CHAPTER 4
“อย่าฝืน”
น้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นริมใบหูข้างซ้าย ไม่หนักแน่นและก็ไม่แผ่วเบาจนเกินไปแต่กับมีอนุภาพมากพอที่จะปลุกความเลอะเลือนของตัวฉัน
น้ำเสียงนี้...
เสี้ยวใบหน้าฉันก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
เขาก็คือคนที่ฉันเจอเป็นคนสุดท้ายเมื่อคืนก่อนจะหมดสติลงไป ในเมื่อเกมส์อยู่ตรงนี้ก็ไม่ต้องเสียเวลาคาดเดาว่าฉันอยู่บนเตียงของใคร อยู่ในห้องของใครถ้าไม่ใช่เขา
“ฉันไม่เป็นอะไร”
เห็นท่าไม่ดีฉันจึงรีบขยับตัวผละออกจากการพิงแผงอกของเกมส์ทว่ากับไม่เป็นดั่งที่ตัวเองคิดไว้เมื่อมีอุปสรรคใหญ่เข้ามาขวาง นั่นก็คือสองมือใหญ่สอดใต้แขนฉันเข้ามาประสานมือกันวางบริเวณหน้าท้องของตัวเอง
“ควรรู้ตัวเอง เลิกอวดเก่ง”
“ฉันไม่ได้...” พอจะเถียงอาการปวดหัวก็แทรกเข้ามาทำให้ฉันต้องหยุดพูด หยุดดิ้นทันทีพยายามกลืนอาการพวกนี้เท่าไหร่สงสัยร่างกายของฉันก็ต้องแพ้ นาทีนั้นร่างกายของฉันก็ลอยขึ้นจากการถูกยกให้ขยับตัวขึ้นไปนั่งบนตักของเกมส์ “นายจะทำอะไร”
“กลัวก็อย่ากร่างให้มันมาก”
“ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น”
พึ่งเจอกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงใครเขานั่งตักกันบ้างแถมยังเป็นบนเตียงอีก
“ปากเธอมันวอนไงขิม” ให้ตายสิฉันพึ่งเคยเจอผู้ชายหยาบคายได้ถึงขนาดนี้ก็วันนี้และไอ้หน้าตาเหวี่ยงหาเรื่องตลอดเวลานี่มันปั้นขึ้นหรือไง “กินยา”
ไม่รู้ว่าเกมส์เอามืออีกข้างออกไปจากหน้าท้องฉันเมื่อไหร่รู้อีกทีก็ตอนนี้ที่ฝ่ามือใหญ่ถูกยื่นมาตรงหน้า มียาพาราสองเม็ดฉันจึงไม่ลังเลรีบหยิบเข้ามาใส่ปากเพราะไม่อยากโดนหาว่าเรื่องมากและก็คว้าแก้วน้ำในมือของเกมส์ที่ถูกยื่นส่งมาตรงหน้าอีกครั้ง
“ทีนี้ก็ปล่อยได้แล้ว”
“ถ้าลุกไหวก็ไปอาบน้ำ เสื้อในตู้”
“ขอนอนก่อน”
ฉันไม่ไหวหรอก ลุกก้าวลงจากเตียงต้องล้มเอาหน้ากระแทรกพื้นแน่นอนจึงเลือกตอบเลี่ยงแบบนี้ ไม่อยากให้ใครสมน้ำหน้ากับสภาพของตัวเองไปมากกว่านี้แล้ว ร่างกายที่มีแค่เสื้อกล้ามแสนบางไม่รู้ว่าเสื้อนักศึกษาหายไปไหนแต่กระโปรงก็ยังอยู่แสดงว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง
หรือไม่ฉันก็คงถูกเกลียดเข้าไส้
“ปล่อยมือสิ”
ถึงมีแค่มือเดียวก็สามารถรั้งตัวของฉันได้ถ้าเกมส์ออกแรงแต่ครั้งนี้เขาปล่อยอย่าง่ายดาย ไม่มีการเหนี่ยวรั้งใดๆ ฉันจึงคลานออกมามุ่งหน้าไปด้านข้างที่เดิมของตัวเอง
“แน่ใจนะว่า...”
ฉันหันหน้าไปสบตากับเกมส์ซึ่งเป็นคู่สนทนาคนเดียวที่มีอยู่ ไม่รู้ว่าคำตอบเมื่อกี้ฉันตอบไม่หนักแน่นหรอถึงทำให้คนเยือกเย็นอย่างเขาย้ำอีกครั้งมันผิดวิสัยมากทว่าพอฉันใช้สายตาสำรวจการแต่งกายของเกมส์นั้นทำไม
มีรอยเลือดจางๆ ตรงต้นขา เด่นชัดมากเพราะกางเกงของเกมส์เป็นสีขาว
“เมนส์เธอ”
เชี่ย...
ดวงตาของตัวเองต้องเบิกกว้างแน่นอนซึ่งฉันรู้ดีว่าเวลาตัวเองตกใจจะเผลอทำหน้าน่าเกลียดมากประมาณไหนตอบเลยว่าอย่าให้ใครได้เห็นซึ่งตอนนี้มันคงไม่ทันแล้ว
เห็นอีกจนได้สินะ
ทำไมถึงมีเรื่องให้น่าอับอายต่อหน้าเกมส์ไม่เว้นว่างเลยสักนิด ผู้ชายตรงหน้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรฉันหรือไงถึงได้มาคิดบัญชีรัวๆ ขนาดเว้นว่างไม่เจอกันตั้งหลายปียังมีเวรกรรมที่ต้องชดใช้ไม่จบไม่สิ้นสักทีเหรอ เรื่องอับอายอื่นๆ ยังพอรับได้แต่ทำไมต้องเป็นเรื่องนี้ด้วย
อายกว่าอะไรทุกสิ่งอย่างก็คือไอ้เมนส์บ้าจะมาอะไรวันนี้ตอนนี้อีกทั้งยังไปเลอะกางเกงราคาแพงตัวนั้น กางเกงที่มันไม่ใช่ตัวละร้อยสองร้อยและลางสังหรณ์ของฉันก็เริ่มทำงานเด่นชัดว่ายังไงก็ต้องเป็นฝ่ายชดใช้ให้กับเกมส์อย่างไม่มีข้อแม้แม้แต่นิดเดียว
“นายรีบไปเปลี่ยนสิ”
“เปลี่ยน?”
ยังมาทำหน้างงอีก จะทรมานคนป่วยเหรอ
“ใช่ เปลี่ยนเป็นตัวอื่นส่วนตัวนี้จะซักให้ใหม่”
สำหรับฉันนั้นจะซักให้ = ไม่ซื้อตัวใหม่ให้
ไม่รู้ว่าเกมส์จะรู้การลองหยั่งเชิงของฉันหรือเปล่า ถ้าเขาตอบว่าอืมหรือเข้าไปเปลี่ยนง่ายๆ ซึ่งนั้นก็แปรได้ว่าฉันไม่ต้องเสียเงินซื้อกางเกงให้ใหม่แต่ถ้าไม่เป็นดั่งที่คาดหวังก็จงเตรียมเงินจ่ายได้เลย
เงินเก็บทั้งเนื้อทั้งตัวให้ธนาคารสามหมื่นอาจจบลงเพียงแค่กางเกงตัวเดียวให้ตายสิ!
“ซักไหว?”
“ไหวสิ ทิ้งไว้นานเดี๋ยวคราบ... ฝังลึก”
ผู้หญิงทุกคนย่อมรู้ดีว่าคราบเมนส์มีฤทธิ์ขนาดไหน เปื้อนมากๆ ต้องแช่น้ำนานกว่าจะหลุดออกยิ่งถ้าผ้าเป็นสีขาวเหมือนกับกางเกงของเกมส์ก็ยิ่งต้องแช่นาน
“อ้อ...”
เยส!
เกมส์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สายตาเย็นชานั้นก้มมองกางเกงที่เปื้อนแป๊บเดียวก็เงยขึ้นมาสบตากับฉันที่กำลังส่งยิ้มให้เขาด้วยความรู้สึกผิด
“รีบๆ เปลี่ยนนะ เดี๋ยวซักให้ตอนนี้เลย”
“ไม่ไหวก็นอนอย่าอวดดี”
“อ้าวแล้ว...”
“เดี๋ยวแช่ให้ตื่นค่อยซัก”
พูดแล้วเกมส์ก็เดินหลีกหายไปทางห้องข้างๆ ส่วนฉันก็รีบยกตัวเองรื้อผ้าห่มใช้สายตาสำรวจพบว่ามันไม่ได้เปื้อนผ้าปูบนเตียงใหญ่นี้แต่จะให้นอนต่อยังไง ต้องลงไปซื้อผ้าอนามัยสิจะนอนทั้งแบบนี้เดียวก็เปื้อนอีก ว่าแล้วฉันก็พยายามลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่มึนๆ
ไข้ทับฤดูใช่ไหม
ปวดหัวจัง...
“ทำไมยังไม่นอน”
“อุย...” เกมส์เปลี่ยนกางเกงเรียบร้อยแต่ก็ยังเป็นยีนขาดๆ แตกต่างกันก็แค่สีที่ตอนนี้เป็นสีดำ ใบหน้าหล่อดูหัวเสียเล็กน้อยจากดูเหวี่ยงอยู่แล้วตอนนี้เพิ่มไปอีกเท่าตัว “ถามว่าทำไมยังไม่นอน”
ไม่ว่าเปล่ามือใหญ่ยื่นมาจับต้นแขนของฉันไว้เพื่อกันฉันล้ม
“นอนไม่ได้”
“ทำไม?” คิ้วของเกมส์ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยก่อนที่จะเบี่ยงสายตาไปทางเตียงนอน “เตียงก็ว่างนอนได้ไม่คัน เธอนอนมาแล้วนิ”
รู้ว่าเตียงว่าง ฉันไม่ได้ตาบอดไหม
“เดี๋ยวเลอะ”
คราวนี้หวังว่าคงเข้าใจในสิ่งที่ฉันพยายามสื่ออกมานะ
“เลอะ?”
“ก็...”
“อ้อ...เข้าใจเข้ากลัวเปื้อนเตียง”
“อื้ม”
ฉันยอมรับแบบตรงๆ ไม่อ้อมโลกด้วยคำพูดอะไรอีกแล้วเนื่องจากร่างกายไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่นัก ดูจากสภาพไม่รู้ยืนแบบนี้จะร่วงลงพื้นเมื่อไหร่
“ยืนไหวมั้ย?” น้ำเสียงของเกมส์เข้ามาในโสตการรับรู้อีกครั้งแต่ฉันก็ไม่ได้ตอบ เกมส์ก็เลยพูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งต่อจากประโยคเมื่อกี้ “ไม่ไหวก็นั่งลง นั่งตรงพื้นนั่นแหละ”
พอฉันนั่งลงแป๊บเดียวก็เห็นเกมส์เดินเข้าไปอีกห้องแป๊บเดียวออกมาด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่พับครึ่งจำนวนสองผืน เขาเอามันปูตรงเตียงอย่างเรียบร้อยจากนั้นก็หันตัวมาพยุงฉันลุกขึ้น
“นอนลงไปเลย ไม่เปื้อนหรอก”
“ขอบคุณนะ”
ด้วยความที่ร่างกายแสนอ่อนแรงเหลือเกินฉันจึงหลับตาลงช้าๆ ทว่าประโยครั้งท้ายก่อนที่เกมส์จะออกจากห้องทิ้งท้ายทำเอาใบหน้าเห่อร้อนออกทันใด
“ผ้าอนามัยคงไม่ใช้แบบสอดใช่มั้ยจะได้ไม่ซื้อมา”