หยางนี่อวิ๋นนั่งจิบชาอยู่ในศาลาทรงแปดเหลี่ยมกลางสระบัวขนาดใหญ่ ดอกบัวแข่งกันเบ่งบานชูช่อแน่นขนัดเต็มสระ ก้านบัวขยับไหวเล็กน้อยตามแรงลมพัดเอื่อยๆ ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆบดบัง บรรยากาศยามนี้ช่างน่าภิรมย์ยิ่งนัก
และแน่นอนเขาอยู่ที่จวนเฉิน แต่ครั้งนี้ไม่ได้เอ่ยอ้างว่ามาหาพี่สาวและหลานๆ แต่เขาจงใจมาหาสาวใช้ที่ชื่อว่า จูผิง ต่างหากเล่า
เมื่อวานเขาเข้าไปหาฮูหยินผู้เฒ่า บอกความต้องการของตนไปว่าเขาชื่นชอบจูผิงและอยากขอให้นางมาเป็นอนุ ฮูหยินผู้เฒ่าตกใจอยู่ไม่น้อย แต่กระนั้นก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงบอกแค่ว่าแล้วแต่ตัวหญิงสาวให้ถามเจ้าตัวเอง นางไม่อาจตอบตกลงแทนใครได้
ชายหนุ่มก็เข้าใจดีและฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ได้ห้ามปรามหากเขาจะมาหาจูผิงบ่อยๆ
จูผิงสวมชุดผ้าหยาบของสาวใช้ในจวนเฉินเดินเข้ามา สีหน้าดูเหนื่อยหอบเล็กน้อย นางยอบกายให้ชายหนุ่มตรงหน้า “ไม่ทราบว่าคุณชายเรียกหาข้า มีธุระอันใดหรือไม่เจ้าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามแม้ว่าลึกๆ ในใจก็พอจะเดาออกอยู่บ้าง เมื่อครู่มีสาวใช้จากเรือนฮูหยินผู้เฒ่าไปตามนางจากเรือนอักษรให้มาที่นี่
หยางนี่อวิ๋นยิ้ม “นั่งก่อนสิ” เขาผายมือให้หญิงสาวนั่งลง
ชายหนุ่มทอดสายตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างลืมตัว เพราะนางคงเร่งรีบ เหงื่อถึงผุดขึ้นตามกรอบหน้านวล
“เอ่อ คุณชายหยางมีอันใดหรือไม่เจ้าคะ” นางนั่งลงตามคำเชื้อเชิญ เมื่อเห็นสายตาเป็นประกายจ้องมองมาที่ตนไม่กะพริบนางจึงเอ่ยถามอีกหน
หยางนี่อวิ๋นได้สติ เขากระแอมไปแก้เก้อแล้วยื่นกล่องไม้เล็กๆ ให้นาง “ข้าให้”
แม้จะมึนงงแต่จูผิงก็รับมา นางเปิดออกดูทันที ด้านในมีกำไลหยกขาวเกลี้ยงเกลาวางอยู่บนผ้าบุกำมะหยี่สีแดง นางเหลือบมองหน้าเขา ก่อนจะปิดลงแล้วยื่นส่งคืน
“ของมีค่าเช่นนี้ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ” หยกล้ำค่าอย่างไรก็ไม่เหมาะกับคนเช่นนาง
“ทำไมหรือ แต่ข้าเต็มใจให้เจ้านะ”
จูผิงถอนหายใจ นางรู้ในเจตนาของเขาดี มือเรียวเล็กเอื้อมมือไปคว้ามือชายหนุ่ม นางยัดกล่องไม้ใส่มือเขาแล้วก้าวถอยหลังออกมา นางก้มศีรษะให้เขาอย่างนอบน้อม “ข้าต้องขอโทษคุณชายหยางด้วยเจ้าค่ะ ข้าไม่อาจรับสิ่งใดๆ จากท่านได้ และข้าก็ไม่อยากเป็นอนุของท่าน ไม่อยากได้ตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น แต่หากคุณชายต้องการให้ข้าปรนนิบัติข้าก็ยินดีเจ้าค่ะ”
บุรุษก็ย่อมหวังเรื่องอย่างว่าจากสตรีต่ำต้อยอย่างนาง หากเขาอยากได้ตัวนางไม่เห็นต้องยกตำแหน่งอนุภรรยามาอ้างเลย
หยางนี่อวิ๋นถึงกับตะลึงงันเมื่อให้คุกรุ่นคำพูดเช่นนี้ นางคิดว่าเขาเป็นบุรุษเช่นนี้จริงๆ หรือ นางไม่ได้ให้โอกาสเขาเลยแม้แต่น้อย หรือเพราะนางกับเขาเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง
สำหรับเขานางคือรักแรกพบ เขาก็เจอหญิงงามมานักต่อนัก แต่ไม่เคยคิดอยากจะสานสัมพันธ์ด้วยเลย มีเพียงหญิงสาวตรงหน้าที่ทำให้เขารู้สึกแตกต่างออกไป นางทำให้เขาหัวใจเต้นแรงอย่างน่าประหลาด
ชายหนุ่มแค่นยิ้ม “นี่เจ้าไม่คิดจะให้โอกาสข้าหน่อยหรือ ข้าไม่ได้จะเอาคำตอบจากเจ้าวันนี้เลยเสียหน่อย”
“ไม่ว่าจะวันใด คำตอบข้าก็เหมือนเดิมเจ้าค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าตอบ นางเป็นคนชัดเจนไม่ชอบอะไรค้างคา
หยางนี่อวิ๋นรู้สึกเสียหน้าไม่น้อยที่โดนสาวใช้ปฏิเสธ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “แล้วที่เจ้าบอกว่าหากข้าต้องการให้เจ้าปรนนิบัติ เจ้าย่อมยินดีใช่หรือไม่”
“เจ้าคะ? จะ…เจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นตัวหอมละมุนจากนาง เขากระซิบที่ข้างหู “เช่นนั้นปรนนิบัติข้าตอนนี้ เดี๋ยวนี้”
จูผิงตกใจ รับรู้ได้ถึงลิ้นร้อนชื้นสัมผัสที่ลำคอระหงของนาง นางพลักเขาออกสุดแรง
“เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่ายินดี หรือเจ้ากลัวว่าจะมีใครมาเห็นเข้า เช่นนั้นไปหาที่ลับตาคนกัน” ว่าจบเขาก็พุ่งเข้ามาพยายามช้อนร่างนาง หญิงสาวพยายามดีดดิ้น ที่นางพูดออกไปนั้นจริงแต่ไม่คิดว่าจะฉุกละหุกเช่นนี้ นางยังไม่พร้อม!
ทันใดนั้นก็มีเสียงเข้มตะโกนมาแต่ไกล “ทำอันใดกัน!”
เฉินซือหยางเดินเข้ามาด้วยท่าทางราวกับพายุคลั่ง ใบหน้าคมคายถมึงทึงจัด มือสองข้างกำหมัดแน่น ด้านหลังมีหลี่อี้ที่วิ่งหอบตามหลังมาติดๆ
เขาจับทั้งสองแยกจากกัน แล้วหันหน้าไปทางอดีตสหายรัก “นี่อวิ๋น เจ้ากำลังจะทำอันใด!” เขารู้เรื่องทั้งหมดจากหลี่อี้แล้ว หยางนี่อวิ๋นจะมาขอจูผิงไปเป็นอนุ!
“เจ้าจะร่วมวงด้วยไหมเล่า” หยางนี่อวิ๋นยกยิ้ม เขาหันไปมองหน้าหญิงสาว “ข้ากับนางกำลังไปหาที่ลับตาเสพสุขกัน”
จูผิงเม้มปากแน่น
“สวะ!” เฉินซือหยางตะโกนใส่อีกฝ่าย
ผลัวะ!
ไม่รอช้าเฉินซือหยางปล่อยหมัดใส่เข้าที่หน้าอดีตสหายรักทันที แรงจากหมัดทำให้ชายหนุ่มถึงกับหน้าหัน เลือดไหลที่มุมปาก
หลี่อี้รีบเข้าไปห้าม แต่ก็โดนลูกหลงถีบจนกระเด็นกระดอนไปไกล
ตอนนี้ทั้งสองแลกหมัดกันนัวเนียไปมา บรรดาบ่าวไพร่ที่อยู่บริเวณใกล้ๆ ได้ยินเสียงเอะอะต่างก็ออกมาล้อมวงยืนดูไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามปรามสักคน จูผิงรีบวิ่งเข้าไปแยกทั้งสองออกจากกัน แต่กระนั้นพวกเขาหาได้สนใจแรงอันน้อยนิดของนางไม่
“คุณชาย หยุดเจ้าค่ะ หยุด!”
หญิงสาวพยายามรั้งดึงแขนเฉินซือหยางไว้ เขากำลังนั่งคร่อมตัวอดีตสหายรัก ปล่อยหมัดใส่ไม่ยั้งจนหน้าของชายหนุ่มปูดบวมฟกช้ำไม่เป็นท่า
“หยุดเจ้าค่ะ หยุด!”
เฉินซือหยางยังอยู่ในอารมณ์คุกรุ่นยามนี้ใครก็ห้ามเขาไม่อยู่แล้ว ชายหนุ่มสะบัดแขนหญิงสาวออกสุดแรง ทำให้นางเซถลาถอยหลังไปหลายก้าวจนกระทั่ง...
ตู้ม!!
จูผิงหงายหลังตกสระบัวไป ชายทั้งสองหยุดปะทะกันทันที รีบรุดวิ่งไปเกาะขอบศาลาแล้วตะโกนเรียกชื่อนางพร้อมกัน
“จูผิง!”
ตู้ม!!
ชายหนุ่มทั้งสองรีบกระโดดลงน้ำไปพร้อมกัน