ตอนที่ 5 ไม่ถูกโฉลกกับผี

2336 คำ
ไก่บ้านย่าตื่นโคตรเช้า มันขันตั้งแต่ยังไม่ถึงตีห้า กลวัชรนอนคลุมโปงตาโบ๋จนถึงเช้า นอนไม่หลับเพราะกลัวยายจันทร์จะตามมานอนด้วยตามคำชวนของหลานสาว อย่าตามมาเชียวนะ เขาติดสินบนเป็นมาม่าหนึ่งกระปุกให้หลานสาวยายแล้วไง ถ้าไม่ได้มาม่าของเขายายเด็กผักกาดคงจะท้องร้องหิวจนตาลาย กลวัชรง่วง แต่เขาไม่กล้านอน ยังไม่หายกลัวที่เห็นยายจันทร์ตายไปต่อหน้า ก็เขาไม่ใช่เหรอ คนที่ทุลักทุเลอุ้มยายออกจากกระต๊อบน้อย เดินกึ่งวิ่งลัดเลาะตามคูน้ำไปขึ้นรถ หวุดหวิดจะพายายล้มหน้าคว่ำลงที่นาชาวบ้านหลายครั้ง เขาเหยียบรถมิดเท้าพายายไปส่งโรงพยาบาล ตัวยายยังอุ่นๆ อยู่เลยตอนที่เขาอุ้มไปวางบนเปล เท่ากับว่าตอนนั้นยายของผักกาดยังไม่ตาย กลวัชรยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ถ้าเขาพาผักกาดไปส่งบ้านให้เร็วกว่านั้น ยายอาจจะไม่ตาย ไม่มียายคอยอยู่ด้วย กระต๊อบน้อยปลายนาไม่มีไฟฟ้าหลังนั้น ผักกาดก็ต้องกลับไปอยู่คนเดียวงั้นเหรอ น่าสงสารไม่น้อย ผู้หญิงตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีเพื่อนฝูงจะอยู่คนเดียวได้ไหม ถึงหน้าตาผักกาดจะเหมือนผี ซีดๆ ลอยๆ ผิวขาว ผมยาว ไม่น่ามอง แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นน้องสาว เขาคงจะไม่ยอมปล่อยให้อยู่คนเดียวในที่เปลี่ยวแบบนั้น “เฮ้ย คิดอะไรของมึงวะกล” ยายเด็กผักกาดจะเป็นยังไงก็เรื่องของเธอสิ ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่น้อง จะไปสนใจทำไม ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนเดิม เขาทำงานของเขา ส่วนยายเด็กคนนั้นก็ลงห้วยลงลำห้วยหาปลาไปขายตามตลาดตามกิจวัตร แต่ก่อนหน้านี้ย่าพูดเอง จะฝากเธอให้พี่ชายของเขาช่วยดูแลจัดหาตำแหน่งที่เหมาะสมในรีสอร์ตให้ผักกาด ผักกาดก็คงจะเข้ามาทำงานในไร่ หรือไม่ก็ในรีสอร์ต ต่อไปจะมีงานทำ มีรายได้ ไม่ต้องกลับไปใช้ชีวิตที่ผู้หญิงสมัยใหม่ไม่ทำกัน คนแก่บ้านเขาตีสี่ตีห้าตื่นนอนกันแล้ว ออกมานั่งพูดคุยกันจ้อกแจ้กจอแจรับลมยามเช้า กลวัชรลงบันไดมาไม่กี่ขั้นก็ได้ยินในสิ่งที่ผู้สูงวัยสนทนากัน ซึ่งแน่นอนว่าเกี่ยวกับการเสียชีวิตของยายจันทร์ กลวัชรปิดปากหาวนอน ตาเขาตอนนี้ใกล้จะไปอยู่ในสวนสัตว์ได้ ไม่ต้องซื้อบัตรไปดูหมีแพนด้าไกลถึงสวนสัตว์เชียงใหม่ มาดูเขาในไร่ชาอรุณรุ่งเนี่ย ขอบตาดำเหมือนกันเป๊ะ “อรุณสวัสดิ์ครับ ย่า ย่าหม่อน ตื่นเช้าจังเลย” “หลานรักของย่า ตื่นเช้าเหมือนกันเหรอ ย่าว่าอีกสักพักจะให้ย่าหม่อนไปปลุกอยู่พอดี กลัวตื่นสาย จะไม่ทันไปส่งน้องที่โรงพยาบาล” หลอนเด็กผักกาดทั้งคืน ย่าอย่าเพิ่งทำให้หลอนซ้ำได้ไหม ขอร้อง “ขี้อ้อนจังนะเรา ตื่นมาก็มานอนหนุนตักย่า” “ก็ผมง่วงนี่นา เมื่อคืนนอนไม่หลับ” ย่าสมสมัยลูบข้างแก้มหลานชายคนเล็ก ที่เกิดจากอนุภรรยาของลูกชายผู้ล่วงลับ กลวัชรเป็นน้องชายคนสุดท้องในตระกูล มีพี่ชายสองคน กฤตพล กันต์ดนัย กฤตพลแต่งงานกับรสริน มีทายาทสองคน ย้ายออกไปสร้างบ้านอยู่ด้วยกันนอกไร่ ทุกวันเขาจะเข้ามาทำงานในไร่ บริหารจัดการทุกอย่าง โดยมีกลวัชรน้องชายคนเล็กคอยช่วยงาน พี่ชายคนรอง กันต์ดนัย เขาเป็นหมออยู่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เรียนจบทำงานประจำอยู่ที่นั่น เพิ่งกลับบ้านมาเมื่อสองสามเดือนที่แล้วเพื่อจัดงานแต่ง ก่อนจะย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพฯ เหมือนเดิม “คุณกลไปทำอะไรมาถึงนอนไม่หลับ กินกาแฟเยอะเหรอคะ” “เปล่าครับย่าหม่อน ผมแค่กลัวผี” “ผีเผอที่ไหนกัน” ย่าสมสมัยชักจะเหม็นฉุนหลานชาย “ก็ผีผักกาดไงครับ ย่าไม่รู้หรอก ผมกับไม้กลัวเด็กคนนั้นแทบแย่ หน้าขาว ปากซีด ตาซีด เสียงพูดก็ลอยๆ เหมือนผีเลยครับ” “ฟาดสักทีดีไหม สุภาพบุรุษมาก นินทาผู้หญิง ไป ลุกไปอาบน้ำ” “ผมไม่ไปได้ไหมครับ ให้คนอื่นไปแทน ผมง่วงนอน” “เลิกงอแงเอาแต่ใจเป็นเด็ก ไปอาบน้ำแต่งตัวลงมากินข้าว สักหกเจ็ดโมงไปรับน้องไปโรงพยาบาล ทำเรื่องเอาศพออกมาจัดพิธีให้เรียบร้อย ทางนี้ ย่าจะให้คนของเราไปดูที่ตั้งโลงศพในศาลาวัดไว้รอ ย่าจะเป็นเจ้าภาพออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เอง” “แต่ย่าครับ...” “ไม่ต้องมาแต่ ย่าพูดก็ทำตามเถอะ ถือว่าทำบุญให้ยายจันทร์เป็นครั้งสุดท้าย ย่าเองก็จะได้สบายใจ ยังไงเสีย ตอนเด็กย่ากับยายจันทร์ก็เคยวิ่งเล่นด้วยกันมาก่อน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนนั้น ผ่านมาเจ็ดสิบปี ย่าก็ยังไม่ลืม” “เจ็ดสิบกว่าปีก่อน ยายจันทร์เขาก็อยู่บ้านหลังนั้นมาแต่ต้นเลยเหรอครับย่า” จู่ๆ เขาก็อยากรู้อยากเห็นความเป็นไปเป็นมาของครอบครัวยายเด็กผักกาด “เปล่า เคยมีบ้านสองชั้น แต่ปีนั้นน้ำป่ามาแรงพัดบ้านหายหมดเลย พ่อแม่ก็ตายไปหมดเหลือยายจันทร์คนเดียว เพิ่งอายุไม่เท่าไหร่ต้องปากกัดตีนถีบหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง หนังสือก็ไม่ได้เรียน ลาออกมาเก็บผักหาปลาขายตามตลาดประทังชีพ” “ปีนั้นน้ำหลากมากเลยนะคะคุณกล ชาวบ้านเดือดร้อนกันไปหมด แทบจะได้เริ่มต้นใหม่จากศูนย์ เพราะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย คนมีเงิน พอได้สร้างบ้านใหม่ไว้พักพิง แต่คนไม่มีเงิน แค่จะปลูกเพิงเล็กๆ ไว้หลบลมหลบฝนยังลำบาก หมดตัวถึงขั้นที่เริ่มต้นใหม่จากศูนย์ ตัวของย่าเองก็ได้มาอาศัยใบบุญในไร่นับจากนั้น ไร่นี้อยู่สูง น้ำป่าพัดมาไม่ถึง ก็ได้ที่ซุกหัวนอนมาตั้งแต่ตอนนั้น” “อย่างนี้ ย่าหม่อนก็อยู่กับย่าผมมาเกือบเจ็ดสิบปีแล้วสิครับ ย่าหม่อนอายุเท่าไหร่เนี่ย ยังสาว ยังสวยอยู่เลย” “ชมย่าหม่อน แล้วย่าของกลล่ะ ไม่สาว ไม่สวยเหรอไง” ย่าสมสมัยหยิกแก้มหลานชายจอมฉอเลาะ “ย่าผมสวยที่สุด ย่าครับ ในเมื่อยายจันทร์รู้ว่าชีวิตปากกัดตีนถีบมันลำบาก ทำไมต้องให้หลานมีชีวิตแบบตัวเอง ไม่ให้หลานเรียนสูงๆ ถ้าไม่มีเงิน ผมว่าฝากผักกาดไว้กับย่า ย่าก็ดูแลนะครับ ย่าออกจะใจดี ให้ทุนการศึกษาลูกหลานคนงานในไร่อยู่ไม่ขาด” “ก็ย่านะ ส่งผักกาดเรียน น้องจบ ม.6 โรงเรียนในตำบลเราเนี่ยแหละ แต่ไม่เรียนต่อปริญญาตรี ไม่อยากห่างจากยาย กลัวยายจะอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้ ยายจันทร์ไปไหนมาไหนไม่ค่อยไหว” “ถ้าเรียนจบ ม.6 ก็ไม่แย่นี่ครับ ทำไมไม่ไปหางานดีๆ ทำ งานในไร่ของเราก็มีเยอะแยะ ย่ารู้ไหมครับ เมื่อวานผมไปเจอยายเด็กผักกาดที่ตลาดนัดตอนเย็น ผมจะไปซื้อปลาดุก มาทำผัดเผ็ดปลาดุกกินซะหน่อย ยายเด็กผักกาดไม่ได้จับแค่ปลาดุกมาขาย แต่จับงูสิงมาขายด้วย ผมกับไม้วิ่งหนีป่าราบกลัวจะโดนงูฉก ยายเด็กผักกาดก็วิ่งตาม สภาพปกติก็เหมือนคนไม่เต็มบาทจะแย่ เจอเหตุการณ์เมื่อวานเข้าไปผมรับไม่ได้ไปกันใหญ่ ไม่อยากเข้าใกล้ยายเด็กคนนั้นเลยครับ คนดีๆ ที่ไหนเขาจับงูสิงมาขายรวมกับปลา หึ๋ย! ขนลุก” “ไม่อยากเข้าใกล้ แต่ไปยังไงมายังไงล่ะหลาน ถึงได้อยู่กับน้องถึงขั้นได้พายายของน้องไปส่งโรงพยาบาล ย่าเห็นมานักต่อนักแล้วนะ ที่ปากบอกไม่ชอบ แต่การกระทำตรงข้าม พี่กฤต พี่ชายของเราก็เป็นแบบนี้สมัยตามตื๊อจีบน้องรสใหม่ๆ” “โอ๊ย! ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมากลางหัวผมได้เลยครับย่า” ให้เขาชอบยายเด็กผักกาดน่ะเหรอ เขาครองตัวโสดดีกว่า พุธโธ ธัมโม สังโฆ ขืนพลาดพลั้งไปคบกันจริง เขากลัวจะต้องคล้องสร้อยพระเส้นใหญ่ ประนมมือสวดมนต์ทุกวันขอร้องยายเด็กน่ากลัวไม่ให้แปลงร่าง ย่าทั้งสองทำหน้าตาหมั่นไส้เขาเต็มพิกัด กลวัชรรีบยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง “ผมตามไปซื้อปลาดุกถึงที่บ้านยายเด็กผักกาดต่างหาก ไม่ได้พิศวาส หรืออยากจะไปเหยียบกระต๊อบน้อยหลังนั้นเลย ไฟฟ้าก็ไม่มี ทางเข้าบ้านก็แคบนิดเดียว เกิดเดินสะดุดหินล้มลงไปอาจจะปีนขึ้นมาไม่ได้ จมโคลนตายกันพอดี” “เราเนี่ยนะ ปากคมเป็นกรรไกร ดูถูกคนอื่นเก่งนัก ไม่ต้องพูดมาก ไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย เสร็จแล้วลงมากินข้าว ย่าจะจัดปิ่นโตให้เอาไปฝากน้องด้วย พาน้องไปทำธุระให้เรียบร้อย ถึงวันเผาเมื่อไหร่ ย่าจะไม่รบกวนกลอีกเลย” “ผมไม่ไปได้ไหมครับ” กลวัชรเอาแต่ใจ ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับเด็กคนนั้น กลัวเข้าใกล้มากๆ ยายเด็กคนนั้นหันมาสนใจเขา สบสายตาปิ๊งๆ โปรยเสน่ห์ เขาไม่ต้องไปว่าจ้างอาจารย์คง อยู่ยงคงกระพันมาปรามผีผักกาดเหรอ มันก็ไม่แน่นะ ดูหน้า ดูขอบตาเธอก่อน บอกตามตรงเขาสยอง “ให้ไม้ไปแทน มันเป็นทั้งเพื่อนสนิทแล้วก็ลูกน้องที่รักผมมาก มันต้องยอมไปแทนผมแน่นอน” ไม้เพิ่งจะเข้ามาในเรือนใหญ่เบรกเอี๊ยดหัวแทบทิ่ม เฉพาะเรื่องเมื่อคืนก็เอาไปเล่าต่อได้ยันชั่วลูกชั่วหลาน อย่าหาเรื่องสยองมาให้เขานักเลย กลัวจะลำบากเขาต้องโทรไปเล่าในรายการเดอะโกส! หางตากลวัชรมองเห็นไม้ มันกลับหลังหันสาวเท้าวิ่งหนีอย่างเร็ว แต่ย่าทั้งสองมองไม่เห็น จะร้องเรียกก็ไม่ทันแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เงาของมัน จะเรียกว่าฉลาดหรือสารเลวดี ที่มันไม่ยอมเข้ามาเป็นตัวเลือก ไอ้... ไอ้เพื่อนเวร! “ผมจะไปตามไอ้ไม้” กลวัชรชันกายขึ้นนั่งข้างย่าสมสมัย “ไม่ต้องไปตามใครทั้งนั้น กลนั่นแหละที่ต้องเป็นคนไปด้วยตัวเอง อย่าแล้งน้ำใจนักเลย น้องผักกาดไม่เหลือใครแล้วนะ งานศพอย่างมากจัดสองสามวันก็เสร็จแล้ว น้องคงไม่เก็บศพไว้นานหรอก กลแค่คอยอยู่เป็นเพื่อนน้อง คอยช่วยน้อง ถือว่าทำบุญ คิดดูสิ ผู้หญิงตัวคนเดียว ทั้งบ้านมีแค่จักรยาน จะเข้าเมืองวิธีไหน แล้วจะจัดงานศพยายคนเดียวได้ยังไง น่าเวทนาจะแย่” “แต่ย่าก็รู้ว่าผมกลัวผีขึ้นสมอง” “น้องไม่ใช่ผี ข่าวลือนั้นมันจริงเสียเมื่อไหร่” “ถูกค่ะคุณกล น้องผักกาดก็คนเหมือนเราเนี่ยแหละ ยายจันทร์ก็ไม่ใช่ผีปอบ แกแค่ป่วย ไปไหนมาไหนไม่ค่อยได้ก็แค่นั้น แล้วแกก็จนมากๆ บ้านช่องหลังเล็ก หาอยู่หากินไปตามประสา ไม่สุงสิงกับใคร คนอื่นเห็นแกไม่เข้าสังคมก็เอาไปนินทา แต่งเรื่องว่าแกไปต่างๆ นานา” ย่าหม่อนสนับสนุนความคิดเห็นผู้เป็นนาย ช่วยกันกล่อมกลวัชรให้เมตตาต่อเด็กสาวสักครั้ง แต่รายนี้ดื้อเหลือร้าย ได้ยินย่าทั้งสองพูดแล้วยังไม่ปักใจเชื่อ “ไม่จริงครับ ผี ผีแน่ๆ ยายเด็กคนนั้นไม่เหมือนคนปกติเลย มีคนดีที่ไหนจะเรียกวิญญาณยายตัวเองกลับมานอนด้วย ผมโคตรหลอน ย่า กับย่าหม่อนก็รู้ว่าผมกลัวผี ถ้าเป็นเรื่องผี ผมไม่เอาด้วยหรอกครับ” “ดื้อจังเลยนะเรา น้องตัวเล็กน่ารักยังไม่คิดจะเมตตา” “ย่า” ลากเสียงยาวมองผู้สูงวัยพลางยกท่อนแขนขึ้นอวดขนอ่อน “ขนลุกครับ” ยายเด็กคนนั้นเหรอน่ารัก ห่างไกลความจริงมาก กลวัชรนำประโยคนั้นมาแยกส่วน ก่อนจะนำมาประกอบเข้าหากันก็มองไม่เห็นความน่ารักเลยแม้แต่น้อย น่ารักเหรอ โอ๊ย ขำ! “ยายผักกาดหน้าเหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ครีมทาหน้ามีทาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมเผ้าไม่หวี เคยสระผม เคยแปรงฟันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ออกจะสกปรก ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหน” “แม่หม่อน ฟังหลานเธอพูด มันเป็นผู้ชายแน่หรือเปล่า พูดจาเสียดสีผู้หญิงอย่างหน้าไม่อาย ฮึย! ก็ได้ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับน้องย่าก็จะไม่บังคับ แต่จนกว่าจะจบงานศพยายจันทร์ไม่ต้องมากินข้าวกับย่า ไม่ต้องมานอนหนุนตัก แล้งน้ำใจนักก็ไปกินคนเดียวในครัวเลยไป๊” ถูกหญิงชราวัยแปดสิบสะบัดค้อนใส่ กลวัชรชักจะงอน สะบัดหน้าเดินหนี สภาพกลวัชรในตอนนี้หน้าก็ไม่ล้าง ฟันก็ไม่แปรง ผมก็ไม่หวี สกปรกยิ่งกว่าผักกาดเสียอีก กลับไปนอนคลุมโปงกระทั่งแสงจากพระอาทิตย์แยงตาในเวลาเจ็ดโมงเช้า มันหงุดหงิดชะมัด ที่เขาข่มตานอนไม่หลับ ทั้งหมดกลวัชรโทษว่าเป็นความผิดยายเด็กผีปอบคนเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม