ตอนที่ 5 เหนืออินทรี
“ถ้ามึงกล้า มึงก็ยิงเธอสิ”
คำพูดของอินทรีทำเอายี่หวาถึงกับเบิกตากว้าง ความกลัวถูกแทนที่ด้วยความโมโห เธอยกมือขึ้นชี้หน้าด่าอินทรีอย่างลืมตัว
“อ้าวคุณ พูดออกมาได้ไง ชีวิตฉันมีค่านะ!”
“ถ้าจะพูดจาแบบนี้เก็บปากไว้กินข้าวเถอะ เฮ้ อย่ากระชากแขนฉันแรงได้ไหม รู้บ้างไหมว่าฉันเสียค่าครีม ค่าสปา ค่าขัดผิวไปตั้งเท่าไรถึงจะได้ผิวแบบนี้มา”
ด้วยความที่อารมณ์ยังคุกรุ่นอยู่ ยี่หวาจึงพาลหันมาตวาดชายชุดดำที่จับตัวเธอเป็นตัวประกันด้วยความหงุดหงิดเช่นกัน
ทุกคนต่างหันมองยี่หวาเป็นตาเดียว ใครจะไปคิดว่าหญิงสาวร่างบอบบาง หน้าตาสะสวยเวลาโมโหจะน่ากลัวได้ขนาดนี้ แม้กระทั่งอินทรี ผู้ที่ไม่เคยหวั่นไหวต่อสตรีคนไหนยังเผลอแสดงสีหน้าตกใจไปด้วยเลย
“พอกันที พวกนายอยากทำอะไรกันก็เชิญแต่อย่าเอาฉันเข้าไปเกี่ยวด้วย”
ยี่หวาพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจัง และไม่ลืมหันไปชี้หน้าอินทรีอีกครั้ง “ส่วนนาย ห้ามมาบอกให้ใครยิงฉันอีก”
“…”
ทุกคนเงียบกริบ ต่างพากันคิดห่วงหญิงสาวในใจเนื่องจากเธอกล้าชี้หน้าด่าอินทรีถึงสองรอบ แต่พอมองไปยังอินทรี กลับชวนให้ฉงนเนื่องจากอินทรีกำลังยกยิ้มมุมปากแทนที่จะเกรี้ยวกราด
ระหว่างที่สถานการณ์กำลังตกอยู่ในความมึนงง ยี่หวาเลยเดินกลับไปทางรถของตัวเอง ความหงุดหงิดของเธอตอนนี้ทำให้เธอลืมความกลัวทุกอย่างไปหมด ในใจเพียงแค่คิดว่าอย่าให้ได้เจอผู้ชายอย่างอินทรีอีกเลย
แต่ทันใดนั้นเองนายอนุชา และลูกพี่ใหญ่ของฝ่ายที่บุกมาช่วยอนุชาก็ขับรถเข้ามาด้วยความไวเพื่อรับลูกน้องที่เหลือของตัวเองแล้วหนีออกไป
“เฮ้ย!! ขึ้นมา”
ลูกน้องของอินทรีเห็นอย่างนั้นจึงรีบยิงสกัดแต่ทุกคนยังระวังหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงกลาง นั่นเลยทำให้ค่อนข้างยากต่อการสกัดคนพวกนั้น
ปัง ปัง!
ฝ่ายของชายชุดดำเองก็ยิงตอบโต้กลับมา โดยไม่สนใจหญิงสาวเลยแม้แต่น้อยจนกระทั่งคนของอินทรีถูกยิงไปอีกสองคน อินทรีรีบวิ่งฝ่ากระสุนเข้าไปหายี่หวาที่กำลังนั่งลงกับพื้นแล้วก้มหน้าลง ปิดหูตัวเอง
อินทรีดึงร่างบางที่กำลังสั่นเทาเข้าหาตัว เขาดันศีรษะของเธอให้แนบชิดแผงอกก่อนจะยกปืนขึ้นเล็งไปยังอีกฝั่งเพื่อจะยิงตอบโต้คนพวกนั้น มือบอบบางค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปสัมผัสท่อนแขนของชายหนุ่ม
“ฮึก หยุดยิงได้ไหม”
ความกลัวกลับมาอีกครั้งเมื่อยี่หวาได้ยินเสียงปืน ตัวเธอสั่นเทาเนื่องจากความกลัวเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นเท่าตัว เธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เสียงดังจากปืนที่กำลังโต้ตอบกันทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก รู้สึกไร้เรี่ยวแรงคล้ายจะเป็นลมแม้แต่จะกรีดร้องออกมา เธอยังไม่มีแรงจะทำเลยด้วยซ้ำ
อินทรีมองร่างสั่นเทาในอ้อมกอด แล้วจึงลดปืนลงพร้อมทั้งหันไปทำสัญญาณให้ฝ่ายของตัวเองหยุดยิง นั่นเลยเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายชายชุดดำพากันขับรถพานายอนุชาหนีออกไป
“ให้ตามไปไหมครับคุณอินทรี”
“อือ” อินทรีตอบรับลูกน้องทั้งที่สายตายังคงมองหญิงสาวในอ้อมกอดอยู่
“เดี๋ยว”
“ครับคุณอินทรี” ลูกน้องของอินทรีรีบหันมาตอบเจ้านาย ตั้งใจรอฟังคำสั่ง
“บอกให้ป้ากุหลาบเตรียมห้องรับรองไว้ด้วย”
ลูกน้องของอินทรีเลิกคิ้วขึ้น แล้วถามย้ำอีกครั้ง “ห้องรับรองเหรอครับ”
“กูพูดไม่เคลียร์รึไง”
“เคลียร์ครับ เดี๋ยวผมรีบแจ้งป้ากุหลาบให้นะครับ”
ป้ากุหลาบเป็นแม่บ้านของอินทรีซึ่งเธอทำงานดูแลอินทรีมาตั้งแต่อินทรียังเด็ก เธอจึงเป็นคนที่อินทรีค่อนข้างไว้ใจและอนุญาตให้สามารถเข้าออก บ้านของอินทรีได้ตลอดเวลา
“เธอลุกไหวไหม”
“อือ”
ยี่หวาพยักหน้า แล้วพยายามยันตัวลุกขึ้นยืนแต่ไม่ทันยืนขึ้น เธอก็ทรุดลงอีกครั้ง โชคดีที่อินทรีประคองไว้ได้ทัน
“โอ๊ย!”
“เหอะ ไหนว่าไหว”
ดวงตากลมโตเหลือบมองเจ้าของถ้อยคำเยาะเย้ยเล็กน้อย เธอผลักแขนอินทรีออกแต่ก็เป็นเธอเองอีกที่ต้องรีบคว้าแขนเขาไว้อีกครั้งเพราะรู้สึกหน้ามืด คล้ายจะเป็นลม
“ถ้าไม่ไหว ก็อย่าทำเก่ง”
“ปล่อยค่ะ ฉันจะกลับบ้าน”
พรึบ
ร่างบางถูกอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว อินทรีก้มลงมองใบหน้าสวยที่ทำท่าจะโวยวายออกมาด้วยแววตาเรียบนิ่ง เพียงเท่านั้นคนขี้วีนถึงกับปิดปากลง รู้สึกราวกับมีรังสีบางอย่างทำให้เธอไม่กล้าโวยวายออกมา
“หึ” อินทรีแค่นหัวเราะ แล้วอุ้มหญิงสาวเดินกลับไปยังรถของตัวเอง
ตอนแรกที่ยี่หวายอมเงียบเพราะแอบกลัวสายตาของชายหนุ่ม และคิดว่าเขาคงอุ้มไปส่งยังรถของเธอแต่กลับไม่เป็นอย่างนั้นเมื่อเขาวางเธอลงบนเบาะข้างคนขับบนรถจิ๊บคันใหญ่
“คุณจะพาฉันไปไหน ปล่อยนะ”
“ดูสภาพตัวเองด้วย เดินแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว”
“แต่...”
“ฉันไม่เอาเธอไปฆ่าหรอก”
“เรื่องอะไร ฉันต้องเชื่อคนที่บอกให้คนอื่นยิงฉันด้วย”
ดวงตาคมเหลือบขึ้นมองใบหน้าสวย อินทรีขยับตัวมาใกล้ยี่หวาแล้วใช้แขนแกร่งทั้งสองข้างคร่อมตัวเธอเอาไว้
“พูดด้วยท่าทางแบบนี้อีกแล้วนะ”
ยี่หวาขยับตัวออกห่างชายหนุ่ม ความใกล้ชิดระหว่างเขาและเธอทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
มือเรียวบางดันแผงอกแกร่งไว้เพื่อไม่ให้เขาเข้ามาใกล้กว่าเดิม แต่เมื่อได้สัมผัสกับความกำยำภายในของเขา เธอจึงรีบดึงมือออกแล้วแกล้งโวยวายแทน
“ท่าทางอะไรของคุณ”
“ท่าทางเหมือนเมียกำลังน้อยใจผัว”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เธอไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดทำนองนี้ออกจากปากชายหนุ่มอีกครั้ง
แก้มใสแดงระเรื่อ หัวใจเจ้ากรรมเต้นแรงขึ้นเมื่อใบหน้าหล่อเลื่อนเข้ามาใกล้
“ถอยไปเลย คุณกำลังละเมิดสิทธิ์ฉันนะ”
ยี่หวารวบรวมกำลังที่เหลือเพียงน้อยนิดของตัวเองแล้วผลักอกอินทรีออกห่างจากตัว ครั้งนี้อินทรียอมถอยออกแต่กลับขู่เธอเสียงเข้ม
“อย่าคิดลงจากรถ ถ้าฉันไม่อนุญาต”
“นี่คุณ คุณไม่มีสิทธิ์...”
“เฉยเถอะ เธอกลับบ้านไปสภาพนี้คนเดียวไม่ไหวหรอก”
“อีกอย่าง พวกนั้นอาจจะย้อนกลับมาจับตัวเธอก็ได้นะ”
สิ่งที่อินทรีพูดนั้นมีเหตุผล เหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ยังคงสร้างความหวาดกลัวให้หญิงสาวอยู่
เธอยังจับต้นชนปลายเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ด้วยซ้ำ และตอนนี้ดูเหมือนว่าข้อเท้าของเธอจะได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
“ฉันจะแจ้งตำรวจ”
ยี่หวาโพล่งออกไป ถึงแม้ว่าอินทรีจะไม่มีทีท่าว่าจะทำร้ายเธอแต่อย่างน้อยเธอควรหาอะไรเพื่อปกป้องตัวเองหน่อยก็ยังดี
คำพูดของยี่หวาไม่ได้ทำให้อินทรีกลัว มิหนำซ้ำเขายังอำนวยความสะดวกให้เธออีก อินทรีเดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ยี่หวา
“โทรสิ แล้วบอกให้มาที่ไร่อินทรี”
——————