ร่างบางบนเตียงดวงตาปิดสนิทแต่ร่างกายยังกระสับกระส่าย เหงื่อเม็ดเล็กๆซึมที่หน้าผากราวกับคนกำลังฝันร้าย เธอคงจมดิ่งอยู่ความฝันซ้ำซากเหมือนทุกครั้ง แต่วันนี้เสียงร้องจ้าของเจ้าตัวเล็กช่วยปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากนิทรา
“แม่มาแล้วค่ะ แม่มาแล้ว”
ญาณิศาลุกจากที่นอนอย่างอัตโนมัติตรงไปที่เตียงเด็กสองแขนโอบอุ้มร่างอวบกลมป้อมที่กำลังหลับหูหลับตาดีดดิ้น ปากเล็กสีชมพูอ้ากว้างเปล่งเสียงร้องไห้จ้า
“โอ๋ๆ แม่ขอโทษ ขอโทษนะจ้ะ”หญิงสาวโอบร่างของลูกสาววัยขวบครึ่งไว้แนบอก มือบางลูบศีรษะกลมทุยปลอบประโลมลูกน้อย ปกติลูกสาวของเธอเป็นเด็กอารมณ์ดี แต่หากเวลาเจ็บป่วยหรือถูกขัดใจก็มักจะแผดเสียงออกฤทธิ์ออกเดชเหมือนอย่างที่เห็น
มือบางยกขึ้นสัมผัสที่หน้าผากเล็กเป็นอันดับแรกจากนั้นจึงเลื่อนมาที่ต้นคอของคนที่กำลังดีดดิ้นอย่างเอาแต่ใจ ร่างกายที่มีอุณหภูมิสูงกว่าควรจะเป็นทำให้รู้ว่าลูกสาวของเธอกำลังเป็นไข้ เพราะเมื่อกลางวันแม่หนูเพิ่งได้วัคซีนตามนัด แม้ตอนเย็นเธอจะให้ยาลดไข้ไปแล้วแต่สิ่งที่กังวลก็เกิดขึ้น
สาเหตุที่ลูกตัวหนูน้อยในวัยกำลังน่ารักตื่นมาโยเยกลางดึกเพราะเป็นไข้ เด็กน้อยคงตื่นขึ้นนานแล้วแต่เพราะความเหนื่อยล้าของมารดาทำให้หญิงสาวหลับลึก อีกทั้งมัวจมอยู่กับฝันร้ายจนทำให้ไม่ได้ยินเสียงร้อง ลูกน้อยคงส่งเสียงเรียกมารดาอยู่นานจนทำให้หงุดหงิดบวกกับไม่สบายตัว เด็กหญิงญารินถึงได้แผงฤทธิ์อย่างที่เห็น
ร่างกลมป้อมในวงแขนกำลังเกร็งตัวขาป้อมปัดไปมา มือเล็กทั้งสองข้างกำแน่นดวงตากลมแป๋วในยามปกติมีหยดน้ำตาไหลอาบจนแก้มทั้งสองข้างจนเปียกชุ่ม ปากจิ๋มลิ้มอ้ากว้างพร้อมกับส่งเสียงร้องจ้าจนหูของญาณิศาอื้ออึง
“โอ๋…โอ๋ นิ่งนะคนเด็กเก่ง เด็กดีของแม่ ร้องเสียงดังเดี๋ยวหนูจะเจ็บคอเอานะคะ”
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะหันไปหาอุปกรณ์สำหรับเช็ดตัวลดไข้ให้ลูก เสียงเปิดประตูพร้อมกับร่างท้วมของหญิงวัยชราก็มาพร้อมกะละมังที่มีผ้าขนหนูผืนเล็ก
“ไข้ขึ้นล่ะสิ”
‘สายหยุด’ หรือที่คนแถวนี่เรียกว่า ‘ป้าผาด’วางของในมือลงบนเตียงก่อนจะเข้าไปช่วยรับร่างอวบในวงแขนของนายสาว
“คนดีของยายเงียบนะคะ”หญิงชราอุ้มเด็กหญิงมาวางบนเตียงขณะที่มารดาก็ตามมาถอดเสื้อผ้าออกจากคนตัวเล็ก
“แม่จะเช็ดตัวให้หนู พอไข้ลงแล้วหนูก็จะหลับสบาย”
ร่างเล็กที่ยังส่งเสียงร้องถูกจับวางลงบนที่นอน มือบางของคุณแม่ยังสาวใช้ผ้าขนหนูที่เปียกหมาดเช็ดตัวให้ลูกน้อย ปากก็พร่ำปลอบหลอกล่อจนเด็กน้อยที่ออกฤทธิ์มานาน เริ่มผ่อนกำลังลงจนปากแดงหยุดเปล่งเสียงร้องไห้ เปลี่ยนเป็นส่งเสียงอืออาคล้ายกับกำลังคุยหรือไม่ก็กำลังต่อว่าผู้เป็นมารดา
“สบายตัวแล้วสิ คุยจ้อเชียว”สายหยุดที่ในมือมีของเล่นชิ้นโปรดมาหลอกล่อพูดขึ้นด้วยความรู้สึกทั้งเอ็นดูและมันเขี้ยว ยายหนูตัวน้อยของนางเวลาอารมณ์ดีก็แสนน่ารักน่าเอ็นดู แต่เวลาเกเรขึ้นมาล่ะก็แม้แต่ช้างก็ฉุดเอาไว้ไม่อยู่เชียว
“ไข้ลดแล้วค่ะ”ญาณิศายกปรอทวัดไข้ออกจากรักแร้ของลูกจากนั้นก็ป้อนยาลดไข้เมื่อเห็นว่าครบเวลา ลูกสาวของเธอแม้ยังโยเยแต่ก็ยอมกลืนยาไปอย่างง่ายดาย หญิงสาวจึงมีรางวัลสำหรับคนเก่งเป็นนมอุ่นขวดใหญ่
หลังจากนมแปดออนซ์หมดลงร่างกลมอวบในอ้อมแขนก็ค่อยๆปรือตาและหลับสนิท หญิงสาวจึงอุ้มลูกไปวางที่เตียงเด็กห่มผ้าบางๆให้ร่างจ้อย
“หมดฤทธิ์ซะที”สายหยุดผ่อนลมหายใจลงอย่างโล่งอก แต่ยังไม่ลืมหันไปถามคนที่เธอเลี้ยงมากับมืออีกคน
“หนูจอมไม่สบายหรือเปล่า ป้าเห็นหน้าเหมือนจะซีดไปนิดหนึ่ง”
“จอมไม่เป็นอะไร คงจะเหนื่อยแล้วก็ตกใจเสียงยายหนู ป้าไปนอนเถอะค่ะ”
“แน่ใจนะนมอุ่นๆสักแก้วดีไหม ป้าจะเอามาให้”
“ป้าไปนอนเถอะ เดี๋ยวจอมลงไปจัดการเอง ”นาฬิกาข้างผนังบอกเวลาเกือบตีสอง หญิงสาวจึงไม่อยากให้คนแก่อย่างสายหยุดหรือผาดที่คนในละแวกนั้นต่างเข้าใจว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ต้องมาอดหลับอดนอนไปด้วยอีกคน ก็เห็นอยู่ว่านางแอบหาว
“เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่มีอะไรก็เรียกป้าได้นะ”ได้ยินแบบนั้นสายหยุดก็เบาใจแม้จะห่วงกลัวว่าหญิงสาวอาจเจ็บป่วยแต่ก็เดินออกไปพร้อมกับปิดประตู
ญาณิศายังคงนั่งอยู่ข้างเตียงของลูก มือบางยกขึ้นสัมผัสที่หน้าผากเพื่อวัดความร้อนของร่างกาย เจ้าตัวน้อยของเธอไข้ลดลงมาก จึงทำให้หลับได้ทันทีที่นมหมดขวดแต่ก็มีผวาจนหญิงสาวต้องวางมือลงบนหน้าอกพร้อมกับฮัมเพลงเบาๆในคอเพื่อขับกล่อม
เมื่อเห็นว่าคนตัวอวบหลับสนิทหญิงสาวจึงลูบไปที่แขนเล็กลงมาถึงมืออวบอูมของลูก นิ้วเรียวของเธอพันเกี่ยวกับนิ้วเล็กของหนูน้อยก่อนจะยกมือนั้นขึ้นมาจูบที่ฝ่ามืออย่างแสนรัก