื่น พร้อมทั้งรีบดุ่มเดินเข้าหา
ขณะยื่นหน้าเจงข้าไปใกล้ มันกลับต้องตื่นตกใจตาเหลือกกว้าง เมื่อแม่นางแสงจันทร์ได้เป่าผงบนฝ่ามือให้ฟุ้งกระจายใส่หน้ามัน
" โอ๊ะ !...โอ๊ย !...นี่เจ้าทำอะไรเนี้ย ? แค๊ก แค๊ก แค๊ก !..."
ห้าวซิ่งร้องลั่น พลางถอยหน้าหนีไปพร้อมส่งเสียงไอแห้งๆ
เพียงชั่วอึดใจ ผงละเอียดได้แทรกซึมเข้าร่างกาย บันดาลให้กล้ามเนื้อมันเกร็งกระตุก มือไม้อ่อนระทวย ขาสั่นเทาจนร่างมันล้มลงไปนอนหงายแข็งทื่อ อย่างไม่ทันตั้งตัว
ยังดีที่ปากและลำคอของมันพอจะเคลื่อนขยับได้ จึงสามารถส่งวาจาด่าทอ ทั้งที่เสียงสั่นเครือ
" นางมองโกลเจ้าเล่ห์ !...นี่เจ้าตอบแทนคนที่ช่วยชีวิตเจ้าแบบนี้อย่างนั้นรึ นาง !...นาง !..."
ถ้อยคำที่คิดจะผรุสวาทตามต่อกลับแข็งค้าง โคนลิ้นแข็งเกร็งคับปาก จนไม่อาจขยับเขยือน
" ข้าจะทำแผลที่ไหล่ ไหนเลยให้เจ้ามองดูได้ เจ้านอนพักผ่อนไปสักหนึ่งชั่วยามเถิด ประเดี๋ยวก็ขยับได้เป็นปกติ !...อย่าได้ขวัญอ่อนนักเลยเจ้าคนเถื่อน ข้าไม่จับเจ้ากินหรอก คิก คิก คิก ! "
นี่นับเป็นหัวเราะที่หลังดังสะท้อนไปถึงขั้วหัวใจ…
ห้าวซิ่งได้แต่ด่าทอความโง่งมของตัวเอง ทอดสายตามองฟ้าอย่างไรทางต่อสู้
อิสตรียิ่งงามยิ่งอันตราย แสงจันทร์ที่สว่างไสวพอเกิดจันทรคลาส กลับมืดสนิทมองไม่เห็นทางออกแบบนี้เอง…