บทที่1
หลานยายปอบ
ยามโพล้เพล้
พ่อค้าแม่ค้าร้านอื่นทยอยเก็บผักเก็บหมูเก็บปลาเตรียมตัวกลับบ้าน ตามจำนวนลูกค้าที่ลดน้อยลงไม่ได้มีมากเหมือนช่วงบ่ายสองถึงห้าโมงเย็น แต่ในขณะที่ทุกคนเก็บของไปเกินครึ่งตลาด กลับมีเด็กประหลาดแปลกแยกจากเพื่อนนาม ‘หลานยายปอบ’ ปั่นจักรยานผ่านกลางตลาดไปจอดปลายแถว
ดวงตาเด็กสาวเลื่อนลอยขอบตาดำโบ๋เหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งชาติ รูปร่างเธอผ่ายผอม เส้นผมยาวพลิ้วไหวไปกับสายลมนั้นดำสนิทยาวลงมาถึงกลางหลัง
หลานยายปอบไม่สนใจสายตา และเสียงซุบซิบนินทาจากชาวบ้าน ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาถึงก็ยกตะกร้าผักจากปีกซ้ายของจักรยานมาวางไว้บนพื้น ตามด้วยถังปลา และตั่งไม้ ก่อนเด็กสาวจะนั่งลงบนนั้นส่งเสียงเรียกลูกค้ามาซื้อผักซื้อปลา
เพิ่งจะพูดคำว่าผักกำละห้าบาทปลากิโลละห้าสิบบาทไม่ทันจบประโยค ใบหน้าเหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอนนั้นฟุบลงบนเข่าที่ตั้งชัน เรียกเสียงหัวเราะจากพ่อค้าแม่ค้าทั้งตลาดให้หัวเราะเยาะ มาขายเอาเวลานี้จะขายได้เหรอ ป้าร้านขายผัก ป้าร้านขายปลาที่เป็นคู่แข่ง ถึงกับเดิมพันกันเหมือนเป็นเรื่องตลก
“ดูหลานยายปอบ มาถึงมันก็นอน ชาตินี้ทั้งชาติ มันจะขายได้เงินร้อยเงินพันเหมือนคนอื่นเขาไหม มาทีไร ได้เก็บของกลับบ้านไปสภาพเดิมทุกที”
“ก็คงจะลงเก็บผักบุ้งริมหนอง กับเก็บเบ็ดที่ตกปลานานไปหน่อย ถึงได้มาเอาป่านนี้ ตลาดวายไปนานแล้วหลานยายปอบเอ๊ย เก็บของกลับบ้านไปได้แล้ว”
“ทางไปบ้านปลายนายิ่งเปลี่ยว ไฟฟ้าก็ไม่มี ไม่รีบกลับตอนนี้ ระวังจะปั่นจักรยานตกท้องไร่ท้องนาคนอื่นล่ะ ของก็ขายไม่ได้ จะไม่มีเงินไปชดใช้ให้เขา”
เกือบหลับแต่กลับมาได้
ผักกาด เด็กสาววัยย่างยี่สิบปีผู้อาศัยอยู่กับยายชราในกระต๊อบท้ายหมู่บ้านยกลำคอขึ้นตั้งตรงเหลียวมองหาลูกค้าถึงสองรอบ
แม่ค้าสองคนนั้นพร้อมใจกันสงบปากสงบคำ กลัวข่าวลือจะเป็นความจริง ถ้ายายของผักกาดเป็นผีปอบจริง อาจจะส่งต่อความน่ากลัวมาถึงหลานสาว ผักกาดอาจจะเป็นทายาทของผีปอบรุ่นต่อไป
แต่สิ่งที่ผักกาดมองหาก็คือลูกค้า ไม่ได้จะหาเรื่องใคร เมื่อไม่มีใครมาถามซื้อผักซื้อปลาใบหน้าง่วงเหงาหาวนอนก็ฟุบลงนอนต่อ คราวนี้หลับสนิทไม่สนใจจะขายของ
“มาตอนนี้จะเหลืออะไรครับนาย ตลาดวายไปแล้ว”
ไม้ คนงานในไร่ชาอรุณรุ่งพูดกับกลวัชร หลานชายคนเล็กของคุณย่าสมสมัย หญิงชราผู้มีอิทธิพลประจำเขตอำเภอนี้ ทั้งสองลงจากกระบะโฟล์วีลเข้ามาในตลาดที่แทบจะไม่มีของขาย มีก็แค่พ่อค้าแม่ค้าที่กำลังเก็บแผง
“หุบปากน่า ก็คนมันอยากกินผัดเผ็ดปลาดุกนี่หว่า”
“ทำไมไม่ให้แม่ครัวที่บ้านทำให้กินล่ะครับ”
“ที่บ้านไม่กินปลาดุกโว้ย ย่าชอบบ่นคาว ว่าเขาเลี้ยงด้วยอาหารเม็ด ไม่อร่อยเหมือนปลาที่หาเองตามธรรมชาติ แต่ฉันอยากกินปลาดุกนี่หว่า มันจะธรรมชาติหรือไม่ธรรมชาติขอแค่เป็นปลาดุกก็กินได้ทั้งนั้น ปลาดุก ปลาดุก ปลาดุก ปลาดุก ปลาดุก เข้าใจไหม”
กลวัชรย้ำหลายครั้งจนขี้หูลูกน้องจะสะเทือน ในถึงขั้นเอามือปิดไว้เสียงปลาดุกจากเจ้านายยังตามมาหลอกหลอน
“โอเคครับ ปลาดุกก็ปลาดุก แต่จนป่านนี้แล้วมีร้านไหนขาย ไม่มาตั้งแต่สี่โมงเย็นล่ะครับลูกพี่”
“สี่โมงเย็นกูกับมึงอยู่ไหน อยู่ในไร่ไหมก็ทำงานด้วยกัน”
“ครับๆ”
สุดท้ายก็ต้องเป็นภาระของไอ้ไม้ ออกเดินนำหน้าปฏิบัติภารกิจตระเวนหาปลาดุกให้เจ้านายทำกินมื้อเย็น ผัดเผ็ดปลาดุกแสนอร่อย เมนูน้ำลายแตกที่เจ้านายพูดกรอกหูไม้เช้ากลางวันเย็น
“ผมว่า แม่ค้าขายปลาดุกคงจะกลับไปหมดแล้วครับ เอาไว้ตลาดรอบหน้าให้ผมมาซื้อให้ตั้งแต่บ่ายสามเลยดีไหมครับ คุณกลจะได้กินปลาดุกให้หนำใจ”
“กูไม่กินวันหลัง กูจะกินวันนี้ ปลาดุก ปลาดุก ปลาดุก ถ้าไม่มีขายในตลาด มึงต้องลงไปงมหาในลำห้วยมาให้กู”
“ในลำห้วยบ้านเรามันมีปลาดุกที่ไหนกัน คุณกลพูดไปเรื่อย”
“ปลามันอยู่ในน้ำ ที่ไหนมีน้ำมันก็ต้องมีปลาสิโว้ย”
คนอยากกินปลาดุก ไม่สนใจจะฟังใคร ในหัวของเขาตอนนี้มีแค่เมนูผัดเผ็ดปลาดุก เมนูอื่นเขาไม่อยากกิน แค่แม่ครัวยกมาเสิร์ฟอาการเบื่ออาหารก็เข้ามาจุกกลางคอหอยพานอารมณ์เสียจนกระเดือกไม่ลง
ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว สองหนุ่มมายืนพูดคำว่าปลาดุก ปลาดุก ปลาดุกหน้าร้านผักกาด เด็กสาวงัวเงียตื่นขึ้นมาได้ยินพอดี คว้าหมับเข้าที่คอปลาดุก ยกตัวปลาขึ้นกลางอากาศ พร้อมกับหงายหน้าน่ากลัวที่มีผมปกคลุมไปทางต้นเสียง
“นี่ไงปลาดุก”
“เฮ้ย”
กลวัชรตกใจปลาดุกตัวอวบใหญ่น้อยกว่าดวงตากลวงโบ๋ของหลานยายปอบ พวกเขามองเห็นแค่จักรยาน ไม่ทันสังเกตว่ามีร่างเล็กของผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ถัดจากแผงขายของแม่ค้าคนอื่น กลวัชรแค่ตกใจธรรมดา แต่ไอ้ไม้ มันถึงกับวิ่งไปเกาะแผงขายผลไม้ กลัวเหมือนชาวบ้านคนอื่นว่าผักกาดจะกลายเป็นผีปอบ
“เอาไหม ลดให้ เหลือโลละสี่สิบบาท”
ผัดเผ็ดปลาดุกก็อยากกินอยู่หรอก แต่ยายเด็กคนนี้คายตะขาบ หรือตะขอเบ็ดไว้ในนั้นหรือเปล่า น่ากลัว กลวัชรซอยเท้าถี่เข้าไปดูปลาตัวอื่นที่อยู่ในถัง มีทั้งปลาดุก ปลาช่อน ปลาไหล และอีกตัวหนึ่งที่มีเกล็ดสีดำแปลกประหลาด
นั่นมันงูไม่ใช่เหรอ!
“เฮ้ย ยายเด็กบ้า เธอจับงูมาขายด้วยเหรอ”
งูอะไร
ผักกาดคิดในใจ
ตากลมโบ๋คู่นั้นพยายามจะเปิดกว้างเพ่งมองลงไปในถังน้ำ ที่เก็บปลารวมกันไว้หลายชนิด ดวงตาผักกาดจากแคบแค่เส้นเดียวจากความง่วง ค่อยๆ เปิดกว้างขึ้นทีละเล็กทีละน้อย กระทั่งเปิดออกเต็มดวงเมื่อมั่นใจว่าไอ้ตัวมีเกล็ดไม่ใช่ปลาไหล
แต่เป็น งอ สระอู งู
งูสิง!
“งู งะ งะ งะ งู ชะ ชะ ชะ ช่วยด้วย!”
ผักกาดลุกจากตั่งไม้เร็วจนปลายเท้าเธอเผลอเตะเข้าที่ถังน้ำ ทั้งงูและปลาออกมาดิ้นอยู่บนพื้น
ผักกาดร้องกรี๊ดวิ่งเข้าไปหาหลานชายคนเล็กของย่าสมสมัย หลานชายคนเล็กของย่าสมสมัยก็ร้องตกใจตามไปด้วย
เขากลัวงูที่เลื้อยเข้ามา กลัวผักกาดที่วิ่งเข้ามา และกลัวปลาดุกแสนอร่อยในมือของผักกาดจะตกลงบนพื้นกลายเป็นอาหารของงูสิงตัวนั้น คว้าไม้ท่อนยาวจากไม้มาได้ กลวัชรแยกไม่ออกว่าจะตีงู หรือตีผักกาดแล้วแย่งปลาดุกตัวนั้นมาดี
สมองเขาเพิ่งประมวลเหตุการณ์ได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เรือนร่างเล็กผ่ายผอมเหมือนผีปอบของยายเด็กท้ายไร่ ก็กระโดดเข้ามากอดเขาทั้งที่ยังกอดปลาตัวนั้นไว้แน่น
กลวัชรไม่มีทางเลือกอื่นต้องกระเตงผักกาดไว้ เพื่อปกป้องผัดเผ็ดปลาดุก เวลาเดียวกันเขาเหวี่ยงไม้ไปข้างหน้าไล่เจ้างูตัวนั้นให้มันเลื้อยไปทางอื่น มันก็ดุร้ายเหลือเกิน เลื้อยเร็วมาทางนี้ ไอ้ไม้วิ่งก่อนคนแรก ตามด้วยพ่อค้าแม่ค้าคนอื่น ปิดท้ายด้วยกลวัชรที่มีผักกาดเอาขาสองข้างหนีบเอวไว้