“จะแหกปากให้ได้อะไรขึ้นมา”
“พี่บอกว่าอยู่คนเดียว งั้นก็แปลว่าตอนนี้ในบ้านมีแค่เราสองคน” นับดาวรู้สึกหวั่นๆ ใจ เขาคงไม่คิดอะไรมิดีมิร้ายกับเธอใช่ไหม
“อืม คงไม่ได้คิดว่าฉันจะจับเธอปล้ำหรอกนะ”
“มันก็ไม่แน่นี่คะ เกิดพี่หน้ามืดตามัวขึ้นมา ฉันจะเอาอะไรไปสู้” เอาตามตรงเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ยอมช่วยเธอ แล้วยังให้มาเป็นแม่บ้านให้เขาอีก
“ฉันไม่ได้พิสวาศเธอขนาดนั้น รีบๆ ทำงานของเธอซะไป”
ไต้ฝุ่นเอ่ยปากไล่ให้สาวรุ่นน้อง ไม่รู้ว่าคิดบ้าอะไร ผู้หญิงปากกล้าที่เอาแต่เถียงอย่างเธอไม่อยู่ในสายตาของเขาเลยสักนิด และที่ให้มาทำงานใช้หนี้ก็แค่ต้องการจะแกล้งใช้งานเธอให้คุ้มกับเงินที่เสียไป ไม่อย่างนั้นอย่ามาเรียกเขาว่าไต้ฝุ่น
“จะให้ทำทั้งหมดนี่เลยเหรอคะ” นับดาวมองไปรอบๆ ห้องที่มีพื้นที่กว้างขวาง ถ้าจะให้ทำทั้งหมดนี่แล้วมันจะเสร็จกี่โมง
“อืม”
“แต่มันก็สะอาดอยู่แล้วนะคะ”
“เธอเป็นแค่ลูกหนี้ ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ทำๆ ไปเถอะ อย่าลืมนะว่า…”
ไต้ฝุ่นพูดยังไม่ได้ทันจบ นับดาวก็รีบน้อมรับคำสั่ง เพราะรู้ดีว่าประโยคถัดจากนั้นก็คงจะเป็นการลำเลิกบุญคุณอย่างแน่นอน
“ก็ได้ค่ะ แล้วไม้กวาดกับไม้ถูพื้นอยู่ที่ไหนคะ”
เจ้าของห้องชี้นิ้วไปทางห้องครัว บริเวณนั้นจะมีพื้นที่สำหรับจัดเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด นับดาวก็เดินไปหยิบแล้วเริ่มปัดกวาดที่โซนห้องนั่งเล่น โดยที่เจ้าของห้องก็นอนเล่นเกมที่โซฟาอย่างสบายใจ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปที่เธอนั้นกวาดและเช็ดพื้นชั้นล่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่ชั้นบนหวังว่าเขาคงไม่ให้เธอขึ้นไปทำความสะอาดเพราะมันเป็นพื้นที่ส่วนตัวมากๆ และก็คงจะไม่เหมาะถ้าจะให้เธอขึ้นไป
“เสร็จแล้วค่ะ ฉันกลับบ้านได้แล้วใช่ไหมคะ”
“อืม” เขาตอบกลับแต่ก็ยังไม่ละสายตาจากโทรศัพท์มือถือ
วันนี้ก็มันแค่น้ำจิ้มเขาจึงให้เธอทำแค่ชั้นล่างก็พอ เดี๋ยวจะหาว่าใช้งานหนัก
“อ้อ เธอชื่ออะไร” นับดาวเดินเกือบจะถึงประตูก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้จักชื่อ
“นับดาวค่ะ ฉันไปได้แล้วใช่ไหมคะ”
“อืม” ไต่ฝุ่นกระตุกยิ้มอย่างมีเลศนัยมองหญิงสาวที่เดินออกจากห้องไป
นับดาวลงไปรอเรียกรถแท็กซี และเดินทางกลับไปถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม
“ทำไมวันนี้กลับดึกล่ะ” แม่ของหญิงสาวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ปกติลูกสาวไม่เคยกลับเข้าบ้านค่ำขนาดนี้มาก่อน
“หนูไปทำงานพิเศษมาค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้บอกแม่ก่อน” นับดาวเอ่ยพลางถอดกระเป๋าสะพายออกจากแขน แล้วเข้ามานั่งที่โต๊ะกินข้าว
แม่ของเธอมักจะทำกับข้าวเอาไว้รอเธอกับพ่อ แต่วันนี้กลับบ้านค่ำผู้เป็นแม่เลยกินข้าวก่อน เหลือแค่เธอที่เพิ่งจะเข้าบ้านมา
“พ่อไปไหนเหรอคะ หรือว่าแอบไปเล่นอีกแล้ว”
“วันนี้ไม่ได้ไปเล่นหรอก แต่บอกว่าจะไปหาเพื่อน แม่เหนื่อยกับพ่อของเราจริงๆ นะนับดาว ตอนเย็นเจ้าหนี้ของพ่อก็แวะมาหาที่บ้าน แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงละ” ผู้เป็นแม่เล่าพลางยกสองมือขึ้นกุมขมับที่ปวดตุบๆ
สองสามีภรรยาอยู่กินกันมาก็ยี่สิบกว่าปี เมื่อก่อนก็เป็นคนดีเอาการเอางาน แต่หลังจากนับดาวอายุสิบห้าปีทั้งสองคนก็ริเริ่มทำธุรกิจแฟรนไชส์ชานมไข่มุก
ธุรกิจเริ่มไปได้ดีมีการขยายสาขามากขึ้น พ่อของนับดาวก็เริ่มออกบ้านไปดื่มกับกลุ่มเพื่อนเก่าและก็พากันเข้าบ่อน แรกๆ ก็เล่นพอแค่สนุก แต่พอเริ่มได้เงินก้อนโตก็เริ่มพนันในด้วยเงินที่สูงขึ้น มีได้บ้างเสียบ้าง แต่หลังๆ ก็ค่อนไปทางเสียเสียมากกว่า ตอนนี้ภาระหนี้สินก็เริ่มพะลุงพะลังจนแม่ของเธอเริ่มจะรับมือไม่ไหว
“เจ้าหนี้ที่ไหนอีกคะ” เธอก็นึกว่าพ่อจะเป็นหนี้ที่บ่อนที่เธอไปตามหาเจ้าเดียว แล้วนี่ยังจะสร้างหนี้ไว้ที่ไหนอีก
“เห็นว่าเป็นบ่อนที่เพิ่งมาเปิดใหม่ อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเรา”
“ไม่เป็นไรนะคะแม่” นับดาวได้แต่ปลอบใจผู้เป็นแม่
เธอรับรู้ความทุกข์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเคยได้ยินเสียงของพ่อกับแม่ทะเลาะกันตอนดึก พวกท่านคงคิดว่าเธอเข้านอนไปแล้ว แต่เธอได้ยินและรับรู้ทุกอย่าง
“แล้วลูกทำไมต้องไปทำงานพิเศษล่ะ เงินไม่พอใช้ทำไมไม่บอกแม่”
“หนูแค่อยากแบ่งเบาภาระแม่น่ะค่ะ ต่อไปค่าเรียนหนูจะพยายามทำงานส่งตัวเองนะคะ แม่จะได้ไม่ต้องลำบาก” เธอจะกล้าบอกได้อย่างไรว่าที่ต้องทำงานก็เพราะใช้หนี้ให้ผู้เป็นพ่อ แค่นี้แม่ของเธอก็ทุกข์ใจมากพอแล้ว
“โถ่ ทำให้ลูกต้องพลอยลำบากไปด้วย แม่ขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไม่ได้ลำบากอะไรเลย งานที่ทำก็ไม่ได้หนักอะไร”
นับดาวส่งยิ้มให้แม่ของเธอ งานไม่ได้หนักแต่ก็ลำบากใจพอสมควรที่จะต้องอยู่ใกล้ชิดกับไต้ฝุ่นทุกวัน แต่เธอก็จะอดทน อย่างน้อยหนี้สินของพ่อก็หมดไปแล้วเจ้าหนึ่ง
แต่หนี้อีกที่ที่เจ้าหนี้ตามมาทวงนี่สิ เธอกับแม่จะทำอย่างไร
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา สุดท้ายปัญหาที่มีก็หาทางออกไม่ได้ พ่อกับแม่เลยปรึกษากันว่าจะขายบ้านหลังที่อาศัยอยู่ทุกวันนี้เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ให้พ่อ แล้วจะพากันย้ายกลับไปอยู่ที่เชียงใหม่ เพราะที่นั่นก็มีแฟรนไชส์เปิดอยู่สองสามสาขา น่าจะพอจุนเจือครอบครัวกับส่งให้เธอเรียนจนจบปริญญาได้ และพ่อก็ให้คำมั่นว่าจะเลิกเล่นการพนันเด็ดขาด
“พ่อขอโทษด้วยนะนับดาว” ผู้เป็นพ่อเอ่ยอย่างรู้สึกผิด ผิดต่อลูกสาวและภรรยา
เขาทำให้ต้องเสียบ้านหลังนี้ไป เงินเก็บที่มีก็เหลือเพียงน้อยนิดแค่พอเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ดีที่บ้านที่เชียงใหม่เป็นบ้านเก่าของเขา กลับไปทำความสะอาดก็เข้าอยู่ได้เลย แต่ลูกสาวนี่สิคงต้องย้ายไปอยู่หอพักระหว่างที่เรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ
“ไม่เป็นไรค่ะพ่อ แค่พ่อสัญญาว่าจะกลับตัวและช่วยแม่ทำงาน แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ”
“ลูกจะย้ายไปอยู่หอคนเดียวได้จริงๆ เหรอ หรือว่าเราย้ายไปเรียนที่เชียงใหม่ดีไหม” ปล่อยให้ลูกสาวอยู่ตัวคนเดียว แถมยังอยู่ไกลพ่อไกลแม่ก็รู้สึกเป็นห่วง
“หนูอยู่ได้ค่ะแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” เธอต้องอยู่ให้ได้ เพราะตอนนี้เธอยังต้องทำงานชดใช้หนี้ให้หนุ่มรุ่นพี่อยู่
หลังจากคุยกับพ่อแม่เสร็จ นับดาวก็รีบออกจากบ้านไปทำความสะอาดเพนท์เฮาส์ของไต้ฝุ่น วันนี้เป็นวันเสาร์เธอจะต้องเร่งมือให้เสร็จโดยไวจะได้มีเวลาไปหาหอพัก
นับดาวยืนกดกริ่งเรียกเจ้าของห้องสุดหรู แต่ยืนรออยู่นานหลายนาทีก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีคนมาเปิดประตู หรือว่าเขายังไม่ตื่นเลยไม่ได้ยิน เธอจึงกดกริ่งติดต่อกันหลายครั้ง สักพักประตูก็เปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องที่เหมือนจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เพราะเนื้อตัวของเขานั้นมีแค่ผ้าขนหนูพันท่อนล่าง