ตอนที่ 6 / 1

1723 คำ
ในขณะที่มัวแต่ตะลึงอยู่กับสิ่งที่สายตาเห็นเข้า อรุษจึงไม่ได้ยินว่าเธอตอบอะไรเขากลับมา กว่าจะรู้หญิงสาวตรงหน้าก็ทำท่าจะเดินผ่านตัวเขาไปแล้ว                                                           อรุษจึงรีบหันกลับ เอื้อมมือไปกระชากที่ต้นแขนข้างหนึ่งของเธอกลับมาทันที "อ๊ะ! "                                                        ปวริศาตกใจ ไม่คาดคิดว่าเขาจะทำถึงขนาดนี้ หญิงสาวอยากจะกรีดร้องโวยวายขึ้นมา ก็กลัวว่าคนจะพากันวิ่งตามเสียงนี้มา ทั้งนักข่าวเอย แฟนคลับเอย และคนอื่น ๆ อีก เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาเปล่า ๆ                                               "ปล่อย!" เธอว่าขณะกระชากแขนข้างนั้นกลับ พลางถลึงตาใส่เขาด้วยความโกรธ แต่แล้วร่างสูงตรงหน้าก็ไม่ได้สนใจกับท่าทางเอาเรื่องของเธอเลย ดวงตาเขาคล้ายมองเธออย่างค้นคว้า ค้นหาประมาณนั้น อีกทั้งสีหน้าก็มีอาการครุ่นคิดหนัก แต่จะครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องอะไร เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน...                    ชายหนุ่มขยับเท้าเข้ามาหาเธอหนึ่งก้าว เธอก็รีบถอยหนีเขาหนึ่งก้าวเช่นกัน พลางเปล่งเสียงดุ "อย่าเข้ามานะ!"                    อรุษเริ่มรู้สึกตัวแล้ว หลังจากที่เขาเหมือนจะสูญเสียการควบคุมตัวเองขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง อยากจะพูด อยากจะถามอะไรเธอสักอย่าง แต่เขาก็จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดตรงไหนดี                                                                          ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของพระเอกหนุ่ม ได้สร้างความงุนงงให้กับหญิงสาวเหมือนกัน ก่อนหน้า เขายังมองเธอตาขุ่น พร้อมกับทำท่ามุ่งหมายจะเอาคำตอบจากเธอให้ได้ ว่าเธอว่าอะไรเขาในวันนั้น ก็แค่…เธอชมว่าตาตุ่มเขาเนียนแค่นี้เนี่ยนะ เขาไม่ยอมลดราวาศอกลงเลย...เกินไปหน่อยล่ะมั้ง ใช่ แม้เขาจะหล่อเหลา หน้าตาดีสมดีกรีพระเอกดังแห่งยุค แต่จู่ ๆ มาทำท่าคุกคามกันอย่างนี้ เธอก็ไม่ยอมหรอก!       "อย่าเข้ามานะคุณ! ไม่อย่างนั้น ฉันจะกรี๊ดเสียงดังแน่" เธอขู่ออกไปก่อน และขณะนั้นเอง...                                          "พี่รุษ!" เสียงเรียกของหญิงสาวอีกคนดังขึ้น แล้วนางเอกสาวสวยหน้าหมวยนี่เอง เธออยู่ในชุดเอี๊ยมยีนส์กับเสื้อยืดสีขาว ผมยาวถักเปียทั้งสองข้าง บัดนี้ แม่นางเอกหน้าหมวย ก็เข้ามายืนคั่นกลางระหว่างหญิงสาวคนหนึ่งและอรุษเอาไว้ พลางมองผู้หญิงคนนี้อย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะหันไปบอกพระเอกหนุ่มอีกว่า "มาทำอะไรตรงนี้คะ เมื่อกี้พี่นิดยังถามหาอยู่เลย ไปค่ะ ไปกับน้ำฝนเดี๋ยวนี้ เพราะเราต้องไปยืนคู่กันตรงหน้าแบ็คดรอปเพื่อให้นักข่าวถ่ายรูปและสัมภาษณ์พระเอกกับนางเอกคู่กันต่อ"                  ว่าแล้วก็ถือวิสาสะเข้าไปคล้องต้นแขนของพระเอกหนุ่มอย่างใกล้ชิดสนิทสนม พลางออกแรงดึงตาม และยามจะเดินผ่านหญิงสาวอีกคนไป แม่นางเอกหน้ากากี่นั้งก็ไม่วายที่จะหันมายิ้มเหยียดใส่อีกเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า "อ้อ นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็ป้าคนนั้นนี่เอง!"                                                                             แล้วก็ออกแรงลากอรุษให้เดินจากไป ทั้ง ๆ ที่พระเอกหนุ่มสุดหล่อ ยังคงเหลียวกลับมามองหญิงสาวอีกคนด้วยสายตาแปลก ๆ จนลับตาเลยทีเดียว...    นางอุษากำลังนั่งพับผ้าของลูกค้า ที่ผ่านการซักรีดมาอย่างดีลงกับห่อผ้า ก่อนจะนำไปใส่รถซาเล้ง เพื่อตระเวนส่งให้แต่ละที่ต่อไป ขณะที่มัวแต่ทำงานอยู่เพลิน ๆ นั้น นางจึงไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถเก๋งคันกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่ง ที่ขับเข้ามาจอดอยู่ภายในบ้าน กระทั่งเจ้าของรถเก๋งคันดังกล่าวมาถึงตัว แล้วจึงส่งเรียกขึ้นมา                                                              "แม่"                                                                             นางอุษาหันไป ก่อนจะยิ้มรับ "อ้าว ศา"                               ปวริศาทรุดลงนั่งใกล้ผู้เป็นแม่ จากนั้นสายตาก็ได้เห็นถุงบางอย่างที่มีโลโก้อันคุ้นตาติดอยู่ "แล้วนั่นอะไรแม่"                          "ขนมหม้อแกง"                                                              "เจ้ศรี...มาใช่มั้ย"                                                             "มา ส่งชุดมาให้ซักรีด แล้วก็เอาขนมมาให้ นี่ก็ถามหาศาด้วยนะ"       'เจ้ศรี' ที่ปวริศาหมายถึง ก็คือสาวประเภทสองที่เป็นลูกค้าเจ้าประจำของแม่ เมื่อก่อนได้เปิดร้านคาราโอเกะอยู่ในซอยนี้ จึงมักจะส่งเสื้อผ้ามาให้แม่เธอซักรีดประจำ พอร้านคาราโอเกะเป็นไปด้วยดีและอยู่ตัวแล้ว ก็หาที่ทางเปิดร้านอาหารกึ่งผับแถวพัทยาอีกที่ ดังนั้น เจ้ศรีจึงต้องวิ่งไปมาอยู่ระหว่างพัทยาและกรุงเทพฯ แต่ก็ยังแวะเวียนมาหาเธอและแม่อยู่เสมอ              "แล้วนี่ แวะมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า"                         "ก็จะแวะมาบอกแม่ว่า กองถ่ายเริ่มเปิดกล้องถ่ายละครแล้ว ศาจะแวะมาหาพ่อและแม่น้อยลงแล้วนะ งานกองถ่ายเริ่มตั้งแต่เช้ามืด กลับดึก"                                                            "อื่ม แม่ก็รู้อยู่แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องแรกสักหน่อย แล้วนั่นของอะไรอยู่ในรถเยอะแยะเต็มไปหมด" คนเป็นแม่ถามขึ้น เมื่อเห็นข้าวของมากมายที่อยู่ภายในรถเก๋งของลูกสาว                                  "ก็เสื้อผ้าที่ลูกค้าสั่งออนไลน์ เดี๋ยวคืนนี้ศาจะนั่งแพ็กแล้วทยอยส่งพรุ่งนี้ต่อไป"                                                                 "ศาจะมีเวลานอนเหรอ แล้วไหนจะต้องหาเวลาไปส่งของอีก"                                                                                   "มีแหละ กองถ่ายแม้จะยุ่ง ๆ แต่ก็มีช่วงเบรก ช่วงซิล ๆ อยู่ กะว่าพรุ่งนี้จะแวบออกไปส่งของที่ไปรษณีย์แถว ๆ นั้น"                "ทำทีละสองอย่างไม่เหนื่อยเหรอ วิ่งรับงานนั้นงานนี้" คนเป็นแม่ถามอย่างเป็นห่วง กลัวว่าลูกสาวจะทำไม่ไหว แล้วล้มป่วยลงสักวันหนึ่ง                                                                                   "เหนื่อยแต่ได้เงินเยอะ ก็ดีนะแม่ ศากะเอาไว้ว่าจะให้มียอดเงินวิ่งอยู่ในบัญชีตลอด และพอมีเงินสักก้อน ก็จะลองทำเรื่องยื่นกู้ซื้อบ้านกับธนาคารดู เราจะได้ไม่ต้องเช่าเขาอยู่ตลอดไง"    "อื่ม ความคิดศาน่ะดีนะ แต่แม่ชอบบ้านหลังนี้แล้ว แม่ไม่อยากย้ายไปที่ไหนอีก อีกอย่างลูกค้าเจ้าประจำของแม่ก็มีหมดแล้ว ขี้เกียจไปเริ่มใหม่ ไปหาลูกค้าใหม่" นางอุษาว่า พลางเหลียวมองดูรอบ ๆ บ้านเช่าหลังนี้อย่างอาวร เพราะการเริ่มต้นใหม่ในแต่ละครั้งนั้นมีแต่เรื่องน่าเหน็ดเหนื่อย อีกอย่างการจะไปหาลูกค้าซักรีดอีกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ทุกวันนี้ก็อยู่ตัวอยู่แล้ว เนื่องจากแถวนี้มีจะทั้งหอพัก มีบ้านเช่าของคนทำงานเยอะแยะ ลูกค้าซักรีดจึงเยอะตาม                                                                       "งั้น ศาจะลองขอซื้อบ้านหลังนี้จากเจ้าของเขาดู ถ้าแม่ ขี้เกียจขนย้ายข้าวของและขี้เกียจไปหาลูกค้าใหม่ ดีมั้ย" เธอถามคนเป็นแม่อย่างเอาใจ                                                                    นางอุษาก็ได้แต่ยิ้มอย่างภูมิใจกับลูกสาว ที่มีความคิดดีด้วยหวังจะให้พ่อและแม่อยู่สุขสบายขึ้นในชีวิตบั้นปลาย แล้วนางอุษาจึงละมือจากเสื้อที่กำลังพับเก็บ วางมือข้างนั้นลูบที่ศีรษะลูกสาวคนเดียวอย่างเอ็นดู ก่อนจะนิ่วหน้า พลางว่าขึ้นอีก "ว่าแต่ แม่ว่า ถ้าศามีเงินแล้วไม่เดือดร้อน ก็ไปทำเพิ่มอีกสักหน่อยนะ..."  "ทำอะไรแม่? หรือให้ศาทำนอมอ..."                                    "ไม่ใช่ แม่หมายถึง แผลเป็นบนคิ้วเรานี่ ไปทำซะ อะไรนะ เลซงเลเซอร์ลบรอยแผลเป็น ใช่มั้ย ทำได้นี่"                            ปวริศาเกือบลืมแผลเป็นตรงหางคิ้วข้างนี้ หญิงสาวจึงใช้มือลูบดู ก่อนจะบอก "แต่ก็เล็กน้อยนะแม่ ถ้าไม่จ้องจริง ๆ จัง ๆ ก็ไม่เห็นหรอก อีกอย่างศาก็ใช้แป้งใช้ครีมทากลบได้อยู่แล้ว จะไปเสียเงินทำ ทำไมกัน"                                                                       "ศาเป็นคนสวย แม่ก็ไม่อยากให้มีตำหนิอะไรมาอยู่บนหน้าลูก"   หญิงสาวหัวเราะคิกขึ้นทีเดียว เพราะนาน ๆ แม่ถึงจะชมว่าเธอสวยสักที "สวยจริงเหรอแม่"     "อื่ม ถ้าแต่งเนื้อแต่งตัวมากกว่าเดิมหน่อย นี่เล่นใส่แต่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ คิ้วไม่เขียน หน้าไม่แต่ง เสียดายของ"                 "ก็ศาไม่มีเวลานี่ ถ้ามีเวลาจะลองแต่งหน้าทำผมแล้วเดินเข้ากองถ่ายดู เผื่อเตะตาผู้จัดและผู้กำกับเข้า เขาจะได้จับศามาเป็นนางเอกเล่นละครสักเรื่อง" ว่าแล้วก็หัวเราะคิกคักอีก                 ที่ปวริศาพูดเล่นอย่างนี้ เพราะเธอไม่รู้ตัวหรอกว่า ตัวเองเป็นคนหน้าตาสะสวยแค่ไหน เพียงแต่ชีวิตที่ผ่านมาหญิงสาวต้องคอยดิ้นรน ทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนตลอด เลยไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องความสวยความงามสักเท่าไหร่                                    "แล้วนี่พ่อล่ะ แม่"                                                           "เมา หลับอยู่"                                                               "เมาแล้วนอนที่บ้านก็ดี จะได้ไม่ต้องไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร" เธอว่าขณะหยิบขนมของฝากขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วหย่อนลงในปากของตัวเองตาม                                                       "เออ ว่าแต่ อรุษสุดหล่อของแม่ล่ะ ศาต้องเจอเขาที่กองถ่ายอีกใช่มั้ย"          "เจอสิแม่" ตอบขณะเคี้ยวขนมไปด้วย                                 "แล้วเขาว่าอะไรอีกมั้ย? "                                                 ปวริศารีบกลืนขนมที่มีรสชาติหวานเจี๊ยบนั้นลงคออย่างฝืด ๆ ยามที่ได้นึกถึงท่าทางเขาตอนนั้นขึ้นมาอีก ที่เขาดูเหมือนจะมีอะไรสักอย่างกับเธอ แต่ก็แน่ล่ะ ทั้งเรื่องรถ รางวัล สูท รวมไปถึงตาตุ่มคู่นั้น เขาก็ต้องมีอะไรในใจกับเธออยู่แล้ว                    "เปล่านี่แม่ เขาก็ดูปกติ ไม่ว่าอะไรเล้ย" ปวริศาโกหกทั้ง ๆ ที่ตอนที่ถูกเขากระชากแขนกลับ จิตใจของเธอมันได้หล่นไปถึงตาตุ่มเลยทีเดียว                                                                               "ก็ดีแล้ว จะทำให้ศาทำงานอยู่ในกองถ่ายได้อย่างราบรื่น"                                                                                        แล้วหญิงสาวก็หัวเราะแห้ง ๆ เหอะ ๆ ๆ กลบเกลื่อน ก่อนจะรีบหยิบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมายื่นให้แม่ลองชิมดูบ้าง เพื่อจะตัดบทสนทนาเรื่องพระเอกในดวงใจคนนั้นของแม่ไป...        
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม