“คุณอ้วกใส่ฉัน”
“ฮะ?”
“คุณ อ้วก ใส่ ฉัน ค่ะ!” เธอเน้นย้ำทีละคำก่อนจะชี้นิ้วไปที่หลังบ้าน
ภากรหันไปมองตามก็พบว่าที่ราวเล็กๆ หลังบ้านมีเสื้อของเขาถูกตากเอาไว้อยู่ และข้างๆ ก็เป็นเสื้อของผู้หญิง ซึ่งคาดว่าคงเป็นเสื้อของชัยรัมภาที่ถูกอ้วกใส่
“ไม่ได้สังเกตเลยเหรอคะ ว่าตัวคุณไม่ได้ใส่เสื้อ” หล่อนชี้ไปที่ร่างกายท่อนบนของเขา
ภากรก้มมองตามก่อนจะรีบยกมือขึ้นกอดตัวเองเอาไว้เพื่อปกปิดร่างกายราวกับสาวน้อยที่กำลังโป๊เปลือยต่อหน้าสาธารณชน
“เธอนี่มันยังไงกัน มีผู้ชายมายืนถอดเสื้ออยู่ตรงหน้าแต่กลับทำเฉยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเนี่ยนะ?”
“ทำไมล่ะคะ ฉันเห็นต้นกล้าโป๊บ่อยไป”
“นี่เธอ! เธอเอาฉันไปเปรียบกับเด็กอนุบาลได้ยังไง ของฉันมันไม่ได้อันเท่าอนุบาลนะเว้ย”
เขาเถียงคอเป็นเอ็น รู้สึกเสียศักดิ์ศรีอยู่หน่อยๆ ที่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าประหม่าหรือรู้สึกอายเลยที่เห็นเขาในสภาพนี้
“เป็นเด็กประถมหรือไงคะ คิดจะแข่งอะไรกับเด็กอนุบาลเหรอ”
เธอไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของเขานัก ชัยรัมภาเดินไปเปิดตู้กับข้าวแล้วหยิบถ้วยชามออกมาเตรียมแกะข้าวต้มให้ลูกชาย
“ฉันซื้อมาเผื่อคุณด้วย ทานต้มเลือดหมูร้อนๆ แก้แฮงก์ก่อนสิคะ”
“มี…ของฉันด้วยเหรอ” เขาถามพลางเดินไปยืนซ้อนที่ด้านหลังเธอแล้วชะโงกมองสิ่งที่หล่อนกำลังทำ
“มีค่ะ ถุงละห้าสิบบาท ขอเป็นเงินสดนะคะ”
หล่อนตอบแบบติดตลกก่อนจะหมุนตัวกลับไปเพื่อจะไปหยิบผ้ามาเช็ดน้ำข้าวต้มที่กระเด็นหก โดยไม่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายมายืนอยู่ด้านหลัง ทำให้ชนเข้ากับเขาแล้วเซถลาเข้าซบกับอกกว้างอย่างจัง
“อ๊ะ!”
“ระวัง!” ภากรรีบโอบเอวหล่อนที่ทำท่าจะหงานหลังเอาไว้
เหมือนเวลาหยุดเดิน ทั้งสองต่างสบสายตามองกันด้วยความตกใจ ก่อนที่แก้มนวลของชัยรัมภาจะค่อยๆ ขึ้นสีเลือดฝาด เป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนมันฉายย้อนเข้ามาในหัวในเวลาแบบนี้น่ะสิ
‘ฉันขอจูบเธอได้ไหม?’
หลังจากที่พูดคำๆ นั้น เขาก็โน้มหน้าเข้ามาหาเธอทันทีอย่างไม่ลังเล ชัยรัมภาไม่อาจปฏิเสธความต้องการของหัวใจตัวเองได้จึงหลับตาพริ้ม รอรับสัมผัสที่โหยหาในใจ
ปลายจมูกของเขาแตะลงบนแก้มนวล อีกเพียงนิดเดียวริมฝีปากของทั้งสองคนก็จะสัมผัสกัน…
‘อ้วกกกก!’
ยังไม่ทันจะได้สมดังใจรารถนา ภากรที่เมาไม่ไหวแล้วได้อาเจียนใส่ตัวเองและเธอแทนที่จะเป็นจูบหวานๆ อย่างที่ต้องการ
“ไม่สบายเหรอ ทำไมหน้าแดงแบบนี้ล่ะ”
คำถามของเขาดึงสติของหล่อนที่หลุดเข้าไปในภวังค์ของเหตุการณ์เมื่อคืนกลับมา เธอรีบผลักเขาออกแล้วเขยิบตัวออกห่าง
“ปะ…เปล่าสักหน่อย ฉันแค่ร้อน”
“ร้อน? ร้อนตรงไหนกัน นี่มันจะสิ้นปีแล้วนะ อากาศค่อนข้างหนาวด้วยซ้ำ”
“เอาเป็นว่าฉันร้อนก็แล้วกันค่ะ เสื้อคุณคงแห้งแล้ว รีบไปใส่เสื้อเถอะค่ะ จะได้มาทานมื้อเช้าด้วยกัน” เธอหลบตาเขา รีบเดินไปเอาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดโต๊ะแล้วหาอะไรทำไปเรื่อย เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการสนทนาร่วมกัน
ภากรมองหญิงสาวอย่างแปลกใจ ที่จู่ๆ เธอก็แสดงท่าทีแปลกๆ ใส่แบบนี้ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตของตัวเองมาสวมใส่ แล้วใช้น้ำที่โอ่งหลังบ้านในการล้างหน้าล้างตา เขามองสภาพบ้านของเธออีกรอบ นึกอดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าอะไรที่ทำให้ลูกคุณหนูอย่างชัยรัมภาตกอับได้ถึงขนาดนี้
แปดปีที่ผ่านมา…
เกิดอะไรขึ้นกับหล่อนกันแน่ เขาชักสงสัยเสียแล้วสิ
“ฉันซื้อแปรงสีฟันกับยาสีฟันมาให้ค่ะ”
ชัยรัมภาส่งถุงแปรงสีฟันให้เขา ภากรพยักหน้ารับก่อนจะยื่นมือไปรับของจากเธอ ทำให้มือของทั้งสองคนแตะกันเบาๆ หญิงสาวสะดุ้งโหยง รีบชักมือกลับ
‘รังเกียจขนาดนั้นเลยหรือไง’ ภากรคิดในใจและเริ่มจะหงุดหงิด
กว่าจะผ่านความวุ่นวายในช่วงเช้าไปได้ ชัยรัมภาก็แทบหมดแรง เพราะต้นกล้าเอาแต่ถามคำถามภากรไม่หยุด หนำซ้ำตัวเขาเองก็ยังสอนเรื่องแปลกๆ ให้ลูกชายของเธอ รวมถึงสอนให้ต้นกล้าเตะต่อยและใช้ความรุนแรงอีกด้วย
“อย่าลืมนะต้นกล้า ถ้าใครมาแกล้งหรือมาล้อเลียนต้นกล้าอีก ตะบันหน้าแบบที่ลุงสอนเลย เข้าใจไหม” ภากรย้ำกับต้นกล้าขณะที่เด็กชายกำลังก้มใส่รองเท้านักเรียนเพื่อเตรียมเดินไปโรงเรียน
“ครับคุณลุง!” ต้นกล้ารับคำ
ช่วงมื้อเช้า ทั้งคู่เอาแต่คุยกันจนเริ่มสนิทสนมและภากรก็บอกให้ต้นกล้าเรียกเขาว่าลุง ชัยรัมภาได้แต่ส่ายหน้าระอา ไม่รู้จะห้ามอย่างไรดี
“ฉันบอกแล้วไงคะ ว่าอย่าสอนให้ต้นกล้าใช้ความรุนแรง ต้นกล้า ห้ามทำแบบนั้นนะลูก” หล่อนปรามลูกชาย
“ครับแม่” ต้นกล้ารับคำเสียงหงอย
“นี่เธอ มันไม่ได้เรียกว่าการใช้ความรุนแรง ฉันสอนให้ต้นกล้ารู้จักปกป้องตัวเองมันผิดตรงไหน”
“แต่ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องจบด้วยการใช้ความรุนแรงเสมอไปนี่คะ ถ้าต้นกล้าติดจนเป็นนิสัยจะทำยังไง” เธอเถียงกลับ
“แต่เราจะปล่อยให้คนอื่นมารังแกลูกเราไม่ได้!” ภากรเองก็เถียงกลับเช่นกัน
ทว่าคำพูดของเขากลับทำให้ชัยรัมภาชะงัก หัวใจที่สงบนิ่งไปแล้วเริ่มกลับมาสั่นระรัวอีกครั้ง
“ตะ…ต้นกล้าเป็นลูกของฉันค่ะ ไม่ใช่ของเรา”
“คือ…ฉันหมายถึงว่า…เธอไม่ควรยอมให้ใครมารังแกต้นกล้า” เขารีบเฉไฉ
“ฉันไม่ได้ยอมให้ใครมารังแกต้นกล้านะคะ ฉันแค่ไม่อยากให้ลูกติดนิสัยการใช้ความรุนแรงเท่านั้น”
“แต่บางครั้งความรุนแรงก็ช่วยปกป้องเราจากเรื่องไม่ดีได้นะ ศิลปะป้องกันตัวน่ะ รู้จักไหม”
ทั้งสองคนยังเถียงกันไม่เลิก ต้นกล้าได้แต่หันไปมองทางซ้ายที ทางขวาที ก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่ายพลางส่ายศีรษะ
“เฮ้อออ เด็กเพลีย”
ร้านอาหาร
คงเดชและคุณหญิงพิสมัยต่างมองหน้ากันสลับกับมองภากรและชัยรัมภาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความสงสัย หลังจากทั้งคู่มาถึงร้านอาหารตามเวลาที่นัดหมาย พวกเขาก็เอาตาเชิดหน้าใส่กันราวกับกำลังทะเลาะกันอยู่ ไม่มีใครยอมมองหน้าใครก่อนเลย
“เป็นอะไรไปล่ะ ทั้งสองคน” คงเดชที่ทนความอึดอัดไม่ไหวเอ่ยถาม
“ถามว่าที่ลูกสะใภ้คนโปรดของคุณพ่อดูเองสิครับ ว่าดื้อด้านแค่ไหน” ภากรตอบ แต่มิวายเหน็บแนมเธอไปด้วย
“ฉันไม่ได้ดื้อด้านนะคะ คุณนั่นแหละที่ดื้อ” เธอตอบกลับ
พวกเขาหันมามองหน้ากันแล้วเริ่มเอ่ยปากเถียงกันอีกครั้ง ตลอดทางที่เดินจูงมือต้นกล้ากันคนละข้างไปส่งที่โรงเรียน จนกระทั่งถึงโรงเรียน และขับรถมายังสถานที่นัดหมาย พวกเขาเถียงกันไม่หยุด และลงเอยที่ไม่พอใจอีกฝ่ายจนไม่อยากจะคุยด้วย
“เอ่อ มีใครพอจะบอกแม่ได้ไหมจ๊ะ ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไรอยู่”
“ต้นกล้าครับ!”
“ต้นกล้าค่ะ”
“ต้นกล้า? หมายถึงลูกชายของหนูภาเหรอลูก” คงเดชถามต่อ
“ใช่ค่ะคุณลุง พอดีคนแถวนี้เขาไปสอนให้ต้นกล้าหัดใช้ความรุนแรงค่ะ ภาไม่เห็นด้วยก็เลยโต้แย้งไป แต่คนแถวนี้ก็ไม่ยอม และคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกค่ะ”
คำว่า ‘คนแถวนี้’ หล่อนเน้นเสียงและเหลือบไปมองทางภากร
“ไม่ต้องมาคนแถวนี้หรอก ผมนี่แหละครับคุณพ่อ ก็ต้นกล้าเล่าให้ผมฟังเรื่องที่เด็กที่โรงเรียนแกล้งแล้วก็ล้อเลียน ผมเลยสอนไปว่าถ้าโดนใครทำแบบนั้นอีกก็อย่าไปยอม ให้สู้กลับ แล้วก็สอนเชิงมวยเล็กๆ น้อยๆ พอให้ป้องกันตัวได้ก็แถวนั้นเองครับ แต่คนแถวนี้! กลับเห็นว่าเป็นการใช้ความรุนแรง”
ภากรตอบโต้กลับ คงเดชและคุณหญิงพิศมัยพอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว พลางยิ้มอย่างเอ็นดูในการโต้เถียงกันเป็นเด็กๆ ของคู่ตรงหน้า
“นึกว่าเรื่องอะไร จริงๆ ลุงเห็นด้วยกับเจ้าเซียนนะหนูภา ให้เรียนศิลปะป้องกันตัวเอาไว้ก็ไม่เสียหาย โลกใบนี้โหดร้ายขึ้นทุกวันๆ ลุงว่าเป็นเรื่องดีต่อต้นกล้ามากกว่านะ เพราะเราไม่ได้อยู่กับเขาตลอดเวลา อะไรจะเกิดขึ้นบ้างเราไม่รู้ล่วงหน้าเลยนะลูกนะ” คงเดชตะล่อมและอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผล
“ภาเข้าใจค่ะ ภาเองก็เห็นด้วยกับคุณลุงนะคะ”
“อ้าว อะไรอะ ทีตอนฉันพูดจนปากแทบฉีก เธอเถียงกลับทุกคำ ทำไมพอคุณพ่อพูด ถึงได้ยอมเห็นด้วยง่ายแบบนี้” ภากรแย้งด้วยความไม่พอใจ
“ก็คุณพูดไม่มีเหตุผล”
“ฉันพูดเหมือนที่คุณพ่อพูดเปี๊ยบเลยเหอะ” ชัยรัมภาไม่ตอบโต้กลับ และเมินเขาไปเสียดื้อๆ
ภากรได้แต่เจ็บจำ และเก็บความหมั่นเขี้ยวหล่อนเอาไว้ในใจรอวันล้างแค้น
“ผมจะให้คนไปจัดการเรื่องหาที่เรียนศิลปะป้องกันตัวให้ต้นกล้าเองครับคุณพ่อ เอาเป็นมวยไทยดีไหมครับ หรือเทควันโดดี แต่สมัยนี้ เรียน MMA ก็ดีครับ ได้เกือบทุกแขนงเลยด้วย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เรื่องของต้นกล้า เดี๋ยวฉันจัดการเองได้ ไม่อยากรบกวนคุณ…”
“ฉันทำเพื่อต้นกล้า ไม่ได้ทำให้เธอสักหน่อย” ภากรแย้ง
แม้จะไม่อยากรบกวนเขา แต่ในเมื่อเจ้าตัวพูดมาขนาดนี้ ชัยรัมภาก็ไม่อยากขัด ทำได้เพียงยกมือไหว้ขอบคุณเขา
“ขอบคุณนะคะ ที่เอ็นดูต้นกล้า”
“เด็กก็คือเด็ก เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไร และไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะงั้นไม่ต้องกังวลหรอกนะ ฉันไม่มีทางใจร้ายกับเขาแค่เพราะว่าแม่ของเขาเป็นผู้หญิงไม่ดีหรอก”
“เจ้าเซียน!!!” คงเดชเรียกชื่อลูกชายเสียงดุดัน