ตอนที่ 14 พรีเวดดิ้ง (2)

2047 คำ
ครืดๆ ครืดๆ มือถือของเขาสั่น ภากรหยิบออกมากดรับเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาก็คือ ‘ลินิน’ เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของเขาและยังเป็น… …อดีตเพื่อนสนิทของชัยรัมภาอีกด้วย “ครับนิน ว่ายังไง” [ฉันเพิ่งกลับจากฝรั่งเศส ได้ยินพวกเพื่อนๆ คุณพูดกันว่าคุณจะแต่งงานเหรอคะ?] ปลายสามถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ประมาณนั้นครับ เป็นคำสั่งของคุณพ่อน่ะ” เขาตอบ [แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่มากนะคะ แล้วเจ้าสาวเป็นใครหรือคะ แต่งงานทางธุรกิจหรือเปล่า] “เรื่องนั้น…” เขาเว้นวรรคไม่พูดต่อ “คุณภากรคะ เลือกชุดเสร็จหรือยังคะ เรายังต้องเลือกธีมถ่ายพรีเวดดิ้ง และไปถ่ายพรีเวดดิ้งต่ออีกนะคะ” ขัยรัมภาทีเปลี่ยนชุดกลับเป็นชุดเดิมแล้วดินเข้ามาตามเขา ลินินชะงักไป หล่อนร฿สึกคุ้นเคยกับเสียงหวานๆ ที่ได้ยิน [เสียงใครคะเซียน? ทำไมฉันคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน] ลินินเอ่ยถามเขา “คุณภาคะ เดี๋ยวขอเชิญมาเลือกการ์ดแต่งงานหน่อยนะคะ” พนักงานเดินเข้ามาตามหล่อน [ภา? ภา… แล้วก็เสียง… อย่านะบอกนะคะว่าเจ้าสาวของคุณก็คือ…] “ชัยรัมภา…คือเจ้าสาวของผมครับ” ภากรตอบในที่สุด ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อแปดปีก่อน ภากรยังคงติดต่อกับลินิน ด้วยมีโอกาสได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ฝรั่งเศษเหมือนกัน ทำให้เธอเป็นเหมือนเพื่อนผู้หญิงที่เขาสนิทด้วยที่สุด และยังคงติดต่อนัดเจอกันเรื่อยมา แม้ว่าปัจจุบันเธอจะไปกลับระหว่างที่นี่และที่ฝรั่งเศสอยู่บ่อยๆ ก็ตาม [ทำไมถึงเป็นภาไปได้ล่ะคะ มันเกิดอะไรขึ้น] “ไว้ผมจะเล่าให้ฟังนะครับ คืนนี้มาเจอกันที่เดิมได้หรือเปล่า” [ได้ค่ะ แต่ว่า…คุณอย่าลืมเด็ดขาดเลยนะคะ ว่ายัยภาทำอะไรกับคุณเอาไว้บ้าง หวังว่าคุณคงไม่ใจอ่อน…] เธอเตือนสติเขา “ผมไม่ลืมหรอกครับ คุณไม่ต้องห่วง” [ได้ยินแบบนี้ฉันก็สบายใจค่ะ ถ้างั้น…ไว้เจอกันคืนนี้นะคะ] “ครับ” ภากรตอบรับ ปลายสายวางสายไป ภากรถือโทรศัพท์เอาไว้อย่างนั้น พลางนึกย้อนไปถึงสิ่งที่ลินินบอกกับเขาเมื่อแปดปีก่อน คำพูดโหดร้ายที่ชัยรัมภาฝากหล่อนมาบอกกับเขา! ‘ยัยภาบอกว่า…ไม่ต้องการพบคุณหรือสานต่อความสัมพันธ์ใดๆ กับคุณทั้งนั้นเพราะว่า…คุณจนค่ะ’ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเจ็บแค้น ทั้งที่เขารอหล่อนตลอดทั้งคืน พอหล่อนไม่มาก็เฝ้าคิดกังวลว่าอาจเกิดอุบัติเหตุหรือเรื่องร้ายแรงขึ้น แต่จริงๆ กลับไม่ใช่ หลังจากติดต่อไม่ได้มาหนึ่งอาทิตย์ ชัยรัมภาก็ฝากให้ลินินมาบอกคำพูดที่แสนจะน่ารังเกียจนั้นกับเขา และก็หายไปจากชีวิตของเขาถึงแปดปี แต่ทำไม…ทำไมวันนี้สวรรค์ถึงเล่นตลก ส่งหล่อนกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง ความแค้นที่ถูกเธอเหยียบหัวใจและความรักจนเละไม่มีชิ้นดีในวันนั้น วันนี้…เขาจะส่งมันกลับคืนไปทั้งหมด เพราะความเจ็บช้ำที่ฝังใจจากสิ่งที่โดนกระทำ ทำให้ภากรไม่กล้าที่จะรักใครอีก เพราะกลัวตัวเองจะต้องเจ็บเจียนตายอย่างในวันนั้น ตลอดมาเขาจึงไม่คิดจริงจังกับใคร หรือมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่เลือกที่จะเปลี่ยนคู่ควงไปเรื่อยๆ แทน “คุณภากรคะ ไม่ทราบว่าเลือกชุดได้หรือยังคะ?” พนักงานเดินกลับเข้ามาถามอีกครั้ง ชายหนุ่มรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วชี้เลือกส่งๆ ไปไม่ต่างจากชัยรัมภา หลังจากเลือกชุดแต่งงานและธีมพรีเวดดิ้งอยู่นาน ในที่สุดพวกเขาก็เลือกได้และพร้อมสำหรับการออกมาถ่ายทำนอกสถานที่ ทั้งสองคนพร้อมกับทีมช่างภาพของออแกไนซ์เซอร์พาพวกเขามาที่สวนสาธารณะเพื่อเริ่มการถ่ายภาพ “เจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนใกล้กันหน่อยครับ ใกล้อีกครับ” ช่างภาพบอก ชัยรัมภาและภากรที่ยืนห่างกันเป็นคืบเงยหน้ามองกันอย่างหงุดหงิด ทีมที่ภากรเลือกโดยใช้ความเผด็จการของตัวเองคือธีมหนุ่มสาวมหาวิทยาลัย ทำให้ตอนนี้ทั้งคู่ต่าอยู่ในชุดนักศึกษา ต่างฝ่ายต่างรู้สึกเหมือนได้เห็นและกันเมื่อแปดปีก่อน “อย่างนั้นล่ะครับ เจ้าย่าวก้มหน้ามองเจ้าสาวครับ สบตากันแบบหวานๆ เลยนะครับผม” แม้ช่างภาพจะขอภาพกับตากันหวานๆ หากแต่สายตาที่พวกเขาจ้องกันอยู่ตอนนี้ราวกับอยากจะเชือดคออีกฝ่ายเสียมากกว่า “เอ่อ…เป็นคู่รักที่รักกันแบบดุดันดีนะครับ งั้นเอาแบบนี้ก็ได้ครับ เจ้าบ่าวยกมือขวามาแตะที่แก้มเจ้าสาวนะครับ เหมือนประคองเอาไว้แล้วก้มหน้าไปใกล้อีกนิดนะครับ” ช่างภาพออกแบบท่าทางอีกรอบ ภากรมีสีหน้ารำคาญอย่างเห็นได้ชัด เขายกมือขึ้นมาแปะลงบนแก้มเธออย่างเต็มใจ ก่อนจะก้มหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับถลึงตาหาเรื่อง “คุณจะท้าต่อยฉันหรือไงคะ ทำหน้าดีๆ ไม่ได้เหรอ ฉันอยากกลับบ้านแล้วนะ” หล่อนกระซิบเบาๆ “เธออยากกลับคนเดียวหรือไง ฉันก็อยากกลับเหมือนกัน” เขาตอบกลับ “ถ้างั้นก็ช่วยให้ความร่วมมือไม่ได้เหรอคะ ฉันไม่อยากจะต้องมายืนอยู่ในท่านี้แล้วจ้องตาคุณทั้งวันนะ” พูดพลางเบือนหน้าไปทางอื่นราวกับไม่อยากจะมอง ท่าทางโอหังของเธอทำให้ภากรเริ่มจะโมโห “ทำไม มองหน้าหล่อๆ ของผมแล้วมันทำไม” “แหวะ หลงตัวเอง” “คุณก็อย่าเผลอมาหลงผมอีกคนก็แล้วกัน” เขาพูดอย่างมาดมั่น “ไม่มีทาง” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด พวกเขาต่างก็มองหน้ากันเหมือนอยากจะปะทะกันเต็มที่ ช่างภาพและทีมงานคนอื่นได้แต่ยืนมองด้วยความกลัดกลุ้ม และแปลกใจในคู่รักที่กำลังจะแต่งงานกันคู่นี้ ว่าทำไมพวกเขาถึงได้ดูเหมือนคู่กัดมากกว่าคู่รักกันนัก “ผมขอหวานๆ หน่อยได้ไหมครับ ขืนจ้องกันแบบนี้ต่อไป ถ่ายทั้งคืนก็ไม่เสร็จหรอกนะครับ” ช่างภาพลองกล่อมทั้งสองตนอีกรอบ ชัยรัมภาและภากรรีบผละออกห่างกันก่อนจะหันมาขอโทษขอโพยช่างภาพ แล้วเริ่มจัดท่าทางใหม่ตามที่ช่างภาพออกแบบ มือหนาของภากรค่อยๆ ยกมือจับที่แก้มนวล สัมผัสในครั้งนี้บางเบาและนุ่มนวลกว่าครั้งก่อนหน้านัก ชัยรัมภาใจเต้นระส่ำ ทั้งที่หล่อนพยายามบอกตัวเองให้ใจแข็ง ทว่าเพียงแค่ได้สบตากัน หัวใจดวงน้อยๆ มันก็อ่อนยวบยาบราวกับโดนไฟลน “อย่างนั้นแหละครับๆ ค้างไว้ครับค้างไว้” ช่างภาพรีบระรัวกดชัตเตอร์ แก้มที่เริ่มมีสีแดงขึ้นริ้วๆ เขา ทำให้ภากรอดนึกขันไม่ได้ หล่อนในเวลาช่างดูน่ารักน่าฟัดและน่ามันเขี้ยวในเวลาเดียวกัน “ต่อไปให้เจ้าสาวไปอยู่ด้านหลังเจ้าบ่าว แล้วกอดเจ้าบ่าวจากด้านหลังนะครับ ชะโงกหน้าออกมาด้วยนะครับ ส่วนเจ้าบ่าวเอี้ยวคอไปมองเจ้าสาวเล็กน้อยนะครับ ยิ้มให้กันกว้างๆ เลยนะครับผม” ช่างภาพออกแบบท่าทางอีกรอบ ชัยรัมภาได้แต่ยิ้มเจื่อนก่อนจะยอมทำตามแต่โดยดี เพราะไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้ ร่างเล็กเดินไปยืนซ้อนอยู่ที่ด้านหลังของเขา ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นโอบเอวชายหนุ่ม แล้วแนบลำตัวเข้ากับแผ่นหลังกว้าง เธอเริ่มหายใจไม่ตรงจังหวะ ด้านภากร เมื่อถูกหญิงสาวกอด เขาก็ตัวแข็งทื่อ ทั้งตื่นเต้นและกังวลกลัวหล่อนจะเหม็นเหงื่อ ด้วยแดดค่อนข้างแรง ทำให้วันนี้เขามีเหงื่อออกเยอะ ยิ่งจังหวะที่ถูกอีกฝ่ายแนบลำตัวเข้ามาชิด เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ เพราะสัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อหยุ่นๆ ที่กดทับลงมา ‘ตั้งสติไว้ไอ้เซียน ใจเย็นไว้!’ บอกกับตัวเองนับร้อยรอบ “เยี่ยมครับเยี่ยม เจ้าบ่าวมองเจ้าสาวหน่อยครับ ยิ้มครับยิ้ม กว้างๆ เลยครับผม” เขากัดฟันคาดโทษช่างภาพคนนี้เอาไว้ใจ ที่ออกแบบท่าทางมาแต่ละท่าไม่ถามสุขภาพหัวใจของเขาเลยสักคำ “เอ่อ…เจ้าบ่าวครับ ยิ้มครับยิ้ม ไม่ใช่แยกเขี้ยวใส่เจ้าสาวนะครับ” “รู้แล้วน่า ก็ยิ้มอยู่ไม่เห็นหรือไง” เขาหันไปหัวเสียใส่ช่างภาพ ก่อนจะค่อยๆ ก้มมองหญิงสาวที่เงยหน้ามองเขาอยู่ก่อนแล้ว ชัยรัมภายิ้มกว้าง นัยน์ตาหวานไม่มีพิษมีภัยที่เขาเคยชอบมองและหวั่นไหวทุกครั้งที่ได้เห็นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ภากรค่อยๆ ยิ้มกว้างออกมาเช่นกัน ราวกับว่าทั้งคู่ได้ย้อนกลับไปในวันวาน สมัยที่ยังคงมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน “แบบนั้นล่ะครับ นิ่งไว้ครับผม” ช่างภาพรีบระรัวชัตเตอร์อีกครั้ง การถ่ายพรีเวดดิ้งใช้เวลาทั้งวันจนกระทั่งพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน พวกเขาได้เปลี่ยนเป็นชุดอื่นๆ นอกจากชุดนักศึกษา มีทั้งได้ขี่จักรยานด้วยกัน ได้ขับมือกันเดินเล่น ภากรอุ้มชัยรัมภา หรือแม้กระทั่งท่าเขาคุกเข่าขอหล่อนแต่งงาน ทางช่างภาพก็ออกแบบให้ไม่มีเหลือ การถ่ายพรีเวดดิ้งครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบแปดปีที่ทำให้ทั้งสองได้ใกล้ชิดกัน “ต่อไปเป็นรูปสุดท้ายของวันนี้แล้วนะครับผม เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปยืนที่หน้าบึงน้ำเลยนะครับ ผมจะใช้บึงน้ำและพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินเป็นฉากหลังครับ” ช่างภาพชี้ไปทางบึงน้ำ ชัยรัมภาในชุดแต่งงานแบบกระโปรงลานสั้นๆ สีขาว กับภากรในชุดสูทสีขาวกางเกงขาสั้นเท่าเข่าเดินไปยืนตามจุดที่เขาบอก ทั้งสองตกลงกันว่าวันนี้จะเลิกทะเลาะและสงบศึกกันชั่วคราว เพราะไม่อย่างนั้นคงต้องติดหนึบกันไปทั้งวันทั้งคืนเพราะช่างภาพคงไม่ยอมปล่อยกลับง่ายๆ แน่ “ภาพสุดท้ายขอเป็นฉากจุมพิตแบบสวีตวี้ดวิ่วเลยนะครับผม” “อะไรนะคะ?!” “อะไรนะครับ?!” ภากรและชัยรัมภาต่างหันไปมองช่างภาพพร้อมกัน “ไม่เอาน่า พวกคุณกำลังจะแต่งงานกันนะครับ แค่จูบคงจะเคยกันมาแล้ว เร็วครับ เดี๋ยวพระอาทิตย์ตกเสียก่อนจะอดได้ภาพสวยๆ นะครับ” ช่างภาพถือกล้องรอที่จะถ่ายภาพ “เอ่อ…ใช้มุมกล้องแทนได้ไหมคะ?” หญิงสาวถามออกไป ช่างภาพถึงกับอ้าปากค้างและขมวดคิ้วมุ่น ด้วยไม่เข้าใจว่าเหตุใดคู่รักคู่นี้จึงไม่ยอมจูบกัน ทั้งที่คู่รักปกติทั่วไป เวลาถ่ายพรีเวดดิ้ง แทบจะจูบกันทุกรูป “เธอจะบ้าเหรอ มุมกล้องเนี่ยนะ? อยากให้พวกเขาสงสัยหรือไงว่าพวกเราเป็นคู่รักจอมปลอม” ภากรกระซิบเสียงเขียว “ก็ฉันไม่อยากจูบกับคุณนี่” เธอรีบสวนพลางทำสีหน้าขยะแขยงเขา นั่นทำให้เส้นสติแห่งความอดทนเส้นสุดท้ายของภากรขาดผึง! “ทำไม จูบกับฉันมันทำไม ปากฉันเป็นรถดูดส้วมเหรอ เธอถึงได้รังเกียจมัน” “ฉันยอมจูบส้วมดีกว่าจูบกับคุณ” เธอสวนกลับอีก ภากรกัดฟันกรอด คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวแสนหวานคนนั้นจะกลายเป็นคนช่างยอกช่างย้อนแบบนี้ไปได้ “งั้นเหรอ จูบกับส้วมดีกว่าจูบกับฉันสินะ” “ใช่ค่ะ ฉันไม่จูบกับคนที่ฉันไม่ได้รัก” คำว่า ‘ไม่ได้รัก’ ที่ออกมาจากปากของหล่อน ทำให้ภากรทนไม่ไหวอีกต่อไป มือหน้าคว้าต้นคอของหญิงสาวแล้วจับให้แหงนหน้าขึ้นก่อนจะประกบปากจูบทันที!!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม