ทั้งชีวิตของคุณประภพทำงานหนักมาโดยตลอด แม้ตอนนี้จะส่งต่อบริษัทตะวันฉาย ดีไซน์ให้อาทิตย์เป็นคนดูแลอย่างเต็มตัว แต่เบื้องหลังก็ยังนั่งตำแหน่งที่ปรึกษา นอกจากนี้ยังเทียวไปดูแลธุรกิจรีสอร์ทที่เขาใหญ่อีกด้วย หากแต่ที่ผ่านมาคุณประภพไม่เคยแสดงอาการป่วยให้ใครเห็น เพราะไม่ต้องการให้ใครเป็นห่วง ทว่าวันที่รู้ว่าตนเองจะมีชีวิตเหลืออยู่บนโลกใบนี้อีกไม่นานคุณประภพก็จำเป็นต้องจัดการให้มุกรินแต่งงานกับลูกชายคนใดคนหนึ่งให้เร็วขึ้น ซึ่งทันทีที่ออกมาจากโรงพยาบาลคุณประภพก็ตรงมายังบ้านมุกรินโดยได้โทรบอกอนงค์ล่วงหน้าไว้แล้ว
เมื่อรถคันคุ้นตาขับมาจอดยังหน้าบ้าน อนงค์ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมมื้อเย็นก็รีบวางมือเพื่อไปเปิดประตู แม้นาน ๆ จะแวะเวียนมาที่บ้านนี้แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณประภพก็แสดงให้เห็นถึงน้ำใจและความเมตตาที่มีต่อหลาน อนงค์จึงเห็นคุณประภพเป็นดั่งญาติมิตรและผู้มีพระคุณที่สมควรได้รับการต้อนรับขับสู้อย่างดี
“เชิญเข้ามาข้างในก่อนค่ะ ยัยมุกเพิ่งกลับมาถึง กำลังอาบน้ำอยู่ค่ะ” อนงค์เดินนำคุณประภพพร้อมคนติดตามเข้าไปภายในบ้านด้วยท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัว ราวกับคุณประภพเป็นเจ้านายคนใหญ่คนโตจนชายวัยกลางคนอดต่อว่าไม่ได้
“เมื่อไหร่จะเลิกทำเหมือนฉันเป็นคนอื่นสักที” น้ำเสียงแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยบารมีเอ่ยขึ้น ทว่าก็ไม่ได้มีเจตนาจะพูดให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง เพียงแต่คุณประภพยังจำได้ว่าตอนที่ไปรับอนงค์มาจากต่างจังหวัดเพื่อดูแลมุกริน อนงค์ก็เจียมเนื้อเจียมตัวไม่เปลี่ยน ซึ่งนิสัยนี้เหมือนกันกับมุกรินไม่มีผิด แต่ก็คงเพราะเหตุนี้กระมังคุณประภพถึงได้มีเมตตาต่อป้าหลานคู่นี้เสมอมา
“ฉันไม่เคยเห็นคุณท่านเป็นคนอื่นเลยนะคะ” อนงค์รีบอธิบายขณะวางแก้วน้ำกระเจี๊ยบเย็น ๆ ลงตรงหน้าแขกคนสำคัญ แม้ในใจจะเห็นอีกฝ่ายเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ แต่บุญคุณล้นหัวที่คุณประภพมีให้ตนกับหลานสาวได้ลืมตาอ้าปากอย่างทุกวันนี้ทำให้อนงค์ไม่อาจตีตัวเสมอ เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่คุณประภพมาบ้านอนงค์ก็จะเตรียมการต้อนรับไว้อย่างดี
“เอาเถอะฉันขี้เกียจจะเถียงด้วย” คุณประภพส่ายหน้าอย่างรู้สึกเหนื่อยใจกับเรื่องที่เคยพูดมาหลายครั้ง นิสัยเจียมตัวของมุกรินคงจะได้มาจากผู้เป็นป้าอย่างไม่ต้องสงสัย
“วันนี้ทำแกงเขียวหวานไก่เหรอ” กลิ่นหอมจากเครื่องแกงที่ลอยออกมาจากในครัวทำให้คุณประภพเอ่ยถามอย่างสนใจ
“ยัยมุกบอกว่าไม่ได้ทำให้คุณท่านกินนานแล้ว วันนี้เลยเข้าครัวโชว์ฝีมือตั้งแต่กลับมาค่ะ” สีหน้าของหญิงวัยกลางคนบ่งบอกถึงความชื่นชมในความกตัญญูรู้คุณของหลาน ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับคุณประภพที่เอ็นดูมุกรินมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งได้ยินว่าวันนี้มุกรินตั้งใจทำของโปรดให้ตนเองโดยเฉพาะก็ยิ่งปลาบปลื้มใจเข้าไปใหญ่ แม้ว่าแกงเขียวหวานไก่จะไม่ใช่อาหารราคาแพงแต่ก็เป็นกับข้าวที่อยู่ในความทรงจำของคุณประภพมาจนทุกวันนี้ ทุกครั้งที่ได้ชิมฝีมือแกงเขียวหวานที่มุกรินทำ คุณประภพก็จะหวนคิดถึงอดีตคนรักที่ตนเคยทำผิดต่อเธออย่างไม่น่าให้อภัย
“จริงๆ เลยเด็กคนนี้ ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแท้ ๆ” คุณประภพเอ่ยขึ้นด้วยความเอ็นดู มุกรินถูกสั่งสอนมาอย่างดีตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่เคยขอให้คุณประภพซื้อข้าวของแพง ๆ ให้ใช้ทั้งที่แค่เพียงเอ่ยปากขอคุณประภพก็พร้อมจะประเคนให้ทุกอย่าง
“ให้ยัยมุกได้ทำอะไรเพื่อคุณท่านบ้างเถอะค่ะ” อนงค์พูดแทนความในใจของหลาน ถ้ามุกรินไม่ได้ความเมตตาจากคุณประภพไม่รู้ว่าป่านนี้ชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่กำพร้าแม่ขาดพ่อจะตกระกำลำบากอยู่ที่ไหน เพราะเหตุนี้ทั้งอนงค์และมุกรินจึงอยากทำอะไรตอบแทนคุณประภพบ้าง และเมื่ออนงค์เอ่ยถึงเรื่องตอบแทนบุญคุณ ชายวัยกลางคนก็นึกขึ้นได้ว่าที่มาวันนี้ด้วยเรื่องสำคัญอะไร
“มานั่นพอดีเลยเดี๋ยวฉันไปยกกับข้าวออกมาให้นะคะ” อนงค์ พยักพเยิดไปยังมุกรินที่กำลังเดินลงมาจากบันไดก่อนจะขอตัวเข้าไปในครัวทันที
“ขอโทษนะคะพอดีลูกค้าโทรเข้ามา งั้นเดี๋ยวมุกไปช่วยป้านงยกกับข้าวออกมานะคะ” มุกรินรู้ตัวว่าเสียมารยาทที่ปล่อยให้ผู้ใหญ่นั่งรอจึงได้อธิบายก่อนจะตามผู้เป็นป้าเข้าไปในครัว
ทั้งสามคนนั่งทานข้าวกันไปคุยกันไป ซึ่งคุณประภพก็ไม่ได้แสดงอาการป่วยออกมาแต่อย่างใด ตรงกันข้ามทุกครั้งที่คุณประภพหาโอกาสมาทานข้าวที่บ้านหลังนี้กลับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากทานข้าวไปได้สักพักมุกรินก็นึกขึ้นมาได้ว่าที่คุณประภพมาที่บ้านก็เพราะมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยจึงเอ่ยขึ้น
“จริงสิ คุณลุงมีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับมุกเหรอคะ” มุกรินถามด้วยความสนใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงในโทรศัพท์ดูเหมือนคุณประภพจะมีเรื่องไม่สบายใจ
“ลุงเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายคุณหมอบอกว่าลุงมีเวลาอีกไม่เยอะ”
“อะไรนะคะ!!! คุณลุงเป็นมะเร็งเหรอคะ” มุกรินกับอนงค์ต่างก็ตกใจที่ได้รู้ว่าคุณประภพป่วยเป็นโรคร้ายแรง ที่ผ่านมาคุณประภพไม่เคยแสดงอาการป่วยออกมาให้เห็น ที่สำคัญคุณลุงประภพของเธอกำลังจะจากเธอไป จากโลกใบนี้ไปเหมือนแม่ของเธอ
“ความจริงลุงรู้มานานแล้ว แต่ไอ้โรคนี่มันก็เติบโตเร็วจนลุงเตรียมใจไม่ทันเหมือนกัน” อาจเป็นเพราะปลงกับสังขารได้แล้ว แม้ความตายกำลังจะมาเยือน คุณประภพก็เลยสามารถยิ้มออกมาได้และคงจะมีความสุขยิ่งกว่านี้หากมุกรินยอมทำตามคำขอ
“ถึงจะเป็นระยะสุดท้ายก็มีทางรักษาไม่ใช่เหรอคะ” มุกรินพูดด้วยความหวะงและร้อนใจ เธอทำใจไม่ได้ที่จู่ ๆ ก็มารู้ว่าผู้มีพระคุณกำลังจะจากเธอไปอีกคน
“ตอนนี้ทำได้อย่างมากแค่ยื้อเวลาไว้เท่านั้น” จริงอยู่ว่าโรคมะเร็งสามารถรักษาให้ต่อลมหายใจต่อไปได้ แต่นั่นก็สำหรับคนที่ตรวจพบโรคเร็ว และมีกำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้าย หากแต่ไม่ใช่กับคนที่นับวันรอที่จะได้ไปอยู่อีกภพหนึ่ง รอวันจะได้เอ่ยคำขอโทษกับเธอคนนั้นอีกครั้ง
“คุณลุงอย่าพูดแบบนี้สิคะ คุณลุงจะต้องหายและมีชีวิตอยู่กับมุกไปอีกนานค่ะ” มุกรินเชื่อว่าตราบใดที่ได้รับการรักษาและมีกำลังใจที่ดี โรคร้ายจะต้องต่อเวลาให้คุณประภพของเธออยู่กับเธอไปนาน ๆ อีกอย่างคุณประภพก็มีเงินทองที่จะไปรักษาตัวกับหมอเก่ง ๆ ในต่างประเทศ เว้นเสียแต่เจ้าตัวจะไม่ต้องการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว
“ถ้าลุงยอมรักษาตั้งแต่ที่ตรวจพบนะ”
“หมายความว่ายังไงคะ” มุกรินใจหายวาบที่ได้รู้ว่าคุณประภพไม่ยอมเข้ารับการรักษาจนอาการป่วยรุนแรง ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับอนงค์ซึ่งก็ตกใจไม่แพ้กัน
“อย่าบอกนะคะว่าคุณท่านไม่ได้ไปรักษา” รอยยิ้มบนมุมปากของชายวัยกลางคนทำให้มุกรินและอนงค์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนที่รู้ตัวว่ากำลังใกล้ตายถึงยังยิ้มออกมาได้
“จะรักษาหรือไม่รักษามันต่างกันยังไงล่ะ”
“ต่างกันสิคะถ้าคุณลุงยอมรักษาคุณลุงก็จะอยู่กับมุกและทุกคนไปอีกนาน คุณลุงยอมรักษาเถอะนะคะถือว่ามุกขอร้อง” มุกรินคุกเข่าลงตรงหน้าของคุณประภพดวงตาคู่สวยแดงก่ำ ครั้งหนึ่งเธอเคยสูญเสียแม่ไปแล้วคนหนึ่งเธอย่อมไม่อยากจะเสียคุณประภพไปอีกคน พอเห็นมุกรินหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความกตัญญูรู้คุณชายวัยกลางคนก็วางมือลงบนศีรษะของหญิงสาวก่อนจะลูบเส้นผมเบา ๆ อย่างเอ็นดูเหมือนลูกในไส้ และเมื่อรู้ว่ามุกรินเศร้าเสียใจเพียงใดที่รู้ว่าตนเองกำลังจะไม่อยู่บนโลกใบนี้ คุณประภพก็ยิ่งต้องรีบจัดการทุกอย่างให้สำเร็จก่อนวันนั้นจะมาถึง
“หนูมุกอยากให้ลุงมีความสุขหรือเปล่า” แม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องอะไร แต่มุกรินย่อมอยากให้คุณลุงประภพของเธอมีความสุขในช่วงสุดท้ายของชีวิตจึงรีบตอบออกไปทั้งน้ำตา
“อยากสิคะ ถ้ามีอะไรที่มุกทำให้คุณลุงได้ มุกจะทำทุกอย่างค่ะ ขอแค่คุณลุงบอกมา” นี่ไม่ใช่พียงคำพูดปลอบใจคนป่วยหรือแค่พูดไปส่ง ๆ เท่านั้นแต่มุกรินหมายความตามที่เธอพูดทุกประการ เธอมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะได้คนจิตใจดีมีเมตตาอย่างคุณประภพอุปถัมภ์ ดังนั้นหากมีเรื่องใดที่เธอพอจะทดแทนบุญคุณล้นหัวนี้ได้ เธอก็ยินดีและจะทำมันด้วยความเต็มใจ
“งั้นหนูมุกแต่งงานกับลูกชายลุงได้ไหม”
“คุณลุงว่าอะไรนะคะ”