“ตื่นได้แล้ว”
“อื้อ ไม่ตื่น... ไม่อาว จะนอนต่อ”
“ฉันบอกให้ตื่น น้ำลายยืดหมดแล้ว” คำว่าน้ำลายยืดทำให้อีนานะรีบดีดตัวลุกทันที ก่อนที่จะรีบกอดหน้าอกตัวเองที่มันล่อนจ้อนไว้ และหันไปมอง
พี่ดัชซ์ตกใจ
เขาแต่งตัวอาบน้ำเสร็จแล้ว แต่ทำไมฉันเปลือยแบบนี้ล่ะ หรือเมื่อคืน... เมื่อคืน มันคือความจริง!
“กรี๊ด...”
“เงียบ!” ริมฝีปากบางเม้มแน่นทันที ก่อนที่นิ้วชี้เรียวที่ชี้หน้าอยู่จะชี้
ไปที่พื้น
“เมาเหมือนหมา ทั้งอ้วกทั้งโวยวาย ตื่นแล้วก็เก็บอ้วกตัวเองซะ ฉันจะได้พาไปดูหน้าพี่สาวเธอให้เห็นกับตา” ดะ เดี๋ยวนะ เมื่อคืนสรุปเรามีอะไรกันรึเปล่า? ฉันเริ่มสับสนจนเปิดผ้าห่มดูหลายครั้ง ฉันโป๊จริง ๆ บั้นท้ายก็เจ็บแทบยกไม่ขึ้น ภาพเมื่อคืนตัดตอนไหนวะ
ไม่นะ... ฉันอม เอ๊ย ฉันออรัลเซ็กส์ ฉันขึ้นขย่ม แถมตกลงเป็นเมีย พูดทุกอย่างเลยรวมถึงสารภาพรักด้วย
“ทะ ทำไมฉันแก้ผ้า?” ฉันตัดสินใจถามไปตามตรง หวังว่าอีนานะจะไม่ทำอะไรบ้า ๆ นะคะซิส
“ฉันเป็นคนถอดให้เอง เพราะเธอเมาและอ้วกรดตัวเอง” ถอดให้?
แล้วอย่างอื่นมันจะรอดมั้ย
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ พะ พี่ทำอะไรฉันรึเปล่า?”
“ถ้าโง่จนไม่รู้ตัวเองฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไปอาบน้ำซะ ก่อนที่พี่สาวเธอจะโผล่หัวมาเราต้องไปหาที่ซุ่มรอ” ว่าแล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องนอนฉัน ทิ้งให้ฉันนั่งหัวยุ่ง อ้าปากค้างอยู่คนเดียว
สรุปมี หรือไม่มี คนมีสติดีทำไมไม่บอก ให้รู้เองฉันจะไปตรัสรู้ได้ไง ในเมื่อจิโมะโกะยังไม่เคยถูกใครจิ้มเลยสักครั้ง เมื่อง่วนคิดหาคำตอบเองอยู่นานพี่ดัชซ์ก็เปิดประตูเร่งให้ฉันไปอาบน้ำ
ซึ่งฉันอ้วกจริง ๆ ลงจากเตียงคือต้องเช็ดอ้วกตัวเองและเก็บเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งไปแช่ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะหาคำตอบ พอล็อคประตูห้องน้ำเท่านั้นแหละ ฉันก็รีบนั่งที่ชักโครกก้มสำรวจเนินเนื้อสาวตัวเอง
มีหรือไม่มีวะ ถ้ามีจะเจ็บแค่ไหน? แต่เอาจริง ๆ ฉันรู้สึกเจ็บอยู่นะ แต่ไม่มากเท่าไหร่
โอ๊ยอีนานะบ้าเอ๊ย! เมื่อคืนมึงทำอะไรลงไปเนี่ย!
กว่าจะอาบเสร็จกินเวลาไปครึ่งชั่วโมง อาบน้ำห้านาที ก้มดูหอยยี่สิบนาที แล้วเมื่อแล้วเสร็จฉันก็เดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นด้วยอารมณ์ที่ยากจะอธิบาย แต่พี่ดัชซ์เขาชิลมาก พอฉันมาถึงก็หยิบหมวกแก๊ปและแว่นกันแดดจากไหนไม่รู้
มาสวมให้
“ต้องแต่งแบบนี้เลยเหรอ?”
“เธอต้องเห็นแนน ก่อนที่แนนจะเห็นเธอ”
“ทำไม?”
“เพื่อความปลอดภัย” ตอนนี้ฉันก็ยังสงสัยนะ ถ้าพี่แนนยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ พี่แนนจะทำร้ายฉันทำไม ในเมื่อฉันไม่เคยทำอะไรให้ และอีกอย่างเราก็สายเลือดเดียวกันตั้งครึ่งนึง
ฉันเดินตามพี่ดัชซ์ออกมาจากห้อง แต่เราไม่ได้ไปที่ลิฟต์หรอกนะเขานำฉันลงบันไดหนีไฟ ระหว่างที่ก้าวลงทีละชั้นเขาจะหยุดพัก และหยิบกล้องส่องทางไกลอันจิ๋วขึ้นมาส่องไปที่ลานจอดรถ
แต่จะบอกอะไรให้ พอฉันมองเขาแล้วหยุดคิดถึงภาพเมื่อคืนไม่ได้เลย รูปร่างแบบนี้ลายสักแบบนี้ หุ่นดี เอวดี มันดีเอามาก ๆ ถ้าเป็นฝันก็ดีไปจะได้ไม่เสียใจทีหลัง แต่ถ้าเป็นความจริงฉันจะทำยังไงต่อดีวะ
ปล่อยผ่าน หรือเบิ้ลสักหน่อยให้พอฟิน
ว้ายแกคิดอะไรนานะ แกเป็นผู้หญิงนะเว้ย (เถียงกับตัวเองเหมือนคนบ้า)
“พี่สาวเธอมาแล้ว เหอะ คงจะอยากได้ตัวเธอมากสินะ”
พอได้ยินแบบนั้น ฉันก็รีบเดินไปยืนข้างพี่ดัชซ์มองไปข้างล่างทันที ก่อนที่เขาจะส่งกล้องส่องทางไกลอันจิ๋วให้ส่องบ้าง ขณะที่ปรับเลนส์มองไปที่รถอัลฟาร์ดคันสีดำหัวใจฉันเต้นกระส่ำอย่างลุ้นระทึก เหงื่อเต็มมือ คอแห้งผาก เฝ้ารอคนในรถโผล่หน้าออกมา
จนฉันซูมไปเห็นลูกน้องที่ตามมาอีกคันลงมาจากรถ และวิ่งไปเปิดประตูรถอัลฟาร์ดคันนั้น ใช่... มันมีผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่จริง ๆ เธอใส่ส้นสูงสีแดงแต่งตัวเปรี้ยว ซึ่งเห็นแว๊บแรกฉันคิดว่าไม่ใช่ ยังไงก็ไม่คล้ายพี่แนนเลยสักนิด แต่ด้วยที่เราอยู่เพียงชั้นสองของตัวตึก ฉันจึงลองปรับเลนส์ซูมลงไปอีกที่ใบหน้าเพียงเสี้ยว
ของเธอ
ทันใดนั้นหัวใจก็กระตุกวูบจนเผลอทิ้งกล้องลงพื้นทันที
‘แกร๊ก’
“ไม่จริง พะ พี่แนน พี่แนนยังไม่ตายได้ยังไง ทำไมหน้าพี่แนนเปลี่ยนจนเกือบจำไม่ได้”
ฉันถามคำถามมากมายราวกับคนสติแตก จนพี่ดัชซ์ก้มลงหยิบกล้องขึ้นมา แล้วเดินมาประชิดตัวฉัน
“พี่สาวเธอไปทำหน้าใหม่ที่เกาหลีทั้งหน้า” ฉันเงยขึ้นมองพี่ดัชซ์น้ำตาคลอ ความรู้สึกตอนนี้ทั้งดีใจและไม่เข้าใจ พี่แนนยังไม่ตายแสดงว่าไม่ได้ถูกฆาตกรรม พี่ดัชซ์บริสุทธิ์ แต่เป็นแฟนแท้ ๆ ทำไมถึงไม่ช่วยพี่ดัชซ์ออกมาจากคุก?
“ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ย ว่าพี่สาวเธอมันสารเลวแค่ไหน”
“พี่ดัชซ์ ฮึก ๆ”
“ร้องทำไม?”
“ฮือ ๆ” ฉันร้องไห้หนักกว่าเดิมจนข้อมือสองข้างถูกเขากระตุกเข้าไปหา
“ฉันถามว่าร้องทำไม?”
“พะ พี่แนนหาตัวฉัน ทำไมพี่แนนถึงไม่ไปหายายเลย ฮือ ๆ ฉันสับสนไปหมดแล้ว” เขาเหยียดยิ้มอย่างสมเพช มองฉันเหมือนเป็นอีโง่ที่มีเขาสวมบนหัว
“ฉันไม่รู้หรอกว่ายัยนั่นต้องการตัวเธอไปทำไม แต่รู้ว่ามันไม่เคยหวังดีกับเธอ ฉะนั้น... เธอต้องระวังตัวไว้”
ฉันกลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากลำบาก ช่วยตอบฉันที ในสถานการณ์ตอนนี้ฉันควรตัดสินใจยังไง ยายฉันกำลังจะตายรอกำลังใจจากคนที่คิดว่าตายไปแล้ว ขณะที่ฉันเจอคนคนนั้นและมีคนบอกว่าเป็นตัวอันตราย ไม่ควรเข้าใกล้
เธอเป็นพี่สาวฉัน เราโตมาด้วยกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยถูกพี่สาวรังแกเลย แถมตอนที่พี่แนนมาเรียนกรุงเทพ ยังส่งค่าเรียนค่าขนมให้ฉันตลอด และคนที่บอกกลับเป็นคนนอก
ถึงแม้ว่าฉันจะเคยชอบ แต่ยายฉันล่ะ! พี่สาวฉันล่ะ! ครอบครัวเรามีกัน
แค่นี้เองนะ
“พี่ดัชซ์ฉันถามตรง ๆ พี่ช่วยฉันทำไม?” เขามองหน้าฉันนิ่งเรียบราวกับคนไร้ความรู้สึก จนฉันตัดสินใจถามต่อแข่งกับเสียงสะอื้น
“ฮึก ๆ พี่จะแก้แค้นที่พี่แนนทำให้พี่ติดคุกใช่มั้ย”
“ฉันแค่ไม่อยากให้เธอเป็นเครื่องมือเสวยสุขของผู้หญิงคนนั้นเหมือนฉัน”
“แค่นี้เหรอ?”
“...”
“พี่เคยรู้สึกอย่างอื่นกับฉันบ้างมั้ย ฮึก ๆ พี่บอกฉันมา สิ อย่างน้อย ๆ
ฉันจะได้ตัดสินใจถูกว่าฉันควรเชื่อพี่มากแค่ไหน”
ในที่สุดฉันก็ถามเขาออกไปด้วยตัวเอง และพี่ดัชซ์ก็ตอบกลับมาทันทีโดยไม่ลังเล
“ฉันเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวคนนึง จะให้ฉันรู้สึกอะไร”
ฉันสะบัดมือพี่ดัชซ์ออกแล้วก้มหน้าลงมองพื้น มือที่แนบข้างลำตัวกำแน่นจนสั่นเทา แกหวังอะไรอยู่เหรอนานะ แกรู้อยู่แล้วแกจะถามทำไม? หวังคำว่ารักจากเขาเหรอ?
ต่อให้ไม่มีพี่แนนพี่ดัชซ์เขาก็ไม่รู้สึกอะไรกับแกอยู่แล้ว แกจะหวังให้เขาเห็นแกเป็นคนสำคัญ หรือใช้คำว่ารักให้แกเชื่อใจเขา มันไม่ได้
เมื่อฉันตอกย้ำตัวเองให้ใจแข็งเพื่อการตัดสินใจ ฉันก็เงยขึ้นมอง
เขาอีกครั้ง
“ขอบคุณที่ทำให้ฉันตัดสินใจง่ายขึ้น แต่ฉันขอเลือกครอบครัว ฉันจะพาพี่แนนกลับไปดูใจยาย”
“ไม่ได้ ฉันไม่อนุญาต!”
“พี่ไม่มีสิทธิ์มาห้ามฉัน!” เท่านั้นแหละเขาก็จับไหล่ฉันสองข้างกดเข้ากับผนังทันที สายตานิ่งเรียบเมื่อกี้ตอนนี้มองมาอย่างโกรธจัด
“ทำไมเธอไม่ฟังคำเตือนฉันนานะ!”
“พี่แนนคือครอบครัวฉันไง แล้วพี่เป็นใคร?”
“อย่าให้ฉันจัดการกับเธอขั้นเด็ดขาดนะ กลับขึ้นห้องเดี๋ยวนี้” ฉันกัดฟันมองเขาทั้งที่น้ำตานองหน้า บังคับฉันแล้วได้อะไร ไม่รู้รึไงว่ายายฉันจะตรอมใจตายอยู่แล้ว พี่แนนไม่ฆ่าฉันหรอก ฉันไม่ตายง่าย ๆ หรอก
ยายนู้นที่จะตาย และฉันอยากยื้อท่านไว้ เพิ่มเวลาอีกน้อยนิดให้เราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาก็ยังดี เพราะท่านเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรคนสุดท้ายในชีวิตของฉัน!
“เลิกยุ่งกับฉันเถอะพี่ดัชซ์ ฉันเกลียดพี่ ได้ยินไหมว่าฉันเกลียดพี่!”
เขานิ่งไปสักพัก ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“งั้นไปสิ ฉันก็เบื่อที่จะคุยกับคนโง่แบบเธอเหมือนกัน”
“...” ฉันมองเขาทั้งน้ำตา
“ไป!”
เท่านั้นแหละฉันก็ไม่มองคนตวาดไล่แม้แต่หางตา รีบสะบัดหน้าเดินลงบันได และวิ่งไปที่ลานจอดรถเผชิญหน้ากับพี่แนน
ซึ่งก่อนที่จะไปถึงฉันหยุดยืนอยู่กลางถนน มองหน้าพี่สาวตัวเองที่เปลี่ยนไปแทบจำไม่ได้ทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด จนพี่แนนก้าวลงมาจากรถและส่งยิ้มให้
รอยยิ้มที่ฉันเคยเห็นตั้งแต่เด็กจนโตนั้น มันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
“นานะ จำพี่ได้มั้ย”
“ฮือ ๆ พะ พี่แนน!”
และเราสองคนก็วิ่งโผเข้ากอดกันทันที