หลังจากที่ช่วยแม่พาพ่อกลับขึ้นมานอนในห้องนอนแล้ว ปวริศาก็กลับมาที่ห้องนอนของตัวเองบ้าง ความจริงห้องนี้เธอก็เคยใช้เป็นที่พักผ่อนนอนหลับมาตลอด แต่ตั้งแต่ออกจากงานประจำแล้วหันมาทำงานอยู่ฝ่ายคอสตูม บวกกับขายเสื้อผ้าออนไลน์ไปด้วย หญิงสาวก็ขอย้ายออกไปอยู่อะพาร์ตเมนต์ ทั้งนี้ก็เพราะว่าเธอไม่อยากรบกวนแม่ที่ต้องคอยมาเปิดประตูให้ดึก ๆ ดื่น ๆ ยามที่กองละครเลิกกองดึกนั่นเอง
งานคอสตูมที่เธอทำอยู่ ก็คือนักออกแบบเสื้อผ้าให้นักแสดงละครหรือภาพยนต์ มีหน้าที่ดูแลเรื่องเสื้อผ้ารวมไปถึงเครื่องประดับของนักแสดงในเรื่องนั้น ๆ ทั้งหมด ความจริงเธอก็ไม่ได้ทำคนเดียวหรอก มีทีมคอสตูมคอยช่วยกันอยู่แล้ว โดยมีพี่เอมี่ หรืออัมรินทร์ เป็นหัวหน้าทีม ส่วนเธอก็เป็นผู้ช่วยให้กับพี่เอมี่อีกที
หญิงสาวนั่งลงบนเตียงนอน จะให้ข่มตานอนหลับก็ยากแล้วคืนนี้ เพราะเพิ่งเจอสามดอกตอกเข้าที่หน้าอย่างจัง ใครจะไปหลับตาลงได้ง่าย ๆ แม้เรื่องราวจะจบลงอย่างง่ายดายอย่างที่เธอไม่คาดถึง โดยไม่นับตอนที่ถูกเขาอบรมอีกชุดใหญ่น่ะนะ
ด้วยความรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ ทำให้ปวริศาเองก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี เหมือนมีบางสิ่งที่ยังติดค้างเขายาวไปจนถึงชาติหน้า เพราะเธอเองก็ไม่ชอบเอารัดเอาเปรียบใคร แม้สิ่งที่เขาทำไป อาจจะเพราะเห็นใจฐานะของเธอและพ่อ หรือจริง ๆ แล้วตัวเขาน่ะแหละที่ไม่อยากให้เป็นข่าวดังขึ้นมาก็ตาม
อีกอย่าง ด้วยฐานะความเป็นอยู่อย่างเขาก็ใช่ว่าจะได้รับความเดือดร้อนอะไรมากนักจากเหตุการณ์ในคืนนี้
ก็แค่...เขาขยันออกงานอีเวนต์หน่อย รับงานโฆษณาอีกไม่กี่ตัว ก็สามารถถอยรถราคาแบบนั้นออกมาขับเล่นได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว ไม่เหมือนกับพวกชนชั้นหาเช้ากินค่ำอย่างพวกเธอหรอก หญิงสาวถอนหายใจอีกเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าหยิบมือถือจากกระเป๋าเสื้อคลุมขึ้นมาเปิดไปที่แอปพลิเคชัน อินสตาแกรม พยายามค้นหาบัญชีผู้ใช้ของใครคนหนึ่ง เนื่องจากเธอไม่เคยกดติดตามคนคนนี้เอาไว้ แต่ก็คุ้น ๆ ว่าเคยเห็นอยู่แวบ ๆ
อะ...เจอแล้ว! พอเจอแล้วปวริศาจึงกดเข้าไปดูบัญชีผู้ใช้ที่ชื่อว่า 'ArusWai' ทันที
แล้วเธอก็เห็นรูปล่าสุด ที่เขาเพิ่งลงไปในอินสตาแกรม พร้อมกับการเช็คอินที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในงาน 'Top Star Awards ครั้งที่ 10' อีกด้วย
สองรูปล่าสุดนี้ เขาได้อัปลงไปก่อนหน้าที่จะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนกับพ่อของเธอ โดยรูปแรก แน่นอนเขายังอยู่ในชุดสูทหรูตัวนั้น พร้อมกับยืนยิ้มนุ่ม ๆ เพื่อให้ช่างภาพถ่ายภาพโดยที่มืออีกข้างก็ถือรางวัลที่ได้รับเอาไว้ด้วย
จากนั้น ปวริศาก็เลื่อนไปดูรูปที่สอง เป็นรูปที่เขายืนอยู่กลางเวที พร้อมกับชูรางวัลสาขานักแสดงชายดาวรุ่งพุงแรงแห่งปีขึ้นอย่างสง่างาม...
งามหน้าแล้วล่ะพ่อ... ทำรางวัลที่เขาเพิ่งได้รับด้วยความภาคภูมิใจเสียหายอย่างไม่มีชิ้นดี!
หญิงสาวกัดฟันลงที่ริมฝีปากล่างจนแทบห้อเลือดยามต้องทนอ่านแคปชั่นใต้ภาพด้วยความบาดจิตบาดใจไปอีกว่า 'รางวัลแห่งความภาคภูมิใจครับ! ไม่ใช่ของผมคนเดียว แต่เป็นของทุก ๆ คน...' จากนั้นก็เป็นการแท็กหาชื่อคนอื่น ๆ ที่มีส่วนร่วมกับรางวัลนี้นับสิบกว่ารายชื่อ เริ่มไปจากผู้จัดคนนั้น ผู้กำกับคนนี้ ดาราคนอื่น รวมไปถึงทีมงานคนอื่น ๆ อีกยาวเหยียด ปวริศาเงยหน้าขึ้น แล้วกลอกตามองบนด้วยความรู้สึกผิดที่เพิ่มขึ้นมาอีก
ใช่ อย่างที่เขาอบรมเธอมาก่อนหน้าว่า ไม่ควรให้พ่อที่ชอบดื่มเหล้าแบบนี้ต้องมาขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างอีก เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมา ไม่เพียงแต่พ่อของเธอเท่านั้นที่จะได้รับอันตราย แต่ยังหมายถึงชีวิตของคนอื่น ๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ต้องพลอยมาเดือดร้อนไปด้วย ก็คง...เหมือนเขาน่ะแหละ!
ความจริงในเรื่องนี้ เธอและแม่ก็เคยขอร้องพ่อแล้วว่าให้เลิกขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง แล้วเปลี่ยนมาช่วยแม่ของเธอซักรีดผ้าอยู่ที่บ้านก็พอ แต่พ่อผู้ที่ดื้อดึงที่สุดในโลกก็ไม่ยอมฟังเลย
บางทีอาจจะเป็นเพราะการได้ช่วยแม่ทำงานซักอบรีดที่บ้าน ทำให้พ่อไม่ได้ถือเงินเองอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนการตระเวนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง พ่อคงรู้สึกฝืดเคืองในเรื่องจะเอาเงินไปซื้อเหล้าดื่ม ครั้นจะไปขอแม่บ่อย ๆ ก็กลัวแม่รำคาญจนโดนบ่นและด่า ดังนั้น พ่อจึงอาสาไปขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างอย่างนี้
ฉะนั้น เธอและแม่จึงต้องตกลงกับพ่อและขอร้องกันดี ๆ ว่า ถ้าพ่อจะดื่มเหล้าก็ขอให้เป็นช่วงเวลาหลังเลิกงาน ให้กลับมาถึงบ้านก่อน จะดื่มก็ให้นั่งดื่มแต่ในบ้านก็พอ เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อออกไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครที่ไหนอีก แต่...พ่อของเธอก็ไม่ฟังกันเลย บางทีก็แอบหนีออกไปดื่มกับเพื่อนข้างนอก ก็คงจะเหมือนอย่างในคืนนี้น่ะแหละ ที่หนีไปก๊งเหล้ากับเพื่อน สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นมาจนได้
ปวริศาถอนหายใจ แต่คราวนี้ต้องถอนยาวกว่าเดิม เพราะเธอที่เหนื่อยกับงานจะแย่อยู่แล้ว แล้วยังต้องมาคอยเหนื่อยกับเรื่องของพ่ออีก
หญิงสาวก้มหน้าดูอินสตาแกรมของเขาต่ออีก ก่อนที่สายตาสะดุดเข้ากับวันเดือนปีเกิดที่อยู่ใต้รูปโปร์ไฟล์ของเขา แล้วหัวสมองของเธอก็ไล่เรียงปีเกิดของเขาอย่างรวดเร็วจนพบว่า อายุของเขาเพิ่งจะยี่สิบห้า ส่วนเธอน่ะเพิ่งจะยี่สิบแปด ถือว่าห่างกันสามปี...
บ้าบอ...จะห่างกันกี่ปีแล้วมันสำคัญตรงไหนล่ะนี่!
หญิงสาวรีบกดออกจากหน้าแอปพลิเคชันนั้นแล้วโยนมือถือลงไปกับที่นอน ก่อนจะล้มตัวลงนอนตามอีก ตอนนี้สิ่งที่เธอควรจะคิดถึงให้มากที่สุดแทนที่จะนึกถึงเรื่องของผู้ชายคนนั้นก็คือเหตุการณ์ในวันข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น กับงานคอสตูมในกองละครที่จะเปิดกล้องในเร็ววันนี้
ก็อย่างที่บอก แม้งานที่เธอทำอยู่จะมีทีมงานคอยช่วยกันอยู่แล้ว แต่ก็ต้องมีความลำบากความเหนื่อยยากให้ต้องผจญและแก้ไขในแต่ละวันอยู่ด้วย แถมละครเรื่องหนึ่งก็กินเวลาถ่ายทำเป็นครึ่งปี หรือเป็นปี ๆ เลยก็มีกว่าจะมีการปิดกล้องลง ฉะนั้น เธอควรที่จะรีบนอนหลับพักเอาแรงไปตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า ว่าแล้วหญิงสาวรีบปิดไฟแล้วข่มตาหลับ แม้จะยากอยู่สักหน่อยในช่วงแรก ๆ เพราะจิตใจมันยังเฝ้าวนเวียนถึงผู้ชายที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่กี่นาทีก่อนหน้าอยู่...