ภายในห้องนอนสไตล์โมเดิร์น บนชั้นสูงสุดของคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองไมอามี บนเตียงขนาดคิงไซส์มีร่างเปลือยเปล่าของหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังโรมรันพันตูกันอย่างถึงพริกถึงขิง ขณะที่เสียงครวญครางแห่งความสุขจากการเสพสมกามมาดังกระหึ่มไม่ขาดสาย บทพิศวาสร้อนฉ่าบรรเลงขึ้นตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนกระทั่งตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่ม แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าไฟเสน่หาจะมอดดับลง กลับมีแต่จะโหมกระพือขึ้นเรื่อยๆ จนแทบเผาผลาญคนทั้งคู่ให้ไหม้เป็นจุณ
พริสซิลล่า เกรย์แฮม สาวผมบลอนด์ไฟแรงสูง เจ้าของหุ่นสะบึมทรงนาฬิกาทราย แม่นางฟ้าในสังกัดของวิคตอเรียซีเคร็ต ที่เดเรคจับเด็ดปีกลงมาเริงสวาท และติดใจในลีลาอันเร่าร้อนจนต้องเรียกใช้ซ้ำ ตอนนี้หล่อนกำลังกรีดร้องด้วยความสุขสมอยู่ในท่าคลานเข่าแสนเร้าอารมณ์
“อา…เดเรคขา พ่อกระทิงเปลี่ยวของพริสซี่ เร็วกว่านี้ค่ะที่รัก ได้โปรดเร็วกว่านี้!” เสียงหวานเคล้าเซ็กซี่บาดใจครางระงม ขณะดิ้นพล่านกับความเร่าร้อนเจียนจะคลั่ง เมื่อสะโพกแกร่งขยับสับสอดเข้าหากายสาวในจังหวะเนิบช้าทว่าแสนหน่วงหนัก แต่กระนั้นก็ยังไม่สาแก่ใจคนที่ห่างหายจากพ่อยอดชายไปนานนับเดือน
“เร็วแบบนี้หรือเปล่าทูนหัว” เดเรคโหมสะโพกทรงพลังโจนจ้วงเข้าหาแม่สาวร่านสวาทในจังหวะฮาร์ดคอร์จนเตียงหลังใหญ่ส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด พร้อมกันนั้นเขาก็สอดมือไปขยำเต้าทรวงอวบสล้างอย่างเมามัน
“ใช่ค่ะดาร์ลิ้ง เร็วอีกค่ะ เร็วอีก อย่าหยุดนะพ่อยอดชายของพริสซี่” ดูเหมือนหล่อนจะหิวกระหายจัด เพราะไม่ว่าเขาจะกระหน่ำความอลังการเข้าหาอย่างร้อนแรงมากเพียงใดมันก็ยังไม่ถึงใจแม่สาวร้อนรัก เจ้าของเรือนกายอวบอั๋นทั้งดีดดิ้นและเรียกร้องไม่ลดละ
“ถ้าไม่อยากให้ผมหยุดก็ร้องออกมาดังๆ คนสวย” พ่อหนุ่มพลังม้าคะนองศึกบัญชาการด้วยน้ำเสียงหอบหนักๆ ขณะตอกอัดความกร้าวแกร่งเข้าสู่กายสาวอย่างบ้าคลั่ง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นลั่นห้องนอนหรู ผสานกับเสียงครวญคร่ำเพราะความรัญจวนใจไม่ขาดสาย
“เรียกชื่อผม” จอมโอหังออกคำสั่งสียงแตกพร่า วินาทีถัดมาพริสซิลล่าก็ทำในสิ่งที่เขาปรารถนาอย่างไม่ขัดข้อง
“เดเรคขา…เดเรค ที่รักของพริสซี่ ดีจังเลยค่ะ คุณเก่งที่สุด” เสียงครางกระเส่าที่เล็ดลอดออกมาจากกลีบปากเซ็กซี่ยิ่งผลักดันให้เขารุนแรง ป่าเถื่อนมากขึ้นเรื่อยๆ จนก่อเกิดเป็นการสอดประสานอันแสนบ้าคลั่ง แม่สาวร้อนรักหวีดร้องลั่น เกลือกกลิ้งใบหน้าไปกับหมอนนุ่ม บ้างก็ผวาเฮือกด้วยความเสียดเสียวสุดกู่
“แม่ตัวดี คุณกำลังทำให้ผมคลั่ง” ขาดคำมือใหญ่ก็ฟาดหนักๆ เข้าที่สะโพกมน จากนั้นเจ้าของเรือนร่างรุ่มร้อนก็รวบรวมพละกำลังถาโถมโหมกระหน่ำเข้าหาดอกไม้ฉ่ำน้ำค้างอย่างไม่ลืมหูลืมตา
“เดเรค เดเรค เดเรค!!!” พริสซิลล่ากรีดร้องเรียกชื่อคนที่อยู่เหนือร่างครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะร่อนบั้นท้ายกลมกลึงรองรับความหฤหรรษ์อย่างเมามันในอารมณ์ เขาผลักดันเข้าหาเธอแอ่นท้าแบบสู้ยิบตา พร้อมกันนั้นเล็บสีแดงสดทั้งสิบก็ดึงทึ้งผ้าปูที่นอนจนแทบขาดติดมือ
“โอ้…แม่ไดนาไมต์ คุณร้อนแรงเหลือเกินทูนหัว!” ชายหนุ่มแหงนใบหน้าหล่อลากไส้คำรามกระหึ่มด้วยความกระสันซ่านสุดขีด เส้นเอ็นตรงบริเวณแขนกำยำและลำคอปูดเป่งจนแทบปริแตก ก่อนจะกระแทกกระทั้นความยิ่งใหญ่เข้าหากายสาวด้วยจังหวะหนักหน่วง ดุดัน ดิบเถื่อน และถี่กระชั้นเต็มอารมณ์หวาม
ทว่าพอทั้งคู่จะทะยานขึ้นไปแตะขอบสวรรค์เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน
ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก
“นายครับ นาย” เสียงผู้มาขัดจังหวะกิจกรรมหฤหรรษ์ฟังดูถี่กระชั้นอย่างไรชอบกล หากแต่แม่สาวผมบลอนด์ก็ยังแอ่นร่างอวบอั๋นเข้าหาพ่อยอดชาย ส่วนเขาก็เดินหน้าสร้างความซาบซ่านสะท้านทรวงให้แก่ทั้งคู่อย่างไม่คิดจะแยแสคนที่มารบกวน ทว่าไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครา แต่ถี่ระรัวกว่าครั้งแรกเป็นเท่าตัว
ก๊อกๆๆๆ…
และแล้วสวรรค์ของหนุ่มสาวทั้งคู่ก็ล่มลงกลางคัน กายที่ขยับสอดประสานเป็นท่วงทำนองเร่าร้อนระคนดิบเถื่อนพลันหยุดกึกทันควัน
“ให้ตายเถอะ…มันจะเคาะหาพระแสงอะไรนักหนาวะ” เจ้าพ่อหนุ่มสบถอย่างหัวเสียสุดๆ ไม่ต่างจากแม่สายสวยที่กำลังทำหน้าหงิก เพราะอารมณ์ร้อนแรงหยุดชะงัก แต่นาทีนี้หล่อนไม่คิดจะปล่อยเขาไปง่ายๆ ถ้ายังไม่ได้ขึ้นขย่มพ่อเจ้าประคุณจนหนำใจเสียก่อน
“อย่าไปสนใจเสียงนกเสียงกาเลยค่ะ มาทำเรื่องของเราต่อให้จบเถอะ” แม่นางแบบสาวค้านเสียงหวานพลางพลิกตัวนอนแผ่หราโชว์สัดส่วนน่าขยี้ขย้ำ ก่อนจะลุกขึ้นมาประกบจูบปากหยักอย่างดูดดื่ม พร้อมกันนั้นก็บดเบียดหน้าอกนุ่มหยุ่นยั่วยวนป่วนอารมณ์อีกฝ่าย เรียกเสียงคำรามกระหึ่มกลั้วลำคอหนา แล้วทั้งสองก็แลกลิ้นกันอย่างถึงพริกถึงขิง เชื้อสวาทที่ยังไม่มอดดับสนิทกำลังจะจุดติดอยู่แล้ว ถ้าเสียงของผู้ที่อยู่ภายนอกไม่ดังขึ้นมาขัดจังหวะอีกครา
“นายครับ ผมมีเรื่องด่วนจริงๆ ครับนาย”
“รอมผมแป๊บเดียวนะยาหยี” เดเรคกระซิบชิดใบหูขาวสะอาด แล้วตัดใจผละห่างจากร่างยั่วน้ำลาย สาวเจ้าพยายามจะไขว่คว้าและเหนี่ยวรั้งเอาไว้ แต่เขาก็ก้าวขาลงจากเตียงเสียก่อน หล่อนจึงได้แต่กระแทกกายลงกับเตียงแรงๆ ด้วยความขัดอกขัดใจ
เจ้าพ่อหนุ่มก้าวโทงๆ ไปหาเสื้อคลุมมาสวมทับเรือนกายกำยำทว่าเปลือยเปล่า ก่อนจะเดินลงส้นไปยังประตูของห้องนอนใหญ่
ผลัวะ!
เสียงกระแทกประตูให้เปิดออกดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับการปรากฏกายของคนที่อยู่ในอารมณ์ขุ่นคลั่ก หากแต่ใบหน้าถมึงทึงชวนขนหัวลุกของเจ้านายนั้นกลับไม่ได้ทำให้เลขาฯ หนุ่มรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงแต่อย่างใด ด้วยความที่วิกเตอร์รับใช้เดเรคมาตั้งแต่สมัยที่อีกฝ่ายขึ้นรับตำแหน่งประธานใหญ่ของเบอร์ยาน็อฟสกี้กรุ๊ปใหม่ๆ จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ทำให้เขาชินกับนิสัยของเจ้านายเสียแล้ว
“มีอะไรวะไอ้วิกเตอร์ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญฉันซัดแกไม่เลี้ยงแน่” เดเรคเค้นเสียงกระด้าง พร้อมกราดสายตาดุดันจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง
“ผมว่าเชิญนายที่ห้องทำงานดีกว่านะครับ” คำพูดของลูกน้องทำให้เจ้าพ่อหนุ่มถึงกับฉุนกึก
“แกนี่มันเรื่องมากจังเลยโว้ย!” เดเรคคำรามอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน แต่กระนั้นก็ยังยอมทำตามที่อีกฝ่ายร้องขอ ทว่าพอเขาจะขยับเท้าก้าวไปข้างหน้า เลขาฯ หนุ่มกลับไม่เปิดทางให้เสียอย่างนั้น
“เอ้า…หลีกทางสิวะ” พ่อหนุ่มเจ้าอารมณ์ชักสีหน้าใส่คนสนิท
“เอ่อ…” วิกเตอร์ทำท่าอ้ำๆ อึ้งๆ พร้อมปรายตาข้ามไหล่เจ้านายหนุ่ม เดเรคกลอกตาไปมา แล้วหมุนกายสูงใหญ่ไหล่กว้างกลับไปด้านหลัง วินาทีถัดมาร่างสะโอดสะองก็โถมตัวเข้าหา วิกเตอร์เห็นอย่างนั้นจึงเดินเลี่ยงไปทางห้องทำงานของเจ้านายอย่างรู้หน้าที่
“เดเรคขา…มาต่อกันเถอค่ะที่รัก พริสซี่อยากเป็นม้าสาวแสนพยศเต็มทนแล้ว” แม่สาวจัดจ้านเจนสังเวียนช้อนดวงตาหยาดเยิ้มเชิญชวนพ่อหนุ่มนักรักเต็มที่
“ผมก็อยากปราบม้าสาวแสนพยศเช่นกันทูนหัว แต่ผมมีเรื่องด่วน ต้องรีบไปจัดการ”
“จัดการพริสซี่ก่อนไม่ได้เหรอคะ พริสซี่ยังไม่อิ่มคุณเลย…นะคะที่รักขา” เจ้าหล่อนออดอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน พลางจงใจบดเบียดสัดส่วนอะร้าอร่ามเข้าหากายทรงพลัง
“แม่จอมตะกละ ผมขอไปจัดการธุระก่อน แล้วหลังจากนั้นจะกลับมาให้คุณงาบจนหนำใจอย่างแน่นอน” เขาเย้าเสียงกลั้วหัวเราะ พลางจับปลายคางมนโยกเบาๆ
“อย่าไปเลยนะคะ มาสนุกกับพริสซี่ดีกว่า หรือว่าคุณเห็นงานสำคัญกว่าพริสซี่ พริสซี่ไม่ยอมนะคะ” ทันใดนั้นดวงตาสีเฮเซลก็เข้มขึ้นจนเกือบมืดดำ หล่อนคงเห็นว่าเขาควงนานกว่าผู้หญิงคนอื่น จึงได้ใจจนถึงขั้นเหิมเกริมแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของออกมาอย่างนี้
“ถ้าคุณพูดจาไม่รู้เรื่องแบบนี้ ก็เปล่าประโยชน์ที่เราจะคุยกัน ออกไปจากห้องผมซะ ประตูอยู่โน่น!” เดเรคขับไล่เสียงลอดไรฟัน ขณะพุ่งปลายนิ้วกระด้างไปทางประตู จากเทพบุตรกลายร่างเป็นพญามารโดยฉับพลัน จนสาวเจ้าถึงกับสะอึกและทำหน้าเหวอไปชั่วขณะ
“เดเรคขา…พริสซี่ผิดไปแล้ว พริสซี่ขอโทษ ขอโทษจริงๆ ค่ะ” ทันทีที่ควานหาเสียงของตัวเองเจอ หล่อนก็รีบละล่ำละลักวิงวอน พลางส่งสายตาละห้อยให้ดูน่าสงสาร ทว่าในวินาทีถัดมาก็ต้องหวีดร้องลั่น เมื่อโดนเขาผลักจนกระเด็นลงไปก้นจ้ำเบ้ากับพื้นอย่างไม่ปรานีปราศรัย
“ผมบอกให้ไสหัวไป หรือคุณจะรอให้คนของผมมาโยนคุณออกไป” พ่อหนุ่มจอมโอหังเค้นเสียงเย็นเยียบออกมาจากปากหยัก นัยน์ตาคมกริบดุวับจนน่าขนลุก ทำให้อีกฝ่ายต้องลนลานใส่เสื้อผ้า แล้วผลุนผลันออกจากคอนโดหรูอย่างไม่เหลียวหลัง ทุกครั้งที่เสร็จกิจเดเรคก็มักจะมอบสินน้ำใจให้อย่างงาม แต่คราวนี้เจ้าหล่อนโชคร้ายหน่อยที่ไม่ได้ของกำนัลมูลค่าสูงติดไม้ติดมือกลับบ้าน แถมยังถูกเขาไล่ตะเพิดอย่างไม่แยแสอีกด้วย
นี่แหละคือธาตุแท้ของเดเรค เบอร์ยาน็อฟสกี้ เจ้าพ่อค้ายาชูกำลังและยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศอันดับหนึ่งของโลก มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพล วัยสามสิบห้าปี ที่มีเลือดผสมระหว่างอเมริกาและรัสเซียหลอมรวมอยู่ในกายอย่างลงตัว เทพบุตรรูปร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างสมชายชาตรี หน้าตาหล่อเหลาเคล้าเซ็กซี่ แถมยังมีดีที่ลีลาขั้นเทพชนิดหาตัวจับยาก ซึ่งสาวน้อยใหญ่ทั่วทุกสารทิศต่างเล่าลือกันให้แซ่ดถึงบทรักอันร้อนแรงและน่าลุ่มหลงของเขา ด้วยบุคลิกที่ดูเจ้าสำราญ บวกกับนัยน์ตาสีเฮเซลซึ่งดูรื่นรมย์อยู่ตลอดเวลา ทำให้ใครต่อใครต่างพากันเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นพ่อหนุ่มขี้เล่นอารมณ์ดี หากแต่คนสนิทย่อมรู้ดีว่าเจ้าพ่อหนุ่มผู้นี้มีสองบุคลิก ยามเขาอารมณ์ดีก็จะยิ้มแย้มแจ่มใสและดูเป็นมิตร บ้างก็ช่างเอาอกเอาใจราวกับเทพบุตร หากแต่เมื่อใดก็ตามที่มีคนมาทำให้โมโห เขาก็จะแสดงความโอหังออกมาอย่างถึงแก่น อีกทั้งยังโหดเหี้ยม และเย็นชาไร้หัวใจไม่ต่างจากพญามาร
หลังจากขับไล่พริสซิลล่าไปให้พ้นหูพ้นตา เดเรคก็เดินลิ่วมายังห้องทำงานที่อยู่ติดกับห้องนอนของตัวเอง ซึ่งมีคนสนิทยืนกุมมือรออยู่ด้วยสีหน้าไม่สู้จะดีนัก
“เอ้า…คราวนี้มีอะไรก็ว่ามา” ขาดคำเขาก็หย่อนสะโพกสอบลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่
“นายดูข่าวนี่สิครับ” วิกเตอร์ว่าพลางกดรีโมทเปิดโทรทัศน์ที่ติดอยู่ข้างผนังห้องสีครีม ทันใดนั้นนักข่าวก็รายงานข่าวที่กำลังตกเป็นประเด็นทอล์คออฟเดอะทาวน์อยู่ในขณะนี้
ชายวัยห้าสิบดับอนาถคาอกสาวรุ่นลูก สาเหตุมาจากการโด๊ปยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของบริษัทผลิตยาดังอย่างเบอร์ยาน็อฟสกี้กรุ๊ป!
นักข่าวสาวพาดหัวมาอย่างนั้น ก่อนจะตัดเข้าสู่เนื้อหาหลักของข่าว ซึ่งมีภาพประกอบและการเล่ารายละเอียดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งมีการวิพากวิจารณ์ไปถึงผลิตภัณฑ์ในเครือเบอร์ยาน็อฟสกี้กรุ๊ปในทางเสียๆ หายๆ แถมยังมีการใส่สีตีไข่ร่วมด้วยอย่างไร้จรรยาบรรณ
“บัดซบเอ๊ย!” เจ้าพ่อหนุ่มเค้นเสียงห้าวกระด้างติดจะดุดันสบถลั่นด้วยความเดือดดาลสุดขีด ใบหน้าหล่อลากไส้พลันถมึงทึง นัยน์ตาสีเฮเซลแทบลุกเป็นไฟ
“ข่าวระยำนี่มันถูกเผยแพร่ตั้งแต่เมื่อไร” เขาถามเสียงขุ่นคลั่ก
“เมื่อประมาณยี่สิบนาทีที่แล้วครับนาย” วาจาที่หลุดออกมาจากปากคนสนิททำให้กรามแกร่งของเดเรคเคลื่อนเข้าบดอัดกันจนเป็นสันนูน
“แกให้คนของเราไปจัดการระงับข่าวแล้วหรือยัง” หลังจากที่อีกฝ่ายกดปิดโทรทัศน์ เดเรคก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดันและสีหน้าเครียดจัด
“เรียบร้อยแล้วครับนาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนนะครับ” คนพูดทำท่ากังวลนิดๆ
“ช่างหัวมัน ขอแค่ไอ้ข่าวบ้าๆ นี่ไม่มาสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้ฉันมากไปกว่านี้ก็พอ”
“แล้วนายจะเอายังไงต่อไปครับ”
“ใครที่มันกล้าลูบคมฉัน มันไม่ได้ตายดีแน่!” รอยยิ้มอำมหิตผุดขึ้นที่มุมปากหยัก “ส่งคนไปสืบหาข้อเท็จจริงโดยด่วน ก่อนที่ชื่อเสียงของบริษัทฉันจะป่นปี้มากไปกว่านี้ อ้อ…แล้วก็อย่าลืมฟ้องสำนักข่าวที่มันนำเสนอข่าวเกินจริงด้วยละ ฉันจะสั่งสอนให้พวกมันรู้ว่าอย่าได้คิดมาท้าทายอำนาจ คนอย่างเดเรค เบอร์ยาน็อฟสกี้”
“ครับนาย” วิกเตอร์ค้อมหัวน้อมรับคำสั่ง
“แล้วรู้ไหมว่าฝ่ายนั้นมันจ้างใครเป็นทนายความ” ที่ถามออกมาแบบนั้นเพราะเขารู้ดีว่าอีกไม่นานก็ต้องมีการฟ้องร้องและขึ้นโรงขึ้นศาลอย่างแน่นอน
“ยังเลยครับ ฝ่ายนั้นยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร นอกจากไปแจ้งความกับตำรวจ แต่ผมก็สั่งให้คนของเราติดตามดูพฤติกรรมของคนในครอบครัวของผู้ตายแล้วครับ”
“ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ”
“นั่นน่ะสิครับ เป็นไปได้สูงว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้”
“อย่าลืมสั่งให้คนของเราไปจับตาดูไอ้เซอร์เกด้วยละ มันนั่นแหละที่น่าสงสัยมากที่สุด” เมื่อฉุกคิดขึ้นมาได้เดเรคก็สั่งการออกไปทันที เพราะมีลางสังหรณ์ว่าศัตรูคู่อาฆาตซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงลุงแท้ๆ ของตนจะทำตัวเป็นหมาลอบกัดอีกแล้ว
“ผมให้คนของเราตามมันอยู่ตลอด ตั้งแต่ที่มันส่งคนมาลอบทำร้ายนายเมื่อเกือบสองอาทิตย์ก่อน แต่ก็ยังไม่มีพิรุธอะไรเลยครับ” วิกเตอร์ไม่เคยเพิกเฉยและชะล่าใจต่อความปลอดภัยของเจ้านายอยู่แล้ว
“ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องสั่งคนของเราไปสืบมาให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ว่าใครมันอยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ เพราะฉันจะต้องชนะคดีเฮงซวยนี่เท่านั้น” น้ำเสียงกราดเกรี้ยวถูกเค้นออกมาจากลำคอหนาด้วยความคับข้องใจเหลือคณา เพราะข่าวเสียๆ หายๆ แบบนี้ ย่อมทำให้ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของบริษัทลดฮวบฮาบลงแน่
“รับทราบครับ”
“อีกสองวันนัดอีริคมาพบฉันที่เดิมด้วย” เดเรคมักจะสั่งอย่างนี้ทุกครั้งที่มีเรื่องสำคัญจะให้มือดีไปจัดการในแบบเด็ดขาดและรวดเร็วทันใจ
“แล้วนายจะให้ผมไปด้วยไหมครับ”
“ไม่ต้อง”
“แต่ว่า…”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า มันเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ของแก ฉันไปคนเดียวได้” น้ำเสียงทรงอำนาจถือเป็นประกาศิต ก่อนที่เจ้าพ่อหนุ่มจะโบกมือไล่อีกฝ่าย จากนั้นเขาก็นั่งจมปลักอยู่กับความคิดอันหมกมุ่นของตัวเอง ซึ่งในหัวสมองอันเฉียบแหลมนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องคดีความที่กำลังจะตามมาในไม่ช้า
ตอนสายของวันรุ่งขึ้นตำรวจก็เรียกคู่กรณี นั่นก็คือบริษัทเบอร์ยาน็อฟสกี้กรุ๊ปไปรับทราบข้อกล่าวหา ตามที่ทางญาติของผู้ตายได้ไปแจ้งความเอาไว้ หลังจากผจญกับกองทัพนักข่าวที่มาดักรอบริเวณหน้าคอนโดตั้งแต่เช้า เดเรคก็ไปพบตำรวจพร้อมกับทนายความประจำตระกูล โดยไม่ลืมนำหลักฐานไปยืนยันความบริสุทธิ์ ว่าผลิตภัณฑ์ทุกตัวของบริษัทเบอร์ยาน็อฟสกี้กรุ๊ปได้มาตรฐานและมีการรับรองที่เป็นสากล ซึ่งทางตำรวจก็ยังไม่ได้ดำเนินคดีใดๆ ทั้งสิ้น เพราะจะต้องมีการสืบพยานและหลักฐานเพิ่มเติมอีกมาก
เวลาเจ็ดโมงเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์ เจ้าของร่างเพรียวระหงก้าวยาวๆ ออกมาจากรั้วบ้านเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในแถบชานเมืองไมอามี หลังจากเอานมและขนมมาบริจาค ท่ามกลางบรรยากาศค่อนข้างหนาวเหน็บ เพราะมีฝนตกปรอยๆ มาตั้งแต่ตอนตีสี่ ทั้งที่รัฐฟลอริดาเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘ซันไชน์สเตต’ เพราะมีสภาพภูมิอากาศอบอุ่นสบายตลอดปี แต่ช่วงนี้ฝนดันมาตกได้ทั้งวันจนน่าเบื่อหน่ายเสียนี่กระไร
อารดา วิสเลอร์ สาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน วัยเบญจเพศ ทนายความสาวผู้เลื่องชื่อ และมากความสามารถ แถมยังใจบุญ ชอบช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่าจนได้ฉายาว่า ‘ทนายความเทวดา’ ซึ่งซุกซ่อนความสวยสะพรั่งดั่งดอกไม้แรกแย้มเอาไว้ภายใต้เสื้อผ้าแสนเชยตกยุคและแว่นตาหนาเตอะ แต่ถ้ามีใครมาชมว่าสวยแบบซึ่งๆ หน้าสาวเจ้าก็มักจะหัวเราะและยิ้มแห้งๆ แก้เก้อ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายพูดประจบเอาใจหรือไม่ก็สายตาคงเพี้ยนไปอะไรทำนองนั้น
ร่างอรชรอ้อนแอ้นผ่อนฝีเท้าและมาหยุดลงข้างจักรยานสีเขียวน่ารัก ปลดกระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาลใบเล็กกะทัดรัดออกจากหัวไหล่กลมกลึง ก่อนจะค่อยๆ หย่อนมันใส่ตะกร้าหน้ารถ หันไปหยิบร่มสีฟ้าสดใสซึ่งห้อยอยู่ตรงแฮนด์จักรยานมากาง จากนั้นก็ก้าวขาขึ้นไปนั่งบนเบาะ
“ฝนจ๋าจะตกทำไมนักหนาเนี่ย” เสียงหวานบ่นกระปอดกระแปดมาตลอดทาง ขณะถีบจักรยานไปข้างหน้าและถือร่มกันฝนในเวลาเดียวกัน
“เฮ้อ…รู้อย่างนี้เอา ‘น้องเขียวสะอื้น’ มาก็ดี” หลังจากถอนหายใจออกมาอย่างยาวเหยียดด้วยความเซ็งจับจิต สมองน้อยๆ ของอารดาก็เริ่มคิดถึงรถโฟล์คสวาเกนสีเขียว ที่บิดาผู้ล่วงลับไปแล้วได้ซื้อให้เมื่อเจ็ดปีก่อน มันเป็นสมบัติที่ท่านทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า และด้วยความที่ทั้งรักทั้งหวงดั่งแก้วตาดวงใจเธอจึงไม่ยอมขายหรือซื้อรถคันใหม่มาใช้ ฉะนั้นพอเสียแต่ละทีก็ต้องเอาเข้าอู่ซ่อมนานนับเดือน เพราะสตาร์ตติดยาก กว่าจะติดได้ก็ต้องชักกระตุกแล้วชักกระตุกอีก กิริยาคล้ายคนกำลังสะอื้นไห้จนตัวโยน เธอจึงตั้งชื่อให้มันว่า ‘น้องเขียวสะอื้น’
บรืน!!!