หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...
สองเท้าหนักเดินตรงเข้าไปยังด้านในบ้านของตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปกติ
"คุณชายน้อย" เจียมใจ แม่บ้านสูงวัยเอ่ยทักทายชายหนุ่มที่ตัวเองเป็นคนคอยช่วยเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กด้วยน้ำเสียงดีใจ
"สวัสดีครับ" เจ้าของใบหน้าหล่อก็หันไปทักทายแม่นมตัวเองกลับก่อนจะเดินเข้าไปกอดด้วยท่าทีอบอุ่นอ่อนโยน
"คุณเวลาเรียกเหรอคะ" เจียมใจถาม
"ครับ..." ยังไม่ทันที่ริมฝีปากหนาจะพูดหรือเอ่ยอะไรออกไปมากกว่านี้
"ค่ะป้าเจียม ถ้าเวลาไม่โทรเรียก...ก็คงไม่ได้เห็นหน้าลูกชายตัวเอง"
"แม่ครับ" คนตัวสูงค่อย ๆ ผละออกจากหญิงสูงวัยเดินตรงไปอ้อนคนเป็นแม่ทันที
"ผมก็มาแล้วนี่ไง"
"ถ้าแม่ไม่โทรหา เตวินทร์คิดจะมาหาแม่บ้างไหม"
"คิดสิครับ แต่ช่วงนี้ผมวุ่น ๆ กับสตูดิโอ..."
"วุ่นกับสตูดิโอหรือวุ่นกับสาว ๆ กันแน่" ว่าแล้ว เวลาก็ผละจากวงแขนกว้างของลูกชายตัวเองพร้อมกับจ้องมองใบหน้าหล่อนิ่ง
"สตูดิโอจริง ๆ ครับ..." มือหนาก็เลื่อนเข้ามาโอบเอวแม่ตัวเองด้วยท่าทีอ้อน ๆ อีกครั้งโดยมีสายตาของเจียมใจที่มองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเอ็นดูก่อนจะมีเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้น
"งอนอะไรลูกอีกล่ะ" ติณณ์เดินเข้ามามองหน้าถามภรรยาตัวเองที่กำลังยืนทำหน้าหงอโดนลูกชายเพียงคนเดียวอ้อนอยู่
"ไม่ต้องมาพูดเลย เห็นหน้าติณณ์แล้วหงุดหงิด..."
"...ทำไมต้องหน้าเหมือนกันขนาดนี้" ริมฝีปากเล็กเอ่ยออกมาตามประสา ซึ่งคำพูดของเธอทำเอาติณณ์หัวเราะออกมา เพราะใบหน้าของเขากับลูกชายนั้น...เหมือนกันอย่างกับแกะกันออกมาเลยจริง ๆ นั่นแหละ
"ก็เชื้อติณณ์มันแรง"
"ไม่ต้องมาพูดเลย" เวลาเอ่ยพร้อมกับหันหน้าหนีไปอีกทางทำให้สองพ่อลูกต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน เตวินทร์ก็ส่งซิกให้คนเป็นพ่อช่วย
"เลิกงอนลูกมันได้แล้วน่า มันวุ่น ๆ อยู่กับสตูดิโอ....ใช่ไหมไอ้เสือ" ปากหนาถาม
"ใช่ครับ" เตวินทร์ก็รีบพยักหน้าตอบกลับ
"จริงเหรอ" เวลาก็ชะงักหันไปมองหน้าลูกชาย
"ครับ"
"บางวันมันแทบไม่มีเวลากินข้าวเลยด้วยซ้ำ" ติณณ์พูดเสริมขึ้น
"ขนาดนั้นเลยเหรอ..." คนเป็นแม่ก็เสียงเปลี่ยนรีบจ้องมองไปตามร่างกายของลูกชายตัวเอง
"...จริงด้วย แม่ว่าลูกผอมลงนะ ไม่ได้แล้ว...เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวเพิ่มก่อน" ทันทีที่พูดจบ คนตัวเล็กก็รีบผละออกจากคนเป็นลูกมุ่งตรงไปยังครัวหรูในบ้านทันที โดยมีเตวินทร์ที่พยายามจะเอ่ยห้าม แต่...ห้ามไม่ทัน
"พ่อก็พูดเว่อร์ ดูดิ...แม่เป็นห่วงผมใหญ่แล้ว" ริมฝีปากหนาเอ่ยบอก
"ก่อนเป็นห่วงที่แม่แกห่วงแก...แกห่วงตัวเองก่อนไอ้เสือ"
"ครับ?" เจ้าของใบหน้าหล่อก็มองหน้าพ่อตัวเองนิ่งแววตาไม่เข้าใจ ติณณ์เองก็แสยะยิ้มเดินตรงไปตบหลังลูกตัวเองเบา ๆ
"รอยลิปสติกเปื้อนเสื้อแก...ข้างหลัง" พูดจบ คนเป็นพ่อก็เดินออกไปทิ้งให้คนตัวสูงยืนตกใจไปกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะก่อนที่แม่ของเขาจะโทรมาตามเขานั้น...เขากำลังนัวเนียกับหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ที่สตูดิโอ
"เกือบไปแล้ว..." เมื่อได้สติเตวินทร์ก็รีบขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อทันที
"เปลี่ยนเสื้อทำไมกัน" หญิงวัยกลางคนมองหน้าถามร่างสูงที่เดินเข้ามานั่งยังโต๊ะอาหารในชุดใหม่
"ผมร้อนครับก็เลยเปลี่ยน" ริมฝีปากหนาตอบกลับด้วยท่าทีปกติ
"แล้วลูกเปลี่ยนน้ำหอมเหรอ"
"ครับ?"
"ตอนกอดแม่..."
"...กลิ่นเหมือนไม่ใช่น้ำหอมประจำของลูกเลย"
"ผมลองกลิ่นใหม่อยู่ครับ แต่คงไม่ได้ใช้ต่อเพราะชอบกลิ่นเดิมมากกว่า" เตวินทร์สามารถตอบคำถามของคนเป็นแม่ได้อย่างราบรื่นสมกับเป็นเสือที่ไหลลื่นไปได้กับทุกสถานการณ์ ติณณ์เองที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่แสยะยิ้มออกมากับความร้ายไม่ธรรมดาของลูกชายตัวเอง
"ออ งั้นเองสินะ แม่ก็ว่า...กลิ่นดูไม่ใช่ลูกเลย"
"..." เจ้าของใบหน้าหล่อก็ยิ้มตอบไม่พูดอะไรต่อ
"แล้วสตูดิโอไปถึงไหนแล้ว" เสียงชายวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้น
"เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อยก็จะเปิดได้แล้วครับ"
"สัญญาแล้วนะว่าจะทำเล่น ๆ"
"ครับ" คนตัวสูงก็พยักหน้าตอบพ่อตัวเองกลับไปอย่างรับรู้ เพราะด้วยความที่เขาเรียนนิเทศฯด้านการถ่ายรูปทำให้เขาอยากที่จะมีสตูดิโอเป็นของตัวเอง เขาจึงขอพ่อเปิดสตูดิโอ แน่นอนว่าการขอครั้งนี้ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนซึ่งนั่นก็คือพ่อยอมให้เขาดูแลสตูดิโอเพียงแค่สองปีเท่านั้น แล้วหลังจากนั้น...เขาจะต้องไปช่วยพ่อเขาบริหารธุรกิจนำเข้ารถยี่ห้อดังเข้ามาในประเทศ มันเป็นธุรกิจของครอบครัวที่เขาไม่สามารถเลี่ยงได้ พ่อเขาจึงยอมให้อิสระเขาเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบและทำในสิ่งที่อยากทำไปก่อนที่จะต้องไปรับหน้าที่สานต่อธุรกิจใหญ่โตพวกนั้น
"แล้วได้เจอกับดิน คินบ้างไหมลูก" เวลาถามขึ้น
"เจอครับ เจอพวกมันบ่อย" เตวินทร์ก็ยิ้มตอบ เพราะนอกจาก พราวดาว เอเดน ท็อปแล้ว เขาก็มีแก๊งเพื่อนอีกแก๊งหนึ่ง ซึ่งก็คือ ดินกับคิน โดยทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนของเขามาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อแม่เป็นเพื่อนกัน แล้วก็มีขุนพลอีกคนที่เป็นเพื่อนในคณะของดินกับคิน เขากับดิน คิน เรียนกันคนละคณะ พวกนั้นเรียนบริหาร แต่เขาเรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีการถ่ายภาพและภาพยนตร์ มหาลัยคิงตันปีสุดท้าย โดยมหาลัยคิงตันนั้นเป็นมหาลัยที่ติดท็อปมหาลัยเอกชนชื่อดังของประเทศทำให้เตวินทร์ตัดสินใจเลือกที่จะเรียนที่นี่ ซึ่งพ่อแม่เขาก็เห็นด้วยและให้การสนับสนุนเต็มที่ เตวินทร์ถือว่าเป็นนักศึกษาหัวกะทิคนหนึ่งแม้ว่าภายนอกเขาจะดูเจ้าชู้แบดบอยแค่ไหน แต่เรื่องการเรียนเขากลับไม่เป็นรองใคร เขามีความรับผิดชอบที่ดีแถมยังวางแพลนการเรียนของตัวเองให้รัดกุมที่สุด เนื่องจากมหาลัยคิงตันเป็นมหาลัยที่เน้นการเรียนแบบอิสระ นักศึกษาสามารถที่จะวางแพลนการเรียนของตัวเองได้ในสองปีสุดท้าย เตวินทร์จึงเลือกที่จะวางแพลนปีสุดท้ายของตัวเองด้วยการฝึกงานเทอมหนึ่งของปีสี่เพื่อที่เทอมสุดท้ายเขาจะได้มาตามเก็บวิชาที่เหลือและสามารถที่จะเปิดสตูดิโอของตัวเองได้ตามที่ต้องการ เรียกได้ว่าเป็นการวางแพลนที่ชาญฉลาดอยู่ไม่น้อย ทำให้ตอนนี้เขาเหลือเพียงแค่เก็บวิชาหลักอีกสองตัวเท่านั้น เขาก็จะเรียนจบตามที่คิดไว้แถมยังมีเวลาได้ดูแลสตูดิโอของตัวเองอีกด้วย
"ใกล้จบกันแล้วสิ" คนเป็นพ่อถาม
"ครับ ของผมเหลืออีกสองตัว เทอมสุดท้าย" ริมฝีปากหนาตอบกลับ
"เร็วมากเลยเนอะ แป๊บ ๆ จะจบกันแล้ว" เวลาเอ่ย เตวินทร์ก็ยิ้มออกมากับคำพูดของแม่ตัวเอง
"แล้วคืนนี้แกจะนอนบ้านไหม" ติณณ์ถามลูกชายตัวเองขึ้น
"คืนนี้ผมต้องกลับคอนโดครับ"
"ทำไมล่ะ ไม่นอนบ้านเหรอลูก" เวลามองหน้าถามอีกคนน้ำเสียงน้อยใจ
"พรุ่งนี้ผมมีเรียนครับ เปิดเรียนวันแรก"
"..." เวลาก็นั่งทำหน้ายู่ไปกับคำตอบจากปากหนา
"อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ..." ว่าแล้ว คนตัวสูงก็เดินเข้าไปกอดแม่ตัวเองด้วยท่าทีอ้อน ๆ
"...ถ้าผมว่าง จะรีบมานอนกอดแม่เลยครับ"
"สัญญานะ"
"ครับ สัญญา" พูดจบ ริมฝีปากหนาก็กดปากหอมลงไปบนแก้มใสของคนเป็นแม่ด้วยความอ่อนโยน
"ผมรักแม่นะครับ"
"อืม แม่รักเตวินทร์นะลูก" เวลาก็ยิ้มตอบกลับชายหนุ่มน้ำเสียงอบอุ่นรักใคร่พร้อมกับกอดตอบลูกชายตัวเองแน่นโดยมีสายตาของติณณ์ที่นั่งยิ้มมองภาพตรงหน้าด้วยแววตามีความสุข
@คอนโดเตวินทร์
หลังจากที่กลับมาจากบ้านหรู สองเท้าหนาก็เดินตรงเข้าไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงขนาดใหญ่ของห้องตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยกับการขับรถแต่แล้ว...อยู่ ๆ ดวงตาคมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่วางอยู่ที่บนโต๊ะลิ้นชักข้างเตียง มือหนาจึงเอื้อมมือเข้าไปหยิบมันขึ้นมาดูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
'ไม่เอา ไม่ถ่าย'
'ถ่ายหน่อยน่า เอาไว้เก็บไว้ดู'
'ไม่เอาเตวินทร์ ไม่...'
แชะ!
'ฮ่า ๆ หน้าเธอตลกมาก'
'ชิ!'
'ฮ่า ๆ'
พึบ เสียงคนตัวสูงจัดการหยิบรูปภาพของเขากับผู้หญิงคนหนึ่งคนที่เขาไม่เคยคิดที่จะลืมกับสิ่งที่เธอทำไว้กับเขาลงไปไว้ในลิ้นชักหรูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
ผู้หญิงคนนั้น...
คนที่ทำให้เขากลายมาเป็นเสือเตวินทร์ในวันนี้
"วาเลน..."