ตอนที่ 3 / 1

1782 คำ
เมื่อคืนมันก็แค่ฝันร้าย...                                          ปวริศาที่หลับตาพริ้มคิดอย่างยิ้ม ๆ พร้อมกับสูดน้ำลายที่หยดอยู่ตรงมุมปากขึ้นอีกนิด ก่อนที่จะพลิกใบหน้าอีกด้านมาเกลือกเข้ากับหมอนใบใหญ่อีก เมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย ตอนนี้เธอกำลังนอนหลับอย่างเป็นสุขอยู่บนเตียงนอนที่อะพาร์ตเมนต์     เอ๊ะ อะพาร์ตเมนต์เหรอ! ปกติหมอนข้างของเธอจะเป็นรูปตุ๊กตาอุ๋ง ๆ หรือน้องแมวน้ำสีเทาอ่อน ที่มีลักษณะเนื้อตัวนุ่มนิ่ม ไม่แข็งกระด้างและเริ่มส่งกลิ่นตุ ๆ แบบนี้นี่!                        ว่าแล้วจึงลืมตาตื่นขึ้น มองสิ่งที่เธอคว้าเอากอดอยู่ในตอนนี้ มันเป็นหมอนข้างทรงปกติแถมเนื้อยังแข็งกระด้างอีก ปวริศาตื่นอย่างเต็มตาเพราะตกใจ ก่อนจะผุดลุกนั่งพร้อมกับเหลียวมองไปทั่ว ๆ ห้องจนพบว่า ที่เธอนอนอยู่ที่คือห้องนอนที่บ้าน ไม่ใช่ห้องที่อะพาร์ตเมนต์เหมือนเช่นทุกวัน และเหตุการณ์เมื่อคืนก็ไม่ใช่แค่ฝันร้ายด้วย แต่มันเป็นเรื่องจริง!                           หญิงสาวรีบคว้าเอามือถือขึ้นมาเปิดดูเวลา พบว่า...ตอนนี้ก็เกือบเจ็ดโมงเช้าแล้ว เช้านี้เธอมีนัดกับพี่เอมี่ คอสตูม อาร์ทติสชื่อดังที่เธอเป็นผู้ช่วยให้ แล้วทั้งสองจะต้องไปเสนองานต่อผู้จัดละครเรื่องหนึ่งพร้อมกับผู้กำกับด้วย                 อิ๊บอ๊าย! เผลอนอนกินบ้านกินเมืองไปนิดเดียว จึงทำให้ตื่นสายแบบนี้ กว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปที่อะพาร์ตเมนต์ เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็คงไม่ทันแน่ ไม่น่าเลย...เพราะเมื่อคืนมัวแต่นอนครุ่นคิดถึงแต่เรื่องของพ่อ และพระเอกสุดหล่อคนนั้น จึงทำให้เธอต้องมาตื่นสายแบบนี้                                               ปวริศาเหลียวมองประตูห้องอย่างชั่งใจ ถ้าจะให้เธอกลับไปที่อะพาร์ตเมนต์ก่อน คงไม่ทันแน่ ๆ ว่าแล้วจึงรีบตัดสินใจเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นี่ โชคดีที่มีเสื้อผ้าของเธอติดเอาไว้ที่บ้านอีกหลายชุด แล้วน้ำท่าก็ไม่ต้องอาบมันหรอก อาศัยล้างหน้าล้างตาแปรงฟัน แล้วอัดน้ำหอมให้หนัก ๆ ก็พอ!                                          "เอ้า ศา นั่นลูกจะรีบไปไหนแต่เช้า? "                           เสียงของแม่นี่เอง ที่เรียกเธอขณะที่กำลังวิ่งลงจากชั้นบนของบ้านลงมา หญิงสาวพุ่งไปยังมอเตอร์ไซค์ที่ขี่มาเมื่อคืน พลางหันกลับมาตอบ                                                                               "ไม่เช้าแล้วล่ะแม่ สายโด่งแล้ว ศามีนัดกับพี่เอมี่ต้องไปเสนองานเขา"     "ไม่กินข้าวก่อนล่ะ แม่ซื้อข้าวมันไก่เจ้าประจำที่ตลาดมาไว้ให้แล้ว"      "ไม่ทันแล้วแม่!" หญิงสาวว่าแล้วก็หยิบหมวกกันน็อคขึ้นมาสวม ขาพาดลงที่มอเตอร์ไซค์คู่ใจ แล้วพูดอีก "ศารีบ เดี๋ยวไปไม่ทัน พี่มี่ยิ่งเป็นคนตรงต่อเวลามาก ขืนศาไปช้า มีหวัง..." ว่าแล้วก็ทำท่าใช้นิ้วมือเป็นมีดบรรจงกรีดที่ต้นคอตัวเองให้แม่ดูอีก                    นางอุษาจึงลอบกลืนน้ำลายอย่างสยองตามเพราะเข้าใจ แล้วมองดูลูกสาวที่รีบขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไป ในสภาพทุลักทุเลเหลือเกิน                                                                    ตลอดทางที่ปวริศาขี่มอเตอร์ไซค์คันคู่ใจ เธอก็นึกถึงใบหน้าของพี่เอมี่ คอสตูม อาร์ทติสต์ชื่อดังไปด้วย เธอรู้จักกับอีกฝ่ายเป็นเวลามากกว่าสิบปีแล้ว เพราะเมื่อก่อนพี่เอมี่มีบ้านอยู่ใกล้กับบ้านเธอแล้ว โดยมักจะนำชุดต่าง ๆ ที่ใช้ทำงานมาให้แม่ช่วยซักอบรีดอยู่เสมอ จึงรู้นิสัยใจคอกันดี และรู้ว่าเอมี่เป็นคนตรงต่อเวลามากแค่ไหน และตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ช่วงปิดเทอมถ้าไม่ติดงานอะไร เธอก็มักจะไปช่วยพี่เอมี่ทำเป็นงานพาร์ทไทม์ไปในตัวด้วย                                                                           ปวริศา จึงเห็นถึงความเก่งของเอมี่ทั้งในเรื่องของการเลือกชุดเสื้อผ้า การดีไซน์เสื้อผ้าให้เหมาะกับบุคลิกตัวละครนั้น ๆ รวมไปถึงความเก่งในด้านทักษะต่าง ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นการที่ต้องติดต่อกับคนมากหน้าหลายตา การแก้ไขปัญญาเฉพาะหน้า เพราะว่าการทำงานในกองถ่ายนั้น ไม่มีวันไหนที่จะราบลื่นได้ตลอด อย่างน้อยก็มีปัญหาสักอย่างสองอย่างให้คอยตามแก้ไขกัน อย่างเช่น บางวันชุดที่เตรียมมาไม่ถูกใจผู้จัดก็มี หรือเป็นตัวของนักแสดงเองที่ไม่ชอบชุดนั้นก็ได้ สุดท้ายก็ต้องวิ่งวุ่นหาเสื้อผ้าตัวใหม่มาเปลี่ยนให้อีก  ด้วยความที่เป็นคนทำงานเก่งของเอมี่ ทำให้ปวริศามีความใฝ่ฝันว่า วันหนึ่งจะต้องเป็นคอสตูม อาร์ทติสชื่อดังเหมือนอีกฝ่ายให้ได้ เพราะเมื่อก่อนเธอทำงานประจำอยู่ที่บริษัททางการเงินแห่งหนี่ง ทำได้ไม่กี่ปี แต่ก็พบว่านั่นไม่ใช่ทางของเธอ เธอชอบงานที่ลุย ๆ ได้ไปในสถานที่ที่แตกต่างไม่ซ้ำกัน ได้พบปะผู้คนหลากหลาย ไม่ใช่งานที่จะนั่งอยู่กับตารางตัวเลขยาวเหยียดเช่นนั้น ดังนั้น ปวริศาจึงได้ลาออกจากงาน ด้วยหวังที่จะสะสมประสบการณ์ทางด้านนี้เอาไว้                                                   แล้วสักวันหนึ่งเธอจะต้องเป็นคอสตูม อาร์ทติสต์ชื่อดังให้ได้นั่นเอง    "ดูอะไรอยู่เหรอจ๊ะ น้ำฝน"                                                เสียงที่พยายามบีบให้เล็กคล้ายเสียงหญิงสางผู้มีรูปบางร่างน้อย ทั้งที่รูปร่างจริง ๆ ของเจ้าของน้ำเสียงนี้ยังห่างไกลกับคำว่า 'ผู้หญิงบอบบาง' เป็นโยชน์                                                       สลิลทิพย์ หรือ น้ำฝน ที่อีกฝ่ายเรียกรีบดึงมือถือเครื่องสีชมพูออกให้ห่างจากใบหน้าที่ยื่นเข้ามาดูอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พลางมองอีกฝ่ายอย่างรำคาญ แล้วเลือกที่จะต่อว่าไปก่อนแทนที่จะตอบคำถาม "พี่แองจี้ นี่มันเป็นเรื่องความเป็นส่วนตัวของน้ำฝนนะจะขอดูอะไรให้สุ้มให้เสียงมาก่อนไม่ได้รึไง!"                                "แหม เราสองคนเคยมีคำว่า 'เรื่องส่วนตัว’ กันด้วยเหรอ" แองจี้ตอบเชิงประชดนิด ๆ แล้วเหล่ตาดูมือถือที่อีกฝ่ายพยายามใช้มือบังหน้าจอให้มิดนั้นต่อ "ว่าแต่แอบส่องไอจีใครอยู่เหรอ พี่เห็นแวบ ๆ หล่อซะด้วย"                                                                 อย่างที่อีกฝ่ายว่า เธอและผู้จัดการส่วนตัวคนนี้ ไม่ค่อยจะมีคำว่าเรื่องส่วนตัวกันหรอก สุดท้าย สลิลทิพย์จึงยื่นมือถือให้อีกฝ่ายดูอย่างไม่ปิดบัง แล้วตอบด้วยอาการวางท่าสักเล็กน้อย "ก็... พระเอกคนล่าสุดของน้ำฝนไง"                                      แองจี้เหลือบตาดูบนหน้าจอมือถือนั่นอีกครั้ง จึงเห็นภาพของผู้ชายรูปร่างสูง และดูสง่างามในงานประกาศผลรางวัลทางการแสดงในค่ำคืนที่ผ่านมา ความจริงแองจี้และสลิลทิพย์ก็ได้ไปร่วมงานนั้นด้วย แต่ไม่ได้พบเจอกับชายหนุ่มอย่างจัง ๆ หรอก เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีที่นั่งอยู่คนละโซนกัน มีแต่จะเฉียดกันไปกันมาเท่านั้น จึงไม่ได้ทักทายกันอย่างเป็นทางการเลย          แต่วันนี้... คงจะได้พูดคุยทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการให้มากขึ้น เพราะสลิลทิพย์กำลังเดินทางไปประชุมกับทีมผู้จัดละครเรื่องหนึ่งอยู่ แน่นอนผู้ที่มาร่วมประชุมในวันนี้ ก็รวมไปถึงพระเอกสุดหล่อคนล่าสุดของสลิลทิพย์ ซึ่งก็คือ อรุษ ไวทยากุล นั่นเอง                                                                                              สลิลทิพย์ไม่ว่าอะไรต่อ มีแต่จะใช้นิ้วมือเลื่อนดูรูปของดาราหนุ่มไปเรื่อย ๆ ราวกับจะมองผ่าน ๆ ไปเท่านั้น ทว่า... "หลานชายคนเดียวของคุณมาลา ไวทยากุล" แองจี้ว่าขึ้น ราวกับจะจับความในใจบางอย่างของดาราสาวที่มีใบหน้าออกไปทางขาวสวยหมวยและอึ๋มคนนี้ได้ "เจ้าของธุรกิจนำเข้าอะไหล่รถยนต์ชื่อดังของประเทศ เอ้ ทรัพย์สินที่ครอบครองเฉียด ๆ หมื่นล้านนี่แหละมั้ง"   "น้ำฝนไม่ได้อยากจะรู้สักหน่อย ว่าเขาจะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร จะร่ำรวยยังไง น้ำฝนอยากรู้แค่ว่า ผลงานของเขาเป็นยังไง ฝีไม้ลายมือทางการแสดงของเขามีแค่ไหน ก็เท่านั้น"                   หึ! แองจี้ลอบแค่นเสียงเยาะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะมองใบหน้าคนสวยข้าง ๆ อย่างหมั่นไส้ แหม คงแอบเข้ากูเกิ้ลค้นหาประวัติเขาอย่างละเอียดยิบไปแล้วล่ะสิ ว่าเขาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ฐานะความเป็นอยู่จะสักแค่ไหน แล้วแอ๊บแอ๋ ทำมาเป็นว่า จะขอโฟกัสแค่ผลงานและฝีมือทางการแสดงเท่านั้น!                หลอกใครได้ก็หลอกไปเถอะ แต่อย่ามาหลอกคนอย่างแองจี้เสียให้ยาก ฉันน่ะทำงานให้หล่อนมาหลายปีแล้ว อย่ามาดูถูกแองจี้ผู้ที่รู้เช่นเห็นชาติพวกดาราและเซเลบดังพอ ๆ กับเจ้าของเพจใต้เตียงดาราเลยย่ะ ฉันรู้เท่าทันเธอหมดแล้วนะ ยัยคุณน้องน้ำฝน!  แองจี้คิดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขณะที่ลอบชำเลืองดูใบหน้างามที่นั่งอยู่ในรถคันเดียวกันไปด้วย ...                              สลิลทิพย์ คือดาราสาวที่โด่งดังมาจากซีรีส์วัยรุ่นชื่อดังทางช่องโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ปัจจุบันอายุยี่สิบสองย่างยี่สิบสามปีแล้ว และเพิ่งจะหมดสัญญาจากช่องโทรทัศน์เดิมไปหมาด ๆ ดังนั้น สลิลทิพย์จึงถูกจีบให้ไปเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของช่องโทรทัศน์รายใหญ่ช่องหนึ่งต่อ และก็ได้ประเดิมเป็นนางเอกเรื่องแรกของช่องคู่กับ อรุษ ดาราชายดาวรุ่งพุ่งแรงแซงรุ่นพี่ไปแล้ว และ แม้เจ้าตัวจะสงวนท่าทีว่าไม่ได้สนใจอรุษมากไปกว่าเรื่องฝีมือทางการแสดง แต่คนที่รู้อะไร ๆ ดีอย่างแองจี้ก็ตามอีกฝ่ายทันหรอก         แหม...น้องรุษ ทั้งโสด หล่อ และร่ำรวยออกปานนั้น ถ้าเห็นหล่อนเผลอไปทำอี๋อ๋อกับเขานอกบท นอกสคริปท์เมื่อไหร่ แม่จะตบหัวให้หน้าทิ่มพื้นเลยทีเดียว!                                คิดอย่างรำคาญลูกกะตาทั้งสอง ก่อนจะรีบฉีกยิ้มกลบเกลื่อน เมื่อดาราสาวหน้าหมวยได้ปรายสายตามาทางนี้ ราวกับจะรู้ว่า แองจี้คนนี้คิดที่จะทำอะไรกับศีรษะของเธออยู่!     
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม