๙
"ไปไหนมา ทำไมถึงกลับเอาป่านนี้!" น้ำเสียงที่คุ้นเคยส่งผลให้กระต่ายชะงักอยู่กับที่ หัวใจที่แทบไม่มีเรี่ยวแรงจะเต้นต่อกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง แต่รู้ดีว่ามันเป็นการเต้นที่ไม่ใช่เพราะมีความหวัง แต่เป็นเพราะว่าคาดไม่ถึงต่างหาก
หมับ~
"ต่าย..."
"อย่ามาแตะต้องตัวต่าย" มือเรียวสะบัดอย่างแรงจนมือหนาหลุดออกจากข้อมือเล็ก ใบหน้าสวยหันขวับกลับไปมอง พบเขาคนที่ในตอนนี้เธอไม่ได้อยากจะพบเจอ
ดวงตาคมวูบไหวลงในตอนที่มองสบตากัน ปกรณ์ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
"ทำไมถึงกลับเอาป่านนี้ ลืมไปแล้วเหรอว่าโลกภายนอกมันเต็มไปด้วยอันตรายที่เยอะมากแค่ไหน พี่ยังคาดหวังที่จะเห็นต่ายรักและดูแลตัวเองดีกว่านี้นะ" ใบหน้าสวยเชิดขึ้น พร้อมกับหลุดเสียงหัวเราะเยาะออกมาเบาๆ ตอบรับถ้อยคำที่เหมือนจะห่วงใยของคนที่ทำร้ายกันอย่างเลือดเย็น
"จะกลับมาพูดแบบนี้เพราะเหตุผลอะไรอีกคะ ลืมไปแล้วเหรอ เราเลิกกันไปแล้วนะ"
"แต่พี่ยังเป็นห่วงต่ายนะ" ดวงตากลมโตกระตุกวูบในยามที่มองใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์หนุ่มของโรงพยาบาลชื่อดัง มือที่เคยอบอุ่นและเคยช่วยเหลือผู้คนมาจนนับไม่ถ้วนเลื่อนเข้ามากุมมือของเธอเอาไว้ ซึ่งเธอไม่ได้รู้สึกดีไปกับสัมผัสนี้อีกแล้ว
"ปล่อยค่ะ"
"ต่าย ฟังพี่ก่อนได้ไหม"
"ต่ายบอกให้พี่กรณ์ปล่อย มีสิทธิ์อะไรมาแตะเนื้อต้องตัวต่าย มีสิทธิ์อะไรมายืนอยู่ตรงนี้ทั้งที่เราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว"
"พี่ขอโทษ พี่เป็นห่วงต่ายมากนะ เมื่อก่อนต่ายไม่เคยกลับบ้านดึกแบบนี้ แต่วันนี้ต่ายกลับดึกมาก ที่บ้านของคุณย่าต่ายก็ไม่ได้กลับไป รู้หรือเปล่าว่าพี่เป็นห่วงเรามากแค่ไหน" ถ้อยคำจากปากของปกรณ์ทำให้กระต่ายจ้องมองเขาโดยไม่ยอมหลบสายตาไปไหน
เขารู้ว่าเธอกลับเวลาไหน ไปหรือไม่ได้ไปที่บ้านของคุณย่า นั่นหมายความว่า...
"พี่กรณ์สะกดรอยตามต่ายงั้นเหรอ"
"...สรุปไปไหนมา มีปัญหาอะไรหรือเปล่าอยากให้พี่ช่วยเหลือเรื่องอะไรบอกพี่ได้เหมือนเดิมเลยนะ"
"ต่ายถามว่าพี่กรณ์รู้เรื่องของต่ายได้ยังไง สะกดรอยตามต่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงรู้ว่าเมื่อก่อนกับตอนนี้มันไม่ได้เหมือนกัน"
"หากพี่พูดออกไปพี่ก็จะกลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวอยู่ซ้ำๆ ต่ายไม่จำเป็นต้องให้พี่พูดมันออกไปก็ได้"
"แล้วไม่รู้ตัวสักนิดเลยหรอว่าสิ่งที่พี่ทำอยู่ในตอนนี้มันโคตรจะเห็นแก่ตัวมากแค่ไหน"
"..."
"มีเมียมีลูกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่ไปอยู่กับพวกเขาล่ะ มาโผล่ที่นี่ทำไม กลับมาที่นี่อีกทำไม"
"คนเรามันไม่สามารถลืมคนที่เคยรักมากได้ง่ายๆ หรอกนะต่าย"
"หยุดเห็นแก่ตัวแบบนี้สักที!" เสียงประกาศิตจากทางด้านหลังส่งผลให้กระต่ายเบิกตากว้าง เป็นเวลาเดียวกับที่นายแพทย์หนุ่มหันกลับไปในทิศทางด้านหลังของตัวเองทันที
"คะ คุณย่า..."
"สวัสดีครับ" ปกรณ์ยกมือไหว้กมล คุณย่ากมลซึ่งเป็นคุณย่าของกระต่ายที่เดินลงมาจากรถยนต์ส่วนตัวของที่บ้านด้วยท่าทีสง่า
ดวงตาคมกริบจ้องมองชายหนุ่มที่มาตอแยหลานสาวของท่านไม่วางตา
"คะ คุณย่ามาได้ยังไงคะ ทำไมถึงไม่โทรบอกต่ายก่อนว่าจะมาหาต่ายที่นี่"
"เรื่องนั้นมันไม่ได้สำคัญหรอกลูก แต่มันสำคัญที่ว่าคนที่เลิกรากันไปแล้วโผล่มาที่นี่อีกทำไม!" กมลหันกลับไปจ้องมองนายแพทย์หนุ่มคนที่หลานสาวของท่านเคยคบหาหลังจากที่เดินไปยืนเคียงข้างกระต่ายพร้อมกับเลื่อนมือไปกุมมือหลานสาวเพียงคนเดียวเอาไว้แน่น
มือที่สั่น แววตาที่ไม่นิ่ง รู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ยังคงมีอิทธิพลต่อหลานสาวของท่านมาก และท่านจะไม่ยอมให้ทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้เด็ดขาด
กระต่ายจะไม่มีทางเป็นมือที่สามของใคร และกระต่ายจะต้องได้พบกับคนที่ดีกว่า อย่างน้อยๆ ก็ต้องซื่อสัตย์และรักหลานสาวของท่านมากพอ
"คุณหมอปกรณ์ คุณได้ยินที่ฉันถามหรือเปล่า ทำไมคุณถึงมาโผล่ที่คอนโดของหลานสาวดิฉันในตอนนี้และเวลานี้ไม่ทราบ" สรรพนามที่เปลี่ยนไป สีหน้าและท่าทางที่ไม่เหมือนเดิม ปกรณ์รู้ดีว่าเรื่องระหว่างเขาและกระต่ายตอนนี้ถึงหูคุณย่ากมลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"พอดีผมแวะผ่านมาแถวนี้ครับคุณย่า ผมห่วงว่า..."
"คุณหมออย่ามาห่วงผู้หญิงที่คุณเพียงแค่เคยคบจะดีกว่านะคะ อย่างน้อยๆ จรรยาบรรณของคนที่เป็นแพทย์ ควรคำนึงถึงคนที่คุณต้องรับผิดชอบบ้าง หากมีใครผ่านไปผ่านมาหรือแม้กระทั่งว่าภรรยาของคุณเข้าใจผิดคิดว่าหลานสาวของฉันยังคงวุ่นวายอยู่กับคุณ ยัยกระต่ายถูกตราหน้าว่าเป็นมือที่สามทั้งที่คนกลางอย่างคุณต่างหากที่เป็นคนผิดแน่นอน" ใบหน้าของนายแพทย์หนุ่มชาไปทั้งแถบ ตอนที่ยังคบกันอยู่ คุณย่ากมลใจดีมาก ท่านดูรักและเอ็นดูเขาไม่ต่างจากหลานคนหนึ่ง ทุกอย่างในตอนนี้มันเปลี่ยนแปลงรู้ตัวนั่นแหละว่าต้นเหตุคือเขาที่เป็นคนทำ
"ผมขอโทษนะครับคุณย่า ขอโทษที่ทําให้คุณย่าผิดหวังและเสียใจ ผมผิดไปแล้วจริงๆ"
"..."
"ผมไม่เคยคิดว่าทุกอย่างมันจะลงเอยแบบนี้ ผมไม่เคยคิดที่จะทำร้ายต่ายด้วยวิธีแบบนี้ ผมยังรักน้อง ยังห่วงน้องเหมือนที่เคยหะ..."
"หยุดพล่ามคำพูดที่เห็นแก่ตัวแบบนี้สักที อย่าลืมสิว่าคุณหมอนั่นแหละที่เป็นคนทำให้ทุกอย่างมันพัง แค่นี้หลานสาวของฉันก็ผิดหวัง เสียใจและเจ็บมากพอแล้ว ในเมื่อเลิกกันไปแล้วก็ควรที่จะทางใครทางมันสักที"
"ขอผมดูแลน้องต่อได้ไหมครับคุณย่า อย่างน้อยๆ ในฐานะพี่ชาย..."
"ออกไปจากที่นี่สักที!" กระต่ายตะคอกขึ้นมาอย่างเหลืออด ไม่ชอบที่เขายังพยายามพูดคำว่ารัก ไม่ชอบที่ยังพยายามยืนยันคำว่าห่วงใยและขอที่จะดูแลเธอต่อไปทั้งที่ระหว่างเธอและเขามันไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมเลย
"ต่าย..."
"อย่ามาที่นี่อีก ไม่ต้องมาเจอกันอีก ไม่ต้องมาห่วงใยหรือว่ารู้สึกอะไรต่อกันแล้วทั้งนั้น ทุกอย่างระหว่างเรามันจบตั้งแต่วันที่พี่กรณ์พูดคำว่าพลาดออกมาแล้ว"
"ต่ายแพ้กุ้ง เวลาที่แพ้อาหารประเภทนี้ต่ายมักจะหายใจไม่ออก ทุกครั้งที่ต่ายพลาดไปกินกุ้งเข้า คนรอบตัวของต่ายจะโทรหาพี่เป็นคนแรก และพี่ยังยืนยันว่าพี่อยากเป็นคนที่คอยดูแลต่ายตลอดไป ต่ายกินแตงโมแล้วอ้วก ทั้งที่แตงโมเป็นผลไม้ที่ต่ายชอบมาก บางครั้งกินแล้วมีอาการ แต่บางครั้งกินแล้วไม่เป็นอะไรเลย พี่ยังอยากดูแลในวันที่ต่ายอยากกินผลไม้ชนิดนี้จนยอมเสี่ยง..."
"หยุด คุณหยุดพูดสักทีฉันไม่อยากฟัง!" น้ำตาเม็ดโตที่ร่วงลงมาจากดวงตากลมสวยไหลพราก
เขารู้ดี รู้ทุกอย่าง เขาเคยสัญญาว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุด เขาคือคนที่ทำให้ระหว่างเราไม่ได้ไปต่อ ที่ผ่านมากระต่ายพยายามเฝ้าถามตัวเองมาโดยตลอดว่าเธอผิดอะไร สุดท้ายแล้วเธอก็ได้คำตอบที่ว่าเธอไม่ได้ผิด แต่มันผิดที่เขาไม่รู้จักพอ
"ไปจากที่นี่ซะ อย่าทำให้ต่ายต้องเกลียดพี่กรณ์ไปมากกว่านี้เลย" คำพูดสุดท้ายที่หลุดออกมาจากเรียวปากอวบอิ่ม สบตากับดวงตาคมกริบของผู้ชายเพียงคนเดียวที่ทำให้เธอยิ้มได้ เขาพยายามสื่อผ่านดวงตาคู่นั้นว่าเขาเองก็เสียใจ ในขณะที่เธอพยายามเฝ้าบอกตัวเองว่าคนที่เสียใจไม่ใช่เขา แต่มันคือเธอ
"ผมกราบขอโทษคุณย่านะครับ ผมยังยืนยันคำเดิมว่าผมจะดูแลน้องต่อ จะชดเชยความผิดที่ผมเคยทำไปตลอดแม้ว่ากระต่ายจะไม่ต้องการก็ตาม..."
@ภายในห้องพักคอนโดมิเนียมหรู
"ปล่อยมันออกมาเถอะลูก เวลาที่หนูอยู่กับย่า หนูไม่จำเป็นต้องฝืนว่าตัวเองเข้มแข็งเลยสักนิด" น้ำตาเม็ดโตพรั่งพรูออกมาจากตาเพราะเกินกว่าจะกลั้น แขนเรียวสอดเข้าไปสวมกอดรับความอบอุ่นจากกายของคุณย่าที่รัก ปล่อยเสียงสะอื้นให้หลุดออกมา ปลดปล่อยทุกอย่าง ปล่อยให้คำพูดที่ว่าเขาอยากดูแลเธอในฐานะพี่ชายโหมกระหน่ำเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ใช้มันเพื่อจดจำและย้ำว่าเธอต้องหยุดรัก เพราะหากเธอไม่หยุดรักคนที่จะเจ็บมากมันก็คือตัวของเธอเอง
"ดีขึ้นไหมลูก หลานสาวของย่าตาบวมหมดแล้ว" มืออบอุ่นวางหมับที่ศีรษะทุยเล็กแล้วโยกไปมาเบาๆ เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงที่ร้องไห้รู้ดีว่ามันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาได้ในทันทีหรอก ท่านคิดไม่ผิดเลยที่ตัดสินใจมาที่นี่ทันที
"หมอปกรณ์มาที่นี่บ่อยเหรอลูก ย่าหมายถึงหลังจากที่เลิกกันไปแล้ว" กระต่ายส่ายหน้าแทนคำตอบ เขาไม่ได้โผล่มาให้เห็นบ่อยนัก แต่วันนี้มันมีคำตอบที่ชัดคือเขาตามดูเธออยู่ห่างๆ
"ผู้หญิงคนใหม่ของหมอปกรณ์เป็นนางพยาบาลที่อยู่ในสายงานเดียวกันนั่นแหละ ย่าสืบมาแล้ว อีกหน่อยคงต้องตบแต่งเพื่อไม่ให้เสียเกียรติของฝ่ายหญิงที่ท้องต้องโตขึ้นทุกวัน"
"..."
"อะไรที่มันพังไปแล้วมันยากแก่การจะตัดต่อให้มันกลับมาดีเหมือนเดิมนะ ย่าอยากให้หนูตัดใจให้เด็ดขาด"
"ต่ายกำลังพยายามค่ะคุณย่า"
"ดีแล้ว จำไว้นะลูก ย่าไม่เคยคิดที่จะซ้ำเติม แต่ย่าพร้อมที่จะหาสิ่งที่ดีที่สุดมาทดแทนให้ เรื่องระหว่างหนูและหมอปกรณ์มันพังเกินกว่าจะกลับมาดีเหมือนเดิมได้ วิธีเดียวที่หนูต้องทำคือตัดใจให้ขาด และเริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่ดีกว่า" กระต่ายพยักหน้าทั้งน้ำตา ต่อให้มันจะยาก แต่มันคือสิ่งเดียวที่เธอควรทำจริงๆ
คุณกมลมองหลานสาวที่หลับไปทั้งที่น้ำตายังคงเปื้อนแก้มอย่างคิดหนัก
กระต่ายเป็นคนใจอ่อน รักแรก รักเดียว ที่ผ่านมาหมอปกรณ์ทำตัวดีมาโดยตลอด มันตอกย้ำว่าหลานสาวของท่านรักนายแพทย์หนุ่มคนนั้นมากพอ กลัวเหลือเกินว่ากระต่ายจะใจอ่อนในสักวัน
"ขออภัยที่โทรรบกวนกลางดึกนะวิ เรามีเรื่องที่ต้องขอความช่วยเหลือจากเธอและหลานชายของเธอจริงๆ เราร้อนใจมากรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าไม่ไหวแล้ว"
[ ใจเย็นๆ สิกมล เอาล่ะ เธอมีอะไรเธอเล่ามาเลย อย่าลืมสิว่าความเป็นเพื่อนของเรามันแน่นแฟ้นมากแค่ไหน เพื่อนต้องช่วยเหลือเพื่อนอยู่แล้ว จะว่าไปแล้วเราก็มีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือจากเธอและหลานสาวของเธอเหมือนกัน ]
"บอกตรงๆ นะวิ เราอยากเห็นหลานของเราลงเอยกันเร็วๆ เราทนไม่ไหวแล้ว"
[ ถ้าอย่างนั้นเราลุยกันเต็มที่เลยดีไหม ไหนๆ เราก็เช็กจนแน่ใจแล้วว่าเขาคู่กัน อีกไม่กี่เดือนหนูกระต่ายก็จะเรียนจบ เราใช้วิธีเด็ดขาดรวบรัดเลยดีกว่า เธอเห็นด้วยกับเราไหม ]
"เราทนเห็นหลานเราเสียใจเพราะผู้ชายเห็นแก่ตัวไม่ไหวแล้ววิ เราอยากเห็นหลานสาวของเราเสียใจวันนี้เป็นวันสุดท้าย เธอว่าแบบไหนก็แบบนั้นเลย เราเอาด้วยกับวิธีของเธอ"