TALK ติ๋ม
ฉันรีบเกาะแขนเสี่ยภพออกมาจากบาร์ เพราะถ้าอยู่นานคงกลายเป็นศพเฝ้าซ่องแห่งนี้แน่นอน ถามว่ากลัวเขาไหม กลัวสิวะถามได้ แต่ปากกูมันดันเร็วไปหน่อย ตอนที่ปะทะคารมกับมัน กูยังนึกแล้วนึกอีกกับคำพูดของตัวเอง ดีนะที่เขาไม่ควักปืนออกมายิงซะก่อน
พอขึ้นรถเสี่ยภพออกมาได้ มือสองข้างของฉันก็จับหัวตัวเองแน่น พร้อมกับทำสีหน้าที่ไม่ต้องบอกว่ามันจะเป็นยังไง ลองกลัวหัวขาดดูสิ ตาโตลุกวาวกับสายตาอำมหิตของเขา ตาย ๆ อีติ๋ม ชีวิตมึงรอดแล้ว หัวยังอยู่กับที่
“ไอ้นั้นมันเป็นใคร ทำไมกร่างจัง”
“เห็นว่าเป็นลูกค้าคนพิเศษของเจ้ออฟน่ะเสี่ย ติ๋มก็ไม่รู้จักหรอกนะ พึ่งเคยเห็นวันนี้วันแรกนี้แหละ หน้าตาก็ดีแต่นิสัยทร๊ามทราม ดูเลว”
“ดูท่ามันจะไม่ปล่อยติ๋มไปง่าย ๆน่ะ ระวังตัวด้วยล่ะ” นั่นสิ เล่นไปปากดีแบบนั้น มันจะไม่ย้อนกลับมายิงหัวกูเอาเเหรอวะ ขอตบปากตัวเองหน่อยเถอะ
“มันคงไม่มาแล้วล่ะมั้ง เพราะเห็นเจ้แกบอกว่า นาน ๆ จะมาที ถ้ามารอบหน้าติ๋มคงไม่อยู่แล้วล่ะ คงขายหลีจนรวยแล้ว”
“ก็เสี่ยบอกว่าเสี่ยจะเลี้ยงเธอ เธอก็ไม่ยอม ถ้าเธอรับข้อเสนอของเสี่ยตั้งแต่แรก คงไม่ต้องมานั่งขายอยู่ทุกวันหรอก”
“ไม่เอาอ่ะ ติ๋มไม่อยากเป็นภาระของเสี่ย อีกอย่างเสี่ยก็มีลูกมีเมียแล้ว ถ้าเกิดเมียเสี่ยจับได้ขึ้นมา ติ๋มคงเป็นขี้ปากใครต่อใครว่าแย่งผัวเขา แค่ขายตัวอยู่ทุกวันนี้ คนมันก็นินทาหมดบ้านหมดเมืองแร๊ะ”
“เสี่ยชอบเธอตรงนี้แหละติ๋ม เด็ดเดี่ยวกับคำพูดของตัวเอง แต่ถ้าเธอพร้อมวันไหน ให้นึกถึงฉันคนแรกนะ รู้ไหม”
“จ้า ใครจะไปลืมเสี่ยภพได้ลงคอล่ะคะ” ฉันรีบเอาหน้าไปซบลงที่ไหล่ของเสี่ยภพแล้วเอามือเขี่ยแก้มของเสี่ยเขา เสี่ยยิ้มออกมาแล้วขับรถต่อไปเรื่อย ๆ
”ติ๋ม นี้มันบนรถ ฉันขับรถอยู่” เสี่ยรีบเอามือจับมือฉันออกจากเป้าตุง ๆ ของเขา ฉันหัวเราะออกมาในลำคอตัวเองแล้วไซร้คอของเสี่ย ขับรถแล้วไง ติ๋มไม่แคร์
“ติ๋ม อ่า อื้ม เสี่ยขับรถอยู่น่ะติ๋ม อื้ออ”
“เสี่ยขาขับเร็วสิคะ แฉะแล้วนะ…”
“หึ ๆ ใจเย็นอีหนู”
เสี่ยภพเร่งเครื่องขับเร็วขึ้น เขาปาดซ้ายปาดขวาปาดหน้าเต็มที่ ถนนแห่งนี้เป็นของรถเสี่ยภพไปแล้วค่ะ เสี่ยภพเร่งรถมาที่คอนโดหรูของเขาที่ประจำของฉันและเสี่ย เป็นคอนโดที่เสี่ยเขาแอบซื้อเก็บไว้ เพราะเอาไว้ระบายความใคร่กับเด็กของเขาที่นี้ และกูเป็นหนึ่งในนั้นที่ได้มา
พอมาถึงคอนโดปุ้บจะรออะไรล่ะคะ รีบติดเครื่องยนต์ตั้งแต่ในลิฟท์ยันชั้น 13 เลยค่ะ โชคดีที่ตอนนี้มันค่อนข้างดึกแล้วคนไม่ค่อยมี ส่วนกล้องในลิฟท์ช่างมัน พอมาถึงภายในห้องของเสี่ยภพปุ้บ เสี่ยก็รีบดันตัวฉันติดกำแพงทันที ไม่รู้จะรีบอะไรเบอร์นั้น
“อ๊า เสี่ย อื้มม” ไม่ต้องอธิบายความเสียวเพราะเสี่ยภพเขาบิ้วได้เก่ง
“ไม่ไหวแล้วติ๋ม เอาเลยน่ะบิ้วไม่ได้แล้ว” เสี่ยภพถกเดรสฉันขึ้นแล้วดึงกางเกงในฉันออก เขาคงไม่ไหวจริง ๆ ล่ะมั้ง วันนี้ไปคลั่งอะไรมาว่ะ
“อ๊ะ ซี้ด หน้าห้องเลยเหรอเสี่ย อ่า”
เสี่ยภพดันตัวฉันติดกับตู้โชว์ ฉันก้มตัวลงนาบกับตู้ เสี่ยภพควักมังกรของเขาออกมา สอดใส่ของฉันจากทางข้างหลัง จากนั้นก็กระแทกเต็มเหนี่ยวสุดแรงควายที่มีของเขา ฉันชอบอะไรที่มันแรง ๆ แบบนี้จัง มันถึงใจดี ถึงจะจุกก็เหอะ
ปึก ๆ
“อ๊ะ เสี่ยภพขา อ๊า ๆ”
“อ๊ะ อืมม ๆ เสียวไหม”
“เสียวค่ะ อ๊า แรง ๆ เสี่ย อ๋า ๆ”
หลังจากนั้นก็ใส่สุดแรงใส่จนหมดแม็ก เปลี่ยนท่าไปเปลี่ยนท่ามา เอาตั้งแต่หน้าประตูไปถึงสุดผนังของห้อง เอาทุกตารางนิ้วของพื้น เอาทุกส่วนในบริเวรห้อง เอาจนเสร็จไป 5-6 น้ำ เย้...มัน เย้...เดือด ต้องยกให้เสี่ยภพ ถึงใจติ๋มมากเจ้าค่ะแต่ละรอบ
แต่ฉันกับเสี่ยใส่ถุงป้องกันทุกครั้งนะ ถุงยางของเสี่ยมีพร้อมเป็นร้อย ๆ ชิ้น ไม่ต้องกังวลว่าจะป๋อง เพราะห้องพร้อมถุงยางพร้อมยาคุมพร้อม และเซ็กส์ก็ร้อนแรง
ตอนเช้า
หลังจากที่ตื่นนอนฉันกับเสี่ยต่างคนต่างอาบน้ำและแต่งตัวเตรียมตัวออกจากคอนโดตามเวลาปกติที่เคยทำ เสี่ยภพใส่สูทสีดำเดินออกมา ตัวห๊อมหอม คนอะไรหล๊อหล่อ อยากจับทำผัว แต่กลัวเมียเขาว่าเอา
“ยิ้มอะไร” เสี่ยภพเดินเข้ามาหาฉันแล้วหยิกแก้มไปทีหนึ่ง อยากกัดค่ะเสี่ย จะทำให้หลงไปถึงไหนคะผัวชาวบ้าน
“แค่ยิ้มให้กับความหล่อของผัว ผัวชาวบ้านนะคะไม่ใช่ผัวติ๋ม”
“แล้วที่ฉันเอากันมันไม่ได้เรียกผัวเมียสินะ”
“เขาเรียกซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนค่ะเสี่ย ติ๋มขายหอย เสี่ยเสียเงิน แต่ที่มันคุ้มค่าอย่างหนึ่งสำหรับกิจการนี้คือ ฉันมันส์ทั้งคู่ค่ะเสี่ย”
”ฮ่า ๆ ฟอด ฉันละหลงเธอหัวปักหัวปำจริง ๆติ๋ม” งื้อ อีติ๋มหลงคารมของเสี่ยคนนี้ เสี่ยภพหอมแก้มฉันแล้วเอามือลูบหัวฉันเบา ๆ มันเหมือนเขากำลังเอ็นดูฉันยังไงไม่รู้ ชอบ
“กลับเถอะค่ะ ขืนอยู่ต่อเดี๋ยวยาวกว่าลูบหัว เพราะว่าติ๋มอยากให้เสี่ยลูบ…”
”ให้ลูบตอนนี้ไหมล่ะ”
”55555555 ไป ๆ ๆ เดี๋ยวเมียโทรตาม”
“อยู่กับเสี่ย อย่าพูดถึงเมียสิครับ”
เสี่ยภพเดินมากอดคอฉันแล้วเดินออกจากห้องพร้อมกัน ฉันหันไปยิ้มให้เสี่ยภพแล้วกอดเอวเสี่ยเขาเดินออกจากห้องเหมือนกัน เวลาฉันอยู่ด้วยกันมันไม่เหมือนคนขายตัวกับเสี่ยที่ชอบซื้อเลยนะ ฉันเหมือนคนรักกันมากกว่าอีก เสี่ยเขาอบอุ่นและเทคเเคร์ฉันดี นี้แหละที่ฉันชอบ
หมู่บ้านสลำ...
ไม่ค่อยอยากจะเดินกลับไปสักเท่าไหร่ เพราะรู้เลยว่าต้องไปเจอกับอะไรอีก เฮ้อ ชีวิตของกูนี้หนอ กลางคืนต้องต่อสู้ร่วมมือกับหลี แต่กลางวันนี้สิ ต้องต่อสู้และร่วมมือกับปาก
“โผล่หัวมาทำไมห้ะอีติ๋ม กูก็นึกว่าไปแล้วไปเลย มึงจะกลับมาทำไมเอาป่านี้” กูว่าล่ะ มาถึงก็โดนเลย ป้าต้อยแกก็ด่าฉันซะทุกเวลาจริง เช้า-กลางวัน-เย็น-ก่อนนอน
“ไม่เมื่อยปากเหรอป้าที่ต้องมาคอยด่าฉันทุกวี่ทุกวันเนี่ย” ฉันตอบออกไปแบบเบื่อ ๆ เหนื่อยมาทั้งคืนยังจะมาเหนื่อยกับป้าแกอีก
”สันดานแบบมึงมันสมควรให้กูด่าไหมล่ะอีติ๋ม กลางค่ำกลางคืนบ้านช่องไม่กลับ งานการก็ไม่ช่วยกูทำ นี่มึงมาอาศัยบ้านกูอยู่นะโว้ย”
”รู้แล้วแหละว่ามาอาศัยบ้านป้าอยู่ ฉันไม่ได้สมองปลาทองที่จะจำไม่ได้ แล้วที่บ้านช่องไม่กลับเนี่ย มันไม่ดีหรือไงฉันจะได้ไม่ต้องอยู่ในรกหูรกตาป้าไงล่ะ ไม่ชอบเหรอ”
”ก็ถ้ามึงคิดจะไป มึงก็ไปเลย มึงจะกลับมาทำห่าเหวอะไรให้กูรำคาญใจอีก ห้ะ”
“ก็ถ้าฉันมีที่ไป ฉันจะกลับมาทำไมล่ะ พูดอะไรอ่ะคิดบ้างน่ะป้า ถ้าฉันมีบ้านฉันจะมาอาศัยบ้านของป้าอยู่ไหม แล้วถ้าพ่อแม่ฉันเอา ฉันจะมาทนให้ป้าด่าฉันทุกวี่ทุกวันแบบนี้ไหม อ๋อ อีกอย่างน่ะ ฉันทำงานทำการไม่ได้ว่างเอาตีนกระดิกไปวัน ๆ ป้าจะพูดอะไรก็ช่วยเอาส่วนดีของฉันมาพูดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่จุดบกพร่องของฉันมาประจาน”
”อีติ๋ม” ป้าต้อยแผดเสียงใส่ฉัน
”ทำไม รับไม่ได้เหรอถ้าฉันจะพูดความดีของตัวเองที่ฉันทำให้บ้านป้าอ่ะ ทั้งค่าน้ำค่าไฟ ไหนจะลงทุนเปิดร้านนี้ให้ป้าอีก ทั้งหมดนี้มันก็เงินของฉัน อีตอนอยากได้ตังค์มาทำเป็นพูดดี ทีตอนนี้มากัดฉันทุกวี่ทุกวัน อีเงินที่ยืมไปลงทุนขายข้าวเนี่ย ฉันยังไม่ได้คืนเลยสักบาท ข้าวปลาบ้านป้าฉันก็ไม่ได้กิน แถมยังต้องมาซื้อข้าวสารเองอีก นอนบ้านก็แทบไม่ได้นอนไม่ได้อยู่ แต่ต้องมาจ่ายค่าฟืนค่าไฟทุกสิ้นเดือน ทีอีพวกเนี่ยทำไมไม่เอามาพูดบ้างล่ะ”
พูดจบฉันก็เดินกลับเข้าบ้านเลย เสียงป้าต้อยแกก็ด่าฉันตามหลังมานั้นแหละ แต่ไม่อยากฟัง ทำบุญคนไม่ขึ้นจริง ๆ ต่อไปนี้อย่าหวังว่าจะได้อะไรจากอีติ๋มคนนี้เลย แม่จะเอาคืนให้หมดทุกบาททุกสตางค์
“อ้าว อีติ๋ม หายไปไหนมาทั้งคืน” ไอ้ต้อมมันเดินมาจากห้องน้ำแล้วเช็ดหัวตัวเองพร้อมถามฉัน
“เรื่องของกู ถามทำไม”
“เอ้า อีนิ่ กูถามดี ๆ ปะวะ”
“ไปนอนกับเสี่ยภพมา มีไรอีกไหม?”
”นี้มึงขายตัวจริง ๆใช่ปะ?”
“เออ กูก็บอกหลายรอบล่ะว่ากูขายตัว มึงไม่เชื่อเอง”
“งั้นมึงมาคุยกับกูหน่อยกูมีไรจะให้ด้วย” ไอ้ต้อมพูด
“มึงมั่นใจเหรอว่าจะให้กูไปคุยกับมึงในห้องของมึงอ่ะไอ้ต้อม กูมีอารมณ์ขึ้นมากูจับมึงเย้น่ะ ยิ่งอาบน้ำหอม ๆ แบบนี้กูยิ่งอยากซุกไซร้มึงจริง ๆ”
”อีเด็กเหี้ย อย่าเข้ามาน่ะมึง มึงไปรอห้องมึงนั้นแหละ เดี๋ยวกูแต่งตัวเสร็จกูจะเดินไปหา”
“หึ ๆ เออ ๆ”
จริง ๆ แค่แกล้งมันเล่นน่ะไม่เอาจริงหรอก ใครจะบ้าเอากับพี่ชายตัวเองเล่า... แต่ถ้าได้ก็ดีนะ เพราะไอ้ต้อมมันก็ใช้ได้อยู่ 5555 ฉันเดินกลับมาในห้องของตัวเอง แล้วล้มตัวนอนบนเตียงเล็ก ๆ เอาปลายนิ้วเปิดพัดลมให้โบกความร้อนออกไปหน่อย
แอ๊ดดด
ไม่นานไอ้ต้อมมันก็เปิดประตูเข้ามาแล้วเดินมานั่งลงข้าง ๆฉันบนเตียง ฉันหันหน้ามองหน้ามันแล้วขมวดคิ้วขึ้น
”จริง ๆ กูก็ไม่เชื่อหรอกนะว่ามึงจะขายตัว แต่ไปได้ยินอีจันมันไปเล่าที่ตลาดว่ามึงขายตัว ตอนนี้คนพากันลือให้แซดทั้งบาง ดีนะที่แม่ให้กูไปตลาดแทน ไม่งั้นได้โวยวายใส่มึงอีก”
“ต่อให้แม่มึงไม่รู้ เขาก็ด่ากูอยู่ทุกวัน กูชินล่ะ ส่วนปากคนกูไม่แคร์หรอกน่ะว่าใครจะพูดยังไง เพราะพวกมันไม่ได้หาให้กูแดก อยากพูดอะไรก็ปล่อยพวกมัน”
“มึงไม่กลัวเป็นโรคเเหรอวะ ทำงานแบบนี้มันเสี่ยงน่ะเว้ย ไหนจะตำรวจไหนจะคนที่ซื้อมึงอีก”
”มึงไม่ต้องห่วงหรอก กูป้องกันอย่างดี อีกอย่างนะ บาร์ที่กูทำมันก็ปลอดภัย ไม่มีตำรวจเข้าหรอก เจ้เจ้าของบาร์เขาเส้นใหญ่อยู่ มึงหายห่วงได้”
”กูไม่ได้ว่าไรหรอกนะว่ามึงจะทำงานอะไร แต่กูซื้อไอ้นี้มาไว้ให้มึง เอาติดตัวไว้อย่างน้อยมันก็ป้องกันตัวมึงเองได้เวลาฉุกเฉิน” ไอ้ต้อมมันยื่นอะไรบางอย่างมาให้ฉัน ฉันรีบลุกขึ้นนั่งแล้วหยิบมาดู
”อะไรว่ะเนี่ย แปล๊บ ว้าย” มือฉันไปเผลอกดตรงปุ่มมัน จู่ ๆก็มีกระแสไฟฟ้าออกมา ขนาดฉันถือยังแทบสั่นตาม นี้มันเครื่องช็อตไฟฟ้าเเหรอวะ
”ถ้ากูเอาไปช็อตใครเขาจะไม่ตายเเหรอวะ”
”ไม่ถึงตายหรอก ความแรงมัน 1.2 วัตต์ มันสามารถทำให้มึงวิ่งหนีออกมาได้อ่ะ”
“อ๋ออ... แต่กูคงไม่ได้ใช้หรอก กูขายตัวนะไม่ได้เป็นตำรวจจะเอามาใช้ทำไมวะ”
”ทำงานแบบนี้มึงก็ต้องระวังตัวเองหน่อย มีของพวกนี้ติดตัวไว้มันไม่เสียหายหรอก ถ้าวันไหนมึงเกิดไปเจอลูกค้าโรคจิตเข้า มึงจะได้ป้องกันตัวเองได้” เออ ก็จริงของมันว่ะ
“อือ ๆ ๆ ขอบใจน่ะ”
“งั้นกูไปล่ะ มึงนอนเถอะ”
”ไม่นอนกับกูหน่อยเหรอ?”
“อีเหี้ย” ไอ้ต้อมมันรีบวิ่งออกจากห้องฉันแล้วปิดประตูลง ฉันล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เเล้วเอาที่ช็อตไฟฟ้านี้วางไว้ข้าง ๆก่อนจะหลับตายาว ๆไป
Time 18:30
ในฝันฉันกำลังวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วง สายตาของฉันสาดส่องไปเจอกับเจ้าชายรูปงาม เขาหล่อเหลือล้นเกินกว่าที่ฉันจะอดใจ ฉันกำลังไล่ตามเจ้าชายขี่ม้าขาว เเล้วร้องตะโกนบอกเขาไปดัง ๆ ว่า…
“กูอยากเย้มึงค่ะเจ้าชาย”
“ปัง ๆ อยากเย้อะไรของมึงอีติ๋ม ตื่นได้แล้วอีเนรคุณ”
ดวงตาของฉันเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงของป้าต้อยเคาะประตูแล้วตะโกนเรียกฉัน ตายห่า กูฝันแล้วเผลอพูดออกมาเเหรอวะเนี่ย ฉันรีบดีดตัวเองลุกแล้วมองดูนาฬิกาตอนนี้มัน 6 โมงกว่าแล้ว
“ตายห่า กูไปทำงานสาย”
เชี้ยเอ้ย อีเจ้ออฟด่ากูเละแน่ โดนป้าด่าไม่พอ โดนอีเจ้ด่าอีก เมื่อไหร่ชีวิตกูจะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมการโดนด่าว่ะ ฉันรีบหยิบผ้าขนหนูแล้วใส่หมวกคลุมอาบน้ำ ถอดเสื้อผ้าออกอย่างเร่งด่วนภายในเวลาไม่ถึง 10 วิ แล้ววิ่งออกจากห้องไปห้องน้ำทันที ตอนนี้กูจะไม่ทันเข้างานแล้ว โดนหักค่าแรงค่าดริ๊งอีก ตาย ๆ
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จจะรออะไรล่ะรีบเเต่งตัวสิคะ ฉันรีบแต่งหน้าแต่งตัวอย่างเร็วที่สุด พอแต่งตัวได้ก็รีบคว้ากระเป๋าออกจากห้องทันทีแล้ววิ่งลงมาข้างล่าง
”เอ้า ๆ บันไดบ้านกูพังหมดแล้วมั้ง”
“อย่าพึ่งด่าตอนนี้ได้ไหมป้า ฉันรีบ โอ๊ย”
“มึงจะรีบไปไหนของมึง มืดค่ำแล้วออกให้ได้ทุกวัน”
“ไปขายหลี จบม้ะ”
ฉันรีบวิ่งมาใส่รองเท้าส้นสูงของตัวเองแล้ววิ่งออกจากบ้าน แต่พอมาถึงรั่วบ้านก็ต้องชะงักแล้วหยุดฝีเท้าทันทีเพราะพึ่งคิดได้ว่าลืมของไว้บนห้อง
”ตายห่า กูลืมหยิบอาวุธคู่ใจมาด้วยนิ่หว่า” ฉันรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง แต่ไม่ได้ถอดรองเท้าหรอกนะเพราะขี้เกียจใส่อีก ป้าต้อยแกก็ด่าตามหลังเหมือนทุกครั้งแหละ แต่ช่างเถอะฉันไม่ได้ฟัง พอมาถึงห้องได้ก็รีบไปหยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าขึ้นมาจากที่นอนทันที
แปล๊บ
”บรื้อ” พอกดทดลองสินค้า กระแสไฟฟ้ามันดังขึ้นมา ฉันก็สั่นตามแรงไฟฟ้ามันไปด้วย ใช้งานดีจริง ๆ ฉันรีบเอามันยัดใส่ลงในกระเป๋ากางเกงของฉัน
“ทีนี้แหละไอ้พวกเ*******ูทั้งหลาย ถ้าคิดจะตุกติกเงินกูน่ะ แม่จะเอาจี้ให้คว… ไหม้ไปเลยคอยดู ฮ่า ๆ ๆ แปล๊บ”
หัวเราะสะใจอยู่นั้นแหละอีเวร รีบไปทำงานค่ะ สายแล้ววว ฉันรีบวิ่งออกจากบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่แรงและกำลังเท้าของฉันจะมี วิ่งออกมาจากปากซอยสลำแล้วโบกแท็กซี่ไปที่บาร์ขายหอยแล้วเริ่มทำงาน...