๖
@คลับหรูใจกลางเมือง
กระต่ายกวาดสายตาออกไปบริเวณรอบๆ สถานที่ที่เธอมาถึงก่อนจะล้วงมือไปหาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายข้าง
ผู้คนที่มากจนเกินไปส่งผลให้สภาพแววล้อมเหล่านี้เธอไม่ปลื้มสักเท่าไหร่ เพื่อนสนิทของเธอมีแค่จามจุรี เพราะมีกันแค่สองคนเธอกับเพื่อนจึงไม่ค่อยเที่ยว ครั้นแฟนหนุ่มที่เคยคบหาก็งานรัดตัวจนบางครั้งเธอและเขาต้องนั่งทานข้าวกันที่ห้องอาหารของโรงพยาบาล
แวบหนึ่งที่กระต่ายชะงัก เธอเผลอคิดถึงคนที่ทิ้งเธอไปอีกแล้ว
ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น พยายามสลัดความคิดด้วยการสะบัดศีรษะแรงๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือมีเสียงเล็ดลอดออกมา
[ โหล... ]
"ต่ายอยู่ที่หน้าผับแล้วค่ะพี่นนท์"
"...ผมคิดว่าคุณจะไม่มาซะอีก" เสียงจากทางด้านหลังส่งผลให้ร่างสมส่วนที่อยู่ในชุดที่แสนจะธรรมดาอย่างกางเกงยีนส์ขายาวตัวโปรดและเสื้อแขนตุ๊กตาตัวเก๋เข้ากันหันขวับ
คิ้วหนาเข้มของฝ่ายตรงข้ามขมวดเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าสวมใส่แว่นตา ผิดแผกไปจากครั้งแรกที่พบกัน
"พี่นนท์บอกเองนี่คะว่าเราควรทำความรู้จักกันให้มากขึ้น"
"เหตุผลที่คุณยอมคบกับผมมันคงมากไปกว่าการรักษาคำพูดสินะคุณถึงยอมมาพบผมที่นี่"
"ต่ายมานั่งเป็นเพื่อนได้นะคะ ปกติต่ายไม่ดื่ม ถ้าพี่นนท์เมา ต่ายขับรถให้ได้ค่ะ" กระต่ายอาสาอย่างตรงไปตรงมา คนที่อยู่ตรงหน้าจ้องมองเธอไม่วางตา
"ผมมาคิดดูแล้ว การคบหาแบบลอยๆ มันเป็นเรื่องที่ทำให้เสียเวลามาก จริงๆ แล้วเราไม่ได้รู้จักกัน จริงๆ แล้วไม่ควรมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อคุณไม่ถอดใจ ผมว่าเราควรตกลงกันอย่างตรงไปตรงมา"
"พูดมาได้เลยค่ะ ต่ายกำลังฟัง"
"เข้าไปข้างในก่อนสิ พี่ชายผมรออยู่" มือหนาผายเข้าไปในผับหรู กระต่ายกระชับสายกระเป๋าสะพายเพียงนิดจากนั้นก็พยักหน้าออกมาเบาๆ
รชานนท์มองตามหลังร่างสมส่วนที่เป็นฝ่ายเดินนำด้วยความสงสัย รูปลักษณ์ไม่ด้อยเลย ทำไมถึงยอมอะไรแบบนั้น เหตุผลของเธอเขาจะรู้ให้ได้
"...สวัสดีค่ะ" กระต่ายยกมือไหว้ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โซนวีไอพี บางสิ่งบางอย่างที่มีส่วนคล้ายกับใครอีกคน บอกเธอได้ว่า พวกเขาอาจจะเป็นพี่น้องกัน
"สวัสดีครับ ธนินครับ เรียกว่าพี่นินก็ได้" ธนินยิ้มให้หญิงสาวที่น้องชายของเขาเรียกให้มาหา พอได้มาเห็นกับตา ทุกอย่างที่อยู่ในรูปตรงปกทุกอย่างเลย
"กระต่ายค่ะ พี่นนท์คงบอกพี่นินแล้วว่าต่ายคือใคร" ธนินพยักหน้าเบาๆ คำพูดตรงไปตรงมาดูน่าฟัง ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ แบบนี้เขาคงคุยด้วยได้นานอยู่เหมือนกัน
"ที่ผมเรียกคุณมาหา ผมแค่อยากให้ข้อตกลงระหว่างเรามีคนกลางอยู่ด้วย พี่นินเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่ครอบครัวผมสร้าง เป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะเป็นคนกลางให้เราได้"
"..."
"จริงๆ แล้วผมไม่ชอบความผูกมัด ไม่ชอบมากหากมีใครบางคนมาทำให้รู้สึกอึดอัด ผมรักชีวิตอิสระ ต่อให้จะคบหากับใคร ตัวผมก็จะยังเป็นผมเหมือนเดิม"
"ขอแค่เรื่องนอกใจก็พอค่ะ อย่าหักหลังกัน เรื่องอื่นตามใจพี่นนท์เลย"
"ว่าไงนะ?"
"พี่นนท์ตั้งกฎของการคบกันได้ทุกอย่าง ส่วนต่ายขอเรื่องเดียวคือเรื่องของการนอกใจ"
"เคยถูกแฟนนอกใจมางั้นเหรอ?" ความอยากรู้ส่งผลให้รชานนท์พลั้งปากถาม ทว่าสิ่งที่เขาได้รับคือความเงียบเพียงเท่านั้น ใบหน้าคมคายหันไปมองสบตากับผู้ที่เป็นพี่ชาย ธนินเองก็กำลังมองและสังเกตทุกอย่างอยู่เงียบๆ เช่นกัน
@หนึ่งชั่วโมงต่อมา
"แน่ใจเหรอว่าคุณสามารถทำตามกฏของผมได้ทุกข้อ ใครผิดกฏ คนนั้นต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าไปบอกผู้ใหญ่ว่าเราจะไม่คบกันต่อ..."
"ค่ะ ไม่ก้าวก่าย ไม่วุ่นวาย ชีวิตใครชีวิตมัน"
"ผมแน่ใจว่าผมไม่ได้บอกคุณแค่นั้นนะ" ดวงตาคมกริบจ้องมองคนที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับ
หวังว่าการที่เขาไล่ธนินกลับ กระดกแก้วเข้าปากหนักๆ จากนั้นก็รับบทบาทคนเมาจะทำให้อีกคนเกิดความกลัว ทว่าเธอกลับหันมามองสบตากับเขาตรงๆ
"ไม่ก้าวก่าย ไม่วุ่นวาย ชีวิตใครชีวิตมัน ทำทุกอย่างแบบที่คนเป็นแฟนทำกัน ต่ายจำได้ค่ะ"
"ดี!" รชานนท์ตอบรับออกมาจริงจัง เขายังอยากเป็นหลานชายที่ดีของคุณย่า เขายังรักชีวิตอิสระ หลังจากที่ถูกคนที่คบหากันปันใจให้ชายอื่น คนอย่างเขาก็ไม่เคยคิดที่จะให้ความสนใจในตัวผู้หญิงคนไหนอีกเลย
บางครั้งคำว่ารักมันก็อาจจะไม่ได้มีอยู่จริง
"จะให้ต่ายไปส่งที่ไหนคะ บอกเส้นทางมาได้เลยค่ะ"
"เพนต์เฮาส์ของผม!"
@เพนต์เฮาส์หรูใจกลางเมือง
"ต่ายส่งพี่นนท์แค่นี้นะคะ พี่นนท์ขึ้นข้างบนไหวหรือเปล่า"
"ถ้าผมบอกว่าไม่ไหวคุณจะกล้าขึ้นไปส่งผมหรือเปล่า?" กระต่ายหันมองคนที่ตั้งคำถามพร้อมกับการปลดล็อกสายรัดนิรภัย สายตาที่เขาใช้มองเธอมันยากเกินกว่าจะคาดเดาสิ่งใดเอาเองได้
"ว่าไงล่ะ คุณกล้าขึ้นไปส่งผมที่ห้องหรือเปล่า?"
"ในเมื่อเราตกลงกันจนเข้าใจแล้ว ในเมื่อต่ายยอมรับข้อเสนอทุกข้อ คำว่าห้ามก้าวก่าย คือต่ายไม่มีสิทธิ์อะไรในชีวิตของพี่นนท์อยู่แล้ว พี่นนท์ยังไม่สบายใจเหรอคะ"
"คุณเข้าใจสินะว่าเวลาที่ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันมักจะทำกิจกรรมอะไรร่วมกัน"
"..."
"คุณรับปากแล้วไม่ใช่เหรอ ต่อให้ผมจะทำคุณก็คงยอม"
"คนที่เคยเป็นฝ่ายถูกทิ้งมาก่อน รู้ไม่ใช่เหรอคะว่าบทบาทตอนถูกทำร้ายมันเจ็บปวดแค่ไหน การคบหาควรเป็นการส่งเสริมและเป็นกำลังใจให้กันและกันไม่ใช่เหรอคะ ต่ายไม่คิดว่าพี่นนท์จะมุ่งเรื่องนั้น" รชานนท์เบือนหน้าหนีพร้อมกับการเค้นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
ตรงไปตรงมา ทันเขาทุกอย่าง ดูฉลาดและไม่ใช่ไก่อ่อนอย่างที่คิด แปลกดีที่ยังหัวโบราณยอมให้ผู้ใหญ่ชักจูงอยู่แบบนั้น
แต่ก็เอาเถอะ เขาจะถือซะว่า การที่เธอเดินเข้ามาในชีวิตของเขา เขาจะถือว่าเป็นสีสันและเรื่องแก้เบื่อของชีวิตก็แล้วกัน