“ซี้ดด ไอริน ผมแตกใส่ปากคุณได้หรือเปล่า”
ต้องถามด้วยเหรอ
ไอรินไม่คิดว่ามันจำเป็น เพราะเธอกำลังทำหน้าที่ พลชเป็นเจ้านาย เขาสามารถทำอะไรกับเธอก็ได้อยู่แล้ว
“ถ้าคุณให้ผมเสร็จในปากได้ ผมจะจ่ายให้คุณสองแสน”
ถ้าน้ำเสียงของพลชเต็มไปด้วยความดูถูก ไอรินคงลุกขึ้นด่ากราดไปแล้ว ถึงเธอจะชอบเงินและอยากได้เงินแค่ไหน แต่เธอก็มีศักดิ์ศรี เธอขายร่างกาย ไม่ได้ขายความเป็นคนให้ใครมาดูถูกตามใจชอบ
แต่เขาไม่ได้ใช้น้ำเสียงในเชิงเหยียดหยามดูแคลนเธอเลย ติดไปทางอ้อนวอนด้วยซ้ำ
“ผมแค่อยากตอบแทนคุณ มันคือโบนัสเพราะคุณทำให้ผมถูกใจ อย่าคิดว่าผมดูถูกคุณเลย”
ไอรินเชื่ออย่างหมดใจว่าพลชหมายความว่าแบบนั้นจริง ๆ คนที่อยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหารแบบเขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอธิบายเพิ่มแบบนี้ด้วยซ้ำ จะเป็นเหมือนเจ้านายทั่วไปที่ใช้อำนาจจิกหัวใช้งานลูกน้องก็ได้ แต่พลชไม่ทำ
ไอรินเจอแต่เจ้านายแบบนั้นมาตลอด พอได้มาเจอพลชมันทำเธอรู้สึกดี ดวงตาคู่สวยจึงฉายแววมุ่งมั่น ตั้งใจจะทำให้บอสพอใจมากเท่าที่จะทำได้
“ซี้ดดด!!”
พลชเสียววูบไปทั่วหน้าท้อง จู่ ๆ ไอรินที่นิ่งไปสักพักก็ดูดดึงความแข็งขืนเหมือนคนหิวกระหาย แก้มทั้งสองข้างเดี๋ยวป่องออก เดี๋ยวตอบลง หลายครั้งที่กระเพื่อมไหวเมื่อถูกส่วนปลายกระทุ้งเข้ากระพุ้งแก้มทั้งซ้ายขวา
“อาา”
ความแข็งขืนถูกเคลือบด้วยน้ำหวานวาวใส ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกัน ไอรินผงกหัวขึ้นลง ดูดกลืนความใหญ่เร็วรัวเหมือนลืมไปแล้วว่านี่คือครั้งแรกของตัวเอง
“อา ไอริน”
ใบหน้าซีอีโอหนุ่มแดงก่ำ เหงื่อกาฬไหลซึมข้างขมับทั้ง ๆ ที่แอร์ในห้องเย็นถึงสิบเก้าองศา น้ำหวานจากโพรงปากที่เอ่อล้นหยดเปื้อนกางเกงสแลคเนื้อดีเป็นดวง ๆ แต่ใครจะสนใจ
“ดีมาก อืม ไอริน ผมจะแตกแล้ว” พลชไม่สามารถทนความเสียวซ่านได้อีกต่อไป เขากระซิบบอกเลขาสาวเสียงกระเส่า
ไอรินทั้งอมและดูดเป็นจังหวะถี่กระชั้น ตั้งใจส่งให้บอสไปถึงฝั่งฝันอย่างสวยงาม มือนุ่มกอบกุมส่วนที่ปากรับไม่ไหวไว้แล้วชักรูดเป็นจังหวะเดียวกัน
“อา ไอริน”
“อึก”
“ใกล้แล้ว”
อีกนิด
พลชเกร็งสะโพก เส้นผมนุ่มถูกกำแรงขึ้น
อีกนิดเดียว เขากำลังจะ..
ก๊อก ก๊อก
“โอ้ย!”
ไอรินตกใจเสียงเคาะประตูแล้วเผลอลงฟันกับท่อนเนื้อคับพองในโพรงปาก เธอตกใจและพยายามจะละริมฝีปากออก แต่พลชกลับกดศีรษะเธอไว้อย่างนั้น แล้วหันไปคุยกับคนที่ขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ใคร!”
“บอสครับ มื้อเที่ยงมาแล้วนะครับ” เป็นเสียงของวิลล์ พลชคำนวนในหัวทันทีว่าจะหักเงินเดือนคนสนิทเท่าไหร่ดี ข้อหาโผล่หน้ามาไม่ดูเวล่ำเวลา
“ไม่กิน”
“ครับ?”
“บอกว่าไม่กิน ฉันไม่หิว”
“แล้วคุณไอรินอยู่ในห้องไหมครับ ผมว่าจะชวนเธอไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน มาทำงานวันแรกคงยังไม่รู้ว่าต้องไปทานที่ไหน”
“ไอรินเหรอ” พลชก้มมองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นตรงหน้า มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อดวงหน้าสวยส่ายไปมาแรง ๆ
‘อย่านะคะบอส อย่าบอกใครนะว่ารินอยู่ในนี้’
ถึงทั้งวิลล์และไมค์จะรู้ว่าเธอทำหน้าที่อะไรบ้าง แต่การที่เข้ามาทำหน้าที่ในห้องทำงานตั้งแต่วันแรกมันก็น่าอับอายอยู่ดี
“ครับ ผมไม่เจอเธอเลยหลังจากประชุมเสร็จ ไม่รู้ว่าหายไปไหน เธออยู่ในห้องบอสหรือเปล่าครับ”
“ไอรินอยู่...”
“อื้อ อื้อ” ไอรินร้องประท้วงเสียงอู้อี้ พลชสบตาคู่นั้นแล้วยกยิ้มบาง
“ไอรินไม่ได้อยู่ในนี้หรอก แต่เธอกินมื้อเที่ยงไปแล้ว”
“ทานอะไรครับ”
“เห็นว่ากินไส้กรอก” พลชตอบเสียงเรียบ แต่แววตาเต็มไปด้วยความขบขันเพราะไอรินส่งสายตาขุ่นมัวมาให้ “อันใหญ่เชียวล่ะ เธอคงอิ่มแล้วออกไปเดินย่อยที่ไหนซักที่ พวกนายไปจัดการมื้อเที่ยงกันเถอะ ไม่ต้องรีบ วันนี้พักสักชั่วโมงครึ่งแล้วกัน”
“ขอบคุณครับบอส”
เสียงฝีเท้าดังห่างออกไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดเงียบหายไป พลชขมวดคิ้วน้อย ๆ ตอนที่ทำห้องนี้เขาตั้งใจไม่ให้เป็นห้องเก็บเสียงเพราะไม่จำเป็น เขาไม่คุยงานสำคัญในห้องนี้ แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนความคิดแล้ว พรุ่งนี้จะให้คนมาทำห้องทำงานให้ใหม่ เอาแบบที่เก็บเสียงได้ดีที่สุด เผื่อว่าอนาคตห้องนี้จะถูกใช้ทำอย่างอื่นนอกจากทำงาน
“ทานมื้อเที่ยงของคุณต่อสิไอริน”
พลชยังไม่หยุดกลั่นแกล้งเลขาคนสวยจนเธอเผลอส่งค้อนให้ ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ เขาค้นพบว่าไอรินเวลาที่ต่อต้านบ้าง ดื้อรั้นเอาแต่ใจบ้าง น่าสนใจกว่าไอรินที่เอาแต่ตามใจไม่มีปากเสียงเป็นไหน ๆ
“กินให้อิ่มนะไอริน แต่อย่ามูมมามนักล่ะ ผมกลัวว่าคุณจะไม่ได้ใช้งานมันจริง ๆ มันไม่ได้มีดีแค่รสชาติหรอกนะ”
ร้ายกาจ
ไอรินถอนคำยกยอปอปั้นก่อนหน้าคืนอย่างรวดเร็ว บอสเอาใจใส่ลูกน้องก็จริง แต่เขาแกล้งเธอ! เธอหัวใจจะวายอยู่แล้วตอนที่เขาทำเหมือนจะบอกวิลล์ว่าเลขาหน้าห้องที่หายไปเข้ามาอยู่ในนี้
ไว้ใจไม่ได้เลยจริง ๆ
ไอรินเลิกมองตาคู่นั้นแล้วกลับมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ แน่นอนว่าถึงจะหมั่นไส้บอสอยู่หน่อย ๆ แต่เธอก็ตั้งใจปรนเปรอให้เขาเป็นอย่างดี กลีบปากนุ่มนิ่มรูดเข้ารูดออกเป็นจังหวะ เส้นผมยาวสวยสยายเต็มแผ่นหลังเมื่อเธอขยับเร็วขึ้นและบอสไม่ได้จับรวบมันอีกต่อไป
“อาา”
ผ่านไปไม่นานไอรินได้ยินเสียงหอบหายใจหนัก ๆ สิ่งที่อยู่ในปากขยายใหญ่กว่าเดิม พลชใช้มือกดศรีษะเธอค้างไว้ ก่อนจะฉีดพ่นลาวาร้อนระอุเข้ามาในโพรงปากของเธอ
“แค่ก!”
ไอรินถอนปากออกพร้อมไอโครกจนหน้าดำหน้าแดง เธอไม่ได้เตรียมใจว่ามันจะเยอะขนาดนี้ บางส่วนถูกกลืนลงคอไป แต่ส่วนมากไหลเลอะออกมาข้างนอก หญิงสาวใช้หลังมือเช็ดคราบขาวขุ่นที่เลอะตามมุมปาก ก้มมองชุดทำงานของตัวเองที่เลอะคราบกามของบอสเป็นดวง ๆ แล้วถอนหายใจ
“บอสคะ”
“ไอริน”
สองเสียงดังขึ้นประสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ตามมารยาทไอรินให้เจ้านายเป็นฝ่ายพูดก่อน แต่พลชยังไม่ได้รีบพูดในตอนนั้น เขาเก็บท่อนเนื้อที่ยังแข็งขืนแม้จะปลดปล่อยไปแล้วเข้ากางเกง เอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดมุมปากและอกเสื้อที่เปื้อนให้เลขาอย่างเชื่องช้า
“ผมแทบจะรอไม่ไหวแล้วไอริน”
“คะ” ไอรินช้อนตาขึ้นมองด้วยความงุนงง “บอสหมายถึงอะไรคะ”
“ผมอยากรอนานกว่านี้ อยากให้เวลาคุณอย่างที่เคยบอก แต่คุณทำให้ผมรอไม่ไหว”
“บอส”
พูดมาถึงตรงนี้เลขาสาวรู้ทันทีว่าพลชรออะไรไม่ไหว ไอรินก้มหน้างุดหลบตา เมื่อคืนเขาเพิ่งบอกว่าจะให้เวลาจนกว่าเธอจะพร้อม แต่วันนี้กลับบอกว่าไม่ไหว
“คุณพร้อมหรือยัง” คำถามสั้น ๆ ออกมาจากริมฝีปากหยักลึกที่ขยับอย่างเชื่องช้า “พร้อมจะเป็นของผมหรือยัง”
ไอรินเงียบไปนานหลายอึดใจ เธอถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าพร้อมแค่ไหนถ้าต้องทำหน้าที่เต็มรูปแบบเร็วกว่าที่คิด แต่เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วก็พบว่าไม่ว่าจะตอนไหนมันก็เหมือนกัน เธอไม่ใช่เลขาหน้าห้องปกติทั่วไป แต่ต้องทำหน้าที่บนเตียงด้วย จะช้าหรือเร็วก็ต้องทำอยู่ดี
“พร้อมค่ะ”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจค่ะ รินพร้อมเป็นของบอสทุกเมื่อที่บอสต้องการ”
“ถ้าอย่างนั้น.. คืนนี้”
“ค่ะ”
พลชระบายยิ้มพึงพอใจ เขาช่วยพยุงร่างบอบบางขึ้นยืน แต่เพราะไอรินนั่งทับขาตัวเองเป็นเวลานานจึงยืนไม่ไหว ร่างอรชรเซล้มทันทีเพราะทรงตัวไม่อยู่ และไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย เพราะไอรินล้มใส่ตักกว้างพอดิบพอดี
เลขาสาวนั่งตักเจ้านายหนุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ สองแขนรีบคว้าต้นคออีกฝ่ายไว้เพราะกลัวหล่น ดวงตาเบิกกว้างแทบถลนออกมา เพราะใบหน้าทั้งสองใกล้ชิดกันจนปลายจมูกรั้นแตะเข้าที่แก้มพลชเบา ๆ
“อ๊ะ!”
ไอรินสะดุ้งแล้วรีบขยับลุกยืน แต่เพราะขายังเป็นเหน็บจึงล้มลงที่เดิมอีกครั้ง และครั้งนี้จมูกโด่งเป็นฝ่ายฝังลงบนแก้มของเธอแทน
ฟอด
รอบนี้ไม่ใช่แค่การสัมผัสแบบเบา ๆ อีกต่อไป แต่มันฝังแน่นจนแก้มนุ่มบุ๋มลง จมูกโด่งจมหายเข้าไปในแก้มเธอเกือบครึ่ง และไอรินได้ยินเสียงฟอดดังออกมา
บอสหอมแก้มเธอ!
ไอรินเคยขำพระเอกนางเอกในละครที่ล้มใส่กันแล้วจูบหรือหอมแก้มกันว่ามันช่างไม่สมจริงเอาซะเลย มีที่ไหนล้มใส่กันแล้วโรแมนติกขนาดนั้น มีแต่จะเจ็บตัวมากกว่า แต่พอเจอเข้ากับตัวเองไอรินก็ขำไม่ออก
ให้ล้มแล้วเจ็บตัวยังดีซะกว่า อย่างน้อย ๆ ความเจ็บก็อาจจะทำให้หัวใจเต้นเบาลง ไม่ใช่ดังตึกตักลั่นห้องแบบนี้
“ขะ ขอโทษค่ะบอส”
ไอรินได้สติก่อน เธอรีบดึงใบหน้าออกห่างจากลมหายใจอุ่น ทำท่าจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“อย่าเพิ่งลุก ถ้าไม่อยากล้มลงมาอีก”
“รินขอโทษค่ะ รินไม่ได้ตั้งใจ”
“อืม”
พลชตอบกลับสั้น ๆ เขาเองก็พูดอะไรไม่ถูกเหมือนกัน เรื่องที่เกิดขึ้นมันอยู่เหนือการควบคุม ปกติแล้วเขาจะไม่กอด หอม หรือจูบกับผู้หญิงที่ไม่ใช่คนรัก ไม่มีความจำเป็นต้องผูกพันกับคนที่เป็นคู่นอน
แต่เขากลับไม่ได้หงุดหงิดกับอุบัติเหตุเมื่อครู่เท่าที่คิด แถมยังเผลอสูดลมหายใจเข้าไปเต็ม ๆ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ยังลอยวนอยู่ที่ปลายจมูกด้วยซ้ำ บางที.. แค่หอมแก้มมันอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิด ก็แค่หอมแก้ม มันไม่ได้ทำให้คนเราผูกพันกันได้ง่ายขนาดนั้นหรอก
คิดแบบเข้าข้างตัวเองเสร็จพลชก็ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ดวงหน้านวล เขาอยากพิสูจน์กลิ่นหอม ๆ นั้นว่ามันมาจากอะไรกันแน่ เครื่องสำอางสมัยนี้หอมขนาดนี้เลยเหรอ จมูกโด่งเป็นสันไล้ไปตามแก้มนุ่มอย่างเชื่องช้าและแผ่วเบา สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ เข้าปอดลึกครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่ไอรินนั่งเกร็งไม่กล้าขยับหนี ได้แต่ปล่อยให้บอสลวนลามแก้มตัวเองแบบนั้นเรื่อย ๆ
“อืม อยากกินซาลาเปา”
“บะ บอสหิวเหรอคะ งั้นรินไปสั่งมื้อเที่ยงให้ดีกว่า”
พอเจอทางหนีไอรินก็รีบคว้าไว้ทันที ร่างบางลุกขึ้นจากตักแกร่งโดยที่พลชไม่ได้รั้งไว้ โชคดีที่ขาหายเจ็บแล้ว ไอรินรีบเดินเร็ว ๆ ออกจากห้องไปพร้อมใบหน้าที่ร้อนผ่าว
พลชมองตามเลขาคนสวยจนลับสายตา มุมปากยกยิ้มขึ้นน้อย ๆ โดยไม่รู้ตัว เขาถูกใจไอรินมากจริง ๆ