๑๐
@วันต่อมา
"นะ นี่มันอะไรกันคะคุณย่า คนพวกนี้มาทำอะไรที่คอนโดของต่ายคะ" กระต่ายที่พึ่งจะก้าวขาออกมาจากห้องน้ำเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าสร้างความงุนงงอย่างหนัก ทว่าการที่คุณย่าของเธอยืนกอดอกมองคนที่เดินเก็บของให้วุ่นอยู่ในห้องของเธอ เป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าท่านคงรู้เรื่องนี้ดี
"คุณย่าคะ..."
"ย่าขอโทษนะ ย่าคงต้องยอมรับกับหนูตรงๆ ว่าย่ามีเรื่องที่บอกหนูไม่หมด ย่าขอโทษจริงๆ"
"ขอโทษ? ทำไมคุณย่าต้องขอโทษต่ายด้วยคะ แล้วคนพวกนี้เข้ามาที่นี่ทำไม ทำไมถึงต้องเก็บข้าวของของต่ายลงกระเป๋า"
"มันถึงเวลาที่เราต้องคืนห้องแล้วนะลูก"
"คะ คืนห้อง!" ดวงตากลมโตเบิกกว้าง วินาทีต่อมาคิ้วสวยได้รูปก็นิ่วเข้ากันเป็นเชิงตั้งคำถาม
"หมายความว่ายังไงคะคุณย่า ทำไมเราถึงต้องคืนห้อง ในเมื่อคอนโดนี้และห้องนี้คุณย่าซื้อขาดไว้แล้วนี่คะ"
"ต่ายฟังย่านะลูก ที่เคยบอกกับหนูว่าย่าซื้อคอนโดนี้ไว้แล้ว จริงๆ ย่าเพียงแค่คิดว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเราทำการซื้อขายไม่สำเร็จ..."
"มันมีความจำเป็นอะไรที่เราจะต้องย้ายออกจากที่นี่กันแน่คะ เพราะพี่กรณ์มาที่นี่เมื่อคืน คุณย่าไม่สบายใจกลัวว่าเขาจะกลับมาที่นี่ตอนที่คุณย่าไม่อยู่อีก คุณย่ากลัวว่าต่ายจะใจอ่อนเลยอยากให้ต่ายย้ายออกแบบนั้นใช่ไหมคะ"
"ต่ายฟังย่านะลูก อย่ายอมรับว่าเรื่องของหมอปกรณ์ก็มีส่วนที่ทำให้ย่ารู้สึกไม่สบายใจ ย่ารู้เหมือนที่ต่ายรู้ว่าเมื่อก่อนหมอปกรณ์เคยมีนิสัยแบบไหน เขาไม่เคยทำให้หลานของย่าเสียใจ ไม่เคยทำร้ายความรู้สึก ออกจะอ่อนโยนจนหนูรักเขามาก เรารู้ว่าเหตุผลที่หนูและเขาต้องเลิกกันมันเป็นเพราะเขาทำพลาด หนูก็ได้ยินกับหูของตัวเองแล้วว่าหมอปกรณ์จะยังพยายามทำดีกับหนูต่อไปแม้ว่าเขาจะมีใครอีกคนก็ตาม"
"คุณย่ากลัวว่าต่ายจะใจอ่อนจนยอม..."
"ย่ารู้ว่าหลานสาวของย่าไม่มีทางทำลายครอบครัวของใครแบบนั้นแน่ แต่การที่เราย้ายออกจากที่นี่เพื่อที่เขาจะมาหาเราไม่ได้อีกมันอาจจะตัดปัญหาเรื่องที่เราอาจจะถูกมองว่าเป็นมือที่สามในภายภาคหน้าได้ไม่ใช่เหรอลูก"
"คุณย่า..."
"จริงๆ ย่าตั้งใจที่จะซื้อคอนโดห้องนี้นะ ถึงขั้นบอกหนูไปแล้วด้วยซ้ำว่าที่นี่เป็นของเรา แต่หลังจากที่ได้บอกกับหนูย่ากลับได้คำตอบว่าเราซื้อที่นี่ไม่สำเร็จ มีข้อผิดพลาดที่ว่ามีการสั่งจองล่วงหน้าโดยผู้ที่รู้จักเจ้าของคอนโดเป็นอย่างดี"
"ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วทำไมต่ายถึงได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจนมาถึงตอนนี้ล่ะคะ คุณย่า..."
"เพราะเขารับผิดชอบในส่วนที่ทำการซื้อขายซ้อนไงลูก เขาเองก็ไม่อยากให้เราเอาเรื่อง เจ้าของตัวจริงที่ซื้อไว้ยินดีให้เราอยู่ที่นี่เพราะเขาตั้งใจที่จะซื้อและปล่อยเช่า จนตอนนี้เจ้าของตัวจริงเขาต้องการห้องคืน และมันพอดิบพอดีกับเรื่องที่เข้ามาทำให้ย่ารู้สึกไม่สบายใจ ย่าก็เลยมีความเห็นว่าเราควรที่จะย้ายออกจากที่นี่ตามที่เจ้าของเขาต้องการ" กระต่ายยกมือขึ้นกุมขมับเมื่อได้ยินแบบนั้น ไม่ได้รู้สึกเสียดายห้องหรือเสียดายที่ห้องพักอาศัยไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัว แต่เหนื่อยกับการที่ต้องย้ายออกและไปอยู่ที่ใหม่ ซ้ำอาจจะถูกมองว่าย้ายเพื่อหนีปัญหาที่ถูกแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปีทอดทิ้งเพราะมีคนใหม่
"อย่างน้อยการที่เราย้ายออกจากที่นี่ มันก็ดีที่เราจะได้ไม่เจอกับหมอปกรณ์ไม่ใช่เหรอลูก"
"ต่ายใกล้จะเรียนจบแล้ว แค่ไม่อยากหาที่ใหม่ค่ะคุณย่า ที่นี่ก็สะดวกมาก ต่ายแค่..."
"ไม่ต้องห่วงนะลูก เรื่องที่อยู่ใหม่ย่าจัดการไว้ให้หนูเรียบร้อยแล้ว"
"จัดการ คุณย่ามีที่ใหม่ให้ต่ายอยู่แล้วงั้นเหรอคะ?"
"ใช่จ๊ะ ย่าและคุณย่าวิภาเพื่อนย่า เตรียมที่อยู่ใหม่เอาไว้ให้หนูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รับรองว่าที่นั่นเป็นที่ที่ดีและเป็นที่ที่ปลอดภัย!"
@เพนต์เฮาส์หรูใจกลางเมือง
รชานนท์มองกระเป๋าเสื้อผ้าหลายต่อหลายใบที่ถูกขนเข้ามาไว้ในพื้นที่ส่วนตัวของเขาโดยที่เขาไม่ได้รู้สึกเต็มใจเลยสักนิด
ดวงตาคมกริบตวัดไปจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ในชุดเดรสยาวเพียงต้นขาระบายตรงแขนเป็นแขนตุ๊กตาสีขาว ใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางเรียบเฉย ถึงกับต้องดันลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มด้วยความหงุดหงิดเมื่อไม่เห็นว่าเธอจะต่อต้านหรือคัดค้านสิ่งใดออกมาเลย
"กระต่ายเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ตามสบายเลยนะลูก ที่นี่เป็นเพนต์เฮาส์ของตานนท์ ปกติก็มาที่นี่ไม่บ่อยหรอก"
"ขอบใจมากนะวิที่ช่วยเหลือหลานสาวของเรา ย่าขอบคุณนนท์ด้วยนะลูกที่อนุญาตให้น้องเข้ามาอยู่ในระหว่างที่ยังเรียน การไปกลับระหว่างมหา'ลัย กับที่บ้านมันไกลจริงๆ" กมลหันหาหลานชายของเพื่อนรัก หน้าตาออกหล่อเหลา แม้จะดูนิ่งและขรึมไปหน่อย แต่โดยรวมทุกอย่างดูดี อีกอย่างเป็นถึงหลานชายของเพื่อนรักขนาดนี้ ท่านวางใจทันที
"...ครับคุณย่า"
"กระต่าย ขอบคุณย่าวิและขอบคุณพี่นนท์ซะสิ" คนถูกเร่งเร้าเม้มริมฝีปากแน่น แต่พอเห็นรอยยิ้มและแววตาที่แสดงความเอ็นดูในตัวเธอออกมาเต็มที่ของคุณย่าวิภา กระต่ายคลี่ยิ้มและยกมือไหว้ทันที
"ขอบคุณย่าวิที่ช่วยเหลือนะคะ ขอบคุณพี่นนท์ด้วยค่ะ" หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบในตอนที่สบตากับคนที่จ้องมองเธออยู่
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ที่คุณย่าของเธอเตรียมไว้มันคือที่นี่ สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความโกรธ เขาต้องไม่พอใจมากแน่ๆ เพียงแต่ไม่แสดงออกตรงๆ เพราะอาจจะเกรงใจคุณย่าของเธอและคุณย่าของเขาเท่านั้นเอง
"ขอบคุณทำไมล่ะลูก หนูกำลังจะคบหาดูใจกับหลานชายของย่า คนกันเองทั้งนั้น จริงไหมตานนท์" คุณวิภาเบนสายตาไปมองหลานชายตัวเองเป็นเชิงถามความเห็น สุดท้ายแล้วคำตอบของรชานนท์ก็คือการตอบรับพร้อมรอยยิ้มที่หลุดออกมา
"ไหนๆ วันนี้เราก็ว่างทั้งวันแล้ว ข้าวของของหนูอย่าห่วงเลยนะลูก คนของย่าจะจัดการเก็บให้เรียบร้อย วันนี้เราไปหาของอร่อยทานพร้อมกันดีไหม"
"คะ คุณย่าวิคะคือว่าต่าย..."
"ไม่ต้องเกรงใจนะลูก ย่าเต็มใจ แต่ถ้ากังวลกลัวว่าของจะหายเรื่องนั้นหนูตัดทิ้งได้เลย คนของย่าไว้ใจได้ จะไม่มีอะไรหายแม้สักชิ้นเดียวย่ารับรอง" คำตอบของคุณวิภาส่งผลให้ผู้ฟังระบายรอยยิ้มอึดอัด
เธอเต็มใจคบกับคนที่คุณย่าคิดว่าดีก็จริง แต่พึ่งจะมารู้ว่าหลานชายของย่าวิภาไม่ได้ใจดีกับเธอเลย
เขายังอยากรู้ความจริง ในขณะที่เธอไม่พร้อมเล่าความจริง หากเขารู้ว่าเธออยากคบกับเขาเพื่อลืมใครอีกคน เขาก็คงจะมองว่าเธอเป็นคนเห็นแก่ตัวเช่นกัน
แต่เขาก็ยังไม่รู้ ในความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของเธอ เธอพร้อมที่จะให้เขากลับคืนในฐานะแฟนที่ซื่อสัตย์ต่อเขาคนเดียว
"...ขอโทษนะคะ" นานนับนาทีที่กระต่ายชั่งใจก่อนจะเอ่ยคำนี้ออกมาหลังจากที่แอบมองคนที่ออกมาสูบบุหรี่ในโซนที่ร้านอาหารจัดเตรียมเอาไว้
ใบหน้าคมคายหันมาตามเสียง พอเห็นหน้าเธอเขาพ่นควันบุหรี่สีขาวคลุ้งให้ลอยกระจายใส่หน้าเธอทันที
กลิ่นของบุหรี่ทำให้เธอนิ่วหน้า คนรักเก่าอย่างคุณหมอปกรณ์ไม่เคยสูบบุหรี่แน่นอนว่าเธอไม่เคยได้สัมผัสกับกลิ่นแบบนี้ในระยะใกล้ ครั้นพอนึกขึ้นมาได้ว่าผู้ชายคนนี้กับเขาคนนั้นมันคนละคนกัน กระต่ายหลับตาปี๋ ไม่หลีกหนีในสิ่งที่เขาพ่นมันออกมา
"แค่กๆ" กลิ่นที่ฉุนจัดทำคนตัวเล็กสำลักก่อนจะเบือนหน้าหนี คนที่กำลังจ้องมองการกระทำของเธอด้วยความหงุดหงิดเค้นเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยันพลางทิ้งมวลบุหรี่ก่อนที่เขาจะหันมาเผชิญหน้ากับเธอดีๆ
"ว่าไงนะ..."
"ขะ ขอโทษค่ะ ต่ายขอโทษที่ทำให้พี่นนท์ไม่พอใจ"
"เรื่องที่คุณถือกระเป๋าเข้ามาอยู่ในเพนต์เฮาส์ของผมโดยที่ผมไม่เต็มใจน่ะเหรอ?"
"มันเป็นเหตุสุดวิสัยค่ะ ต่ายมีความจำเป็นที่จะต้อง..."
"ผมบอกคุณแล้วว่าผมไม่ได้ใจดีขนาดนั้น ผมยังยืนยันว่าผมจะไม่ถอยเพราะหากผมเป็นฝ่ายถอยคุณนั่นแหละที่จะเสียหาย..."
"...แต่ถ้าคุณยังยืนยันที่จะรักษาคำพูดและคบกับผมต่อไป คุณได้มาอยู่ในที่ที่ผมรัก ได้สถานะที่คุณต้องการ ผมก็จะทำทุกอย่างแบบที่คนเป็นแฟนเขาทำกันเหมือนกัน"
"หากพี่นนท์ใช้วิธีแบบนั้นมันก็เท่ากับว่าพี่นนท์หาวิธีผูกมัด"
"เหมือนกำลังจะบอกว่าผมจะได้เป็นผู้ชายคนแรกของคุณงั้นแหละ!" ดวงตากลมโตที่หลุบลงส่งผลให้รชานนท์ชะงัก
หรือว่าจะยังไม่เคย?