ตอนที่ 17 ใจสั่น (1)

1340 คำ
จึกๆ “ฮื่ออออ” ภากรปัดบางสิ่งตรงแก้มออกไป จึกๆ “ฮื่ออออ” สิ่งๆ นั้นยังก่อกวนเขาไม่หยุด จึกๆ “โว้ยยย อะไรวะ คนจะนอ…” ร่างสูงลุกขึ้นมานั่งเตรียมจะโวยวาย ทว่าสิ่งที่สายตามองเห็นกลับทำให้เขาไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ ต้นกล้าที่นั่งยองๆ อยู่ และเป็นคนก่อกวนจนเขาตื่นด้วยการใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่แก้มของคนที่กำลังหลับเงยหน้ามองเขาตาแป๋ว “คุณลุงเป็นใครเหรอครับ” เด็กน้อยถามอย่างใสซื่อ “แล้วนาย…” “ผมชื่อต้นกล้าครับ คุณลุงเป็นเพื่อนกับแม่เหรอ” “แม่?” เขาทวนคำ ความปวดร้าวที่ศีรษะแล่นปราดไปทั่ว ภากรรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังแฮงก์ พลางคิดทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้นและเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง “แม่น่าจะออกไปซื้อข้าวเช้าครับ ต้นกล้าตื่นมาก็ไม่เจอแม่แล้ว” เด็กชายยังคงพูดเจื้อยแจ้ว ภากรไม่ได้สนใจฟังนัก เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพลางกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับรูปเล็กๆ ที่แขวนติดผนังบ้านเอาไว้ ชายหนุ่มรีบปรี่เข้าไปที่รูปนั้น ก่อนจะพบว่าเป็นรูปถ่ายคู่ของชัยรัมภาและเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าเขา จึกๆ “คุณลุงเป็นใครเหรอครับ” ต้นกล้าตามมาจิ้มขาเขาแล้วเอ่ยถาม ความสูงเพียงแค่สะโพกของชายหนุ่มทำให้เด็กน้อยต้องเงยหน้าถาม ดวงตาแป๋วๆ ก็ละม้ายคล้ายคลึงกับชัยรัมภาอยู่เหมือนกัน ‘ระ…หรือว่า…ลูกของภา?’ เขาคิดในใจ ครั้วก่อนตอนมาส่งชัยรัมภาก็ค่อนข้างมืดแล้ว ทำให้เขามองเห็นหน้าตาของลูกชายหล่อนไม่ชัดเจนนัก คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอตัวเป็นๆ เอาตอนนี้ “แม่นายอยู่ไหน” เขาถามเสียงเขียว “คุณลุงเป็นคนไม่ดีหรือเปล่าครับ” ต้นกล้าถาม ด้วยรู้สึกกังวลที่น้ำเสียงของอีกฝ่ายขึงขังและน่ากลัว “หน้าตาฉันเหมือนคนไม่ดีนักหรือไง” “คุณลุงกับคนพวกนั้นเป็นพวกเดียวกันไหมครับ?” “คนพวกนั้น? พวกไหน?” เขาถามเสียงฉงน “ก็คนที่มาทวงเงินและขู่จะฆ่าแม่กับต้นกล้า” คำตอบที่เศร้าสร้อยกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของต้นกล้าทำให้อารมณ์ที่กำลังมาคุก่อนหน้าเริ่มเบาบางลง “ฉันไม่ใช่พวกเดียวกับคนพวกนั้นหรอก ว่าแต่…คนพวกนั้นมาทวงเงินบ่อยเหรอ” เขาทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นแล้วชวนต้นกล้าคุย เมื่อเห็นว่าคุณลุงที่แสนน่ากลัวคนนี้ไม่ได้น่ากลัว เด็กชายจึงยอมเปิดใจคุยด้วยแล้วนั่งลงตรงข้ามเขา “ต้นกล้าเคยเจอแค่ครั้งเดียวครับ เขาไปหาแม่ที่โรงเรียนของต้นกล้า แล้วบอกว่าจะฆ่าแม่ถ้าแม่ไม่เอาเงินสามล้านไปคืน” “แม่เราเล่นการพนันหรือเปล่า ทำไมถึงเป็นหนี้เยอะขนาดนั้น” เขาหลอกถามต้นกล้า “การพนันคืออะไรเหรอครับ” “เอ่อ…ก็…ช่างเถอะ เอาเป็นว่าทำไมแม่นายถึงเป็นหนี้เยอะขนาดนั้นล่ะ” “ต้นกล้าไม่รู้ครับ” “แล้ว…พ่อนายล่ะ เขาไปไหนแล้ว” ภากรมองหน้าต้นกล้าอย่าลุ้นระทึกในคำตอบ “พ่อไม่อยู่บนโลกนี้แล้วครับ แม่บอกว่าพ่อไปเป็นเทวดาบนฟ้าแล้ว” ต้นกล้าชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า ภากรรู้ได้ทันทีว่าหมายถึงอะไร พลางคิดว่าชัยรัมภาคงเป็นแม่หม้ายผัวตาย และทำงานเลี้ยงลูกตัวคนเดียวมาตลอด “งั้นเหรอ แล้วแม่นายเขาไปไหนเสียล่ะ ทำไมถึงทิ้งนายไว้คนเดียว ไม่สนใจลูกเอาเสียเลย” “แม่น่าจะไปซื้อข้าวที่หน้าซอยครับ ปกติแม่จะตื่นไปส่งหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ตีสี่เพราะต้นกล้ายังหลับอยู่ พอส่งหนังสือพิมพ์เสร็จก็จะไปล้างจานที่ร้านข้าวต้มหน้าซอยแล้วซื้อข้าวต้มมาให้ต้นกล้ากินตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนครับ เดี๋ยวแม่ก็คงมา” เด็กชายตอบเจื้อยแจ้วพลางเดินไปพับผ้าห่มและเก็บที่นอนของตัวเองเข้าที่อย่างเรียบร้อย ภากรมองการกระทำของเด็กชายที่ดูโตกว่าวัยด้วยความแปลกใจ “แปลว่าที่ผ่านมานายอยู่แบบนี้มาตลอดเหรอ” “ครับ แม่ต้องทำงาน เพราะว่าคุณยายป่วย ต้นกล้าไม่อยากให้แม่เหนื่อยเยอะ ก็เลยช่วยแม่ด้วยการดูแลตัวเองครับ” ต้นกล้าตอบขณะที่กำลังเปลื้องผ้าของตัวเองเพื่อไปอาบน้ำเตรียมแต่งตัวไปโรงเรียน “แม่ของนายเขา…ลำบากมากเลยเหรอ” ภากรถามด้วยท่าทีอ่อนลง นึกสงสารชัยรัมภาอยู่ไม่น้อยที่ต้องทำงานหนักและลำบากตรากตรำขนาดนี้เพราะหัวหน้าครอบครัวอย่างสามีเสียชีวิตไปก่อน “ไม่หรอกครับ แม่บอกกับต้นกล้าเสมอว่าแม่ไม่ลำบากเลย แล้วแม่ก็จะหายเหนื่อยทุกครั้งถ้ากลับบ้านมาแล้วเจอต้นกล้านะครับ แม่บอกว่าถ้าได้หอมแก้มต้นกล้า แม่จะมีแรงเยอะมากเลยครับ” เด็กชายทำท่ากางมือออกกว้างๆ เพื่อแสดงถึงคำว่าเยอะในคำพูดของตัวเอง ท่าทางไร้เดียงสาของเขาทำให้ภากรอดยิ้มตามไม่ได้ ‘ถึงจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็ไม่ใช่แม่ที่แย่ อย่างน้อยเธอก็ดูแลลูกของตัวเองมาเป็นอย่างดี’ เขาคิดในใจ เริ่มจะมองชัยรัมภาดีขึ้นมาเล็กน้อย “ต้นกล้า ตื่นแล้วเหรอลูก” “แม่!” ต้นกล้าที่นุ่งผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งเข้าไปกอดมารดาด้วยความดีใจ “คุณลุงนี้เป็นเพื่อนแม่เหรอครับ พอต้นกล้าตื่นมาก็เจอเขานอนกรนเสียงดังหนวกหูมากเลย” “นี่! พูดอะไรน่ะ ฉันไม่ได้นอนกรนสักหน่อย” ภากรรีบแย้งขึ้น ชัยรัมภาถึงกับกลั้นขำก่อนจะรูปศีรษะลูกชายด้วยความเอ็นดู “ต้นกล้ารีบไปอาบน้ำดีกว่านะ แม่ทำน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว เดี๋ยวมากินข้าวแล้วไปโรงเรียนกันนะครับ” “ครับ” ต้นกล้ารับคำแล้วเดินไปทางห้องน้ำ ตรงนี้จึงเหลือแค่ชัยรัมภาและภากรแค่สองคน ชายหนุ่มรีบตรงเข้าไปหาหญิงสาวเพื่อเอ่ยถามในสิ่งที่เขาสงสัย “ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่” “เดี๋ยวนะคะ นี่คุณจำไม่ได้เหรอ” เธอแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน “ก็ถ้าจำได้ฉันจะถามเธอหรือไง เมื่อวานฉันอยู่ที่บาร์กับ…!” เขาหยุดพูดไปก่อนจะเอ่ยถึงชื่อลินิน ไม่รู้ทำไมภากรถึงรู้สึกเหมือนตัวเองทำผิดถ้าจะเอ่ยถึงลินินต่อหน้าชัยรัมภาในตอนนี้ ขะ…เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ทำไมจะต้องรู้สึกไม่ดีแบบนี้ด้วยล่ะ? “กับ? กับใครคะ? ทำไมไม่พูดต่อล่ะ” หล่อนไล่ต้อน “มันเรื่องของฉัน เอาเป็นว่าเมื่อวานฉันอยู่ที่บาร์แล้วกัน แล้วทำไมพอตื่นมาฉันถึงมาอยู่ที่บ้านเธอได้ล่ะ” เขาเปลี่ยนเรื่อง “ฉันไม่รู้เหตุผลหรอกค่ะ แต่จู่ๆ คุณก็โผล่มาตะโกนโหวกเหวกโวยวายที่หน้าบ้านฉัน คนขับรถที่คุณเรียกให้ไปรับที่บาร์เป็นคนพาคุณมาส่ง” “แล้ว…ฉันได้ทำอะไรบ้างหรือเปล่า” “ทำอะไรที่ว่าเนี่ย หมายถึงอะไร แบบไหนเหรอคะ?” เธอย้อนถาม “ก็…หมายถึงอะไรก็ได้ แบบ…ฉันไม่ได้พูดอะไรแปลกๆ ใช่ไหม” “ถ้าพูดถึงเรื่องแปลกๆ ก็มีอยู่หนึ่งเรื่องค่ะ” “อะไร?! ฉันทำอะไรลงไป” เขารอฟังคำตอบอย่างลุ้นระทึก ที่มาไล่บี้ถามหล่อนขนาดนี้ เพราะมีความทรงจำบางอย่างที่มันแวบไปแวบมาในหัวเขาไม่หยุด ภาพที่ใบหน้าของเขากับหล่อนกำลังเข้าใกล้กันเรื่อยๆ… แต่มันคือความฝันหรือความจริง ภากรก็แยกไม่ออก ได้แต่หวังว่าตัวเขาคงไม่เผลอทำอะไรที่ส่วนลึกในใจคิดลงไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม