BAD RELATIONSHIP 6 โลกกลม

1969 คำ
วันต่อมา... @มหาลัย "แม่งเอ๊ย ลงเซคแรกไม่ทัน" เสียงเอเดนบ่นออกมาด้วยท่าทีหัวเสีย "เซคสองก็ไม่แย่นะเว้ย" ท็อปที่นั่งอยู่พูดปลอบใจเพื่อน "แย่ดิไอ้สัส! กูไม่อยากเจอแซมดี้" ริมฝีปากหนาตอบ ซึ่งแซมดี้ก็คืออาจารย์ในคณะที่ค่อนข้างที่จะเป็นที่น่ารำคาญใจของนักศึกษาหลายคน เนื่องจากเป็นอาจารย์ชายที่มักจะชอบพูดจาขี้โม้ขี้อวดและชอบกดคะแนนนักศึกษาโดยให้เหตุผลว่าตัวเองนั้นจบนอกนั่นนี่ควรจะทำให้ดีกว่านี้ทั้งที่นักศึกษาก็ทำได้ดีแล้วแต่แซมดี้ก็ยังคงเอาตัวเองเป็นหลัก ไม่แปลกที่นักศึกษาหลายคนจะไม่ค่อยชอบเขากันสักเท่าไหร่ "บวกหนึ่ง กูก็ไม่อยากเจอ" พราวดาวพูดเสริมด้วยความไม่ชอบอาจารย์ที่ได้เช่นกัน "เฮ้อ ทำไงได้วะ เราลงไม่ทันนี่หว่า" ท็อปเอ่ยออกมาเสียงหงอย ถึงปากเขาจะพูดปลอบเอเดน แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากจะเรียนกับแซมดี้เช่นกัน เตวินทร์ก็นั่งมองท่าทีของบรรดาเพื่อนตัวเองอยู่เงียบ ๆ ไม่พูดหรือเอ่ยอะไรออกไป สำหรับตัวเขาค่อนข้างที่จะเฉย ๆ กับการเรียนหรือไม่ว่ากับอาจารย์คนไหน "กูจะได้ดรอปตอนปีสุดท้าย เทอมสุดท้ายไหมวะเนี่ย" เอเดนยังคงพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ "มึงจะกลัวห่าไร เมียมึงก็ติวให้ได้ปะวะ เจอแซมดี้เหมือนกัน" ท็อปเอ่ยบอก ซึ่งแฟนของเอเดนก็เรียนคณะนิเทศฯเหมือนกันเพียงแค่คนละสาขา "ก่อนติวได้ตีกันตายห่าก่อน มึงก็เห็น กูกับวิเวียนดีกันไม่เคยถึงสิบนาที" เอเดนตอบ "เออจริง อันนี้กูเห็นด้วยเลย พวกมึงตีกันตายก่อน" พราวดาวพูดเสริมขึ้นทำเอาทุกคนยกเว้นเอเดนต่างหัวเราะออกมา เพราะเอเดนกับวิเวียนแฟนของเขานั้นมักจะทะเลาะถกเถียงกันอยู่บ่อย ๆ แทบทุกครั้งที่เจอกันเลยก็ว่าได้ "สัสเอ้ย เซ็ง!" เอเดนสบถออกมาด้วยความหัวเสียสุดขีด ซึ่งในขณะนั้นเองพราวดาวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูเวลา "ทำไมยังไม่มาอีกวะ" หญิงสาวเผลอพูดออกมาตามความคิด "อะไรของมึง" ท็อปที่ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของเพื่อนก็มองหน้าถาม "เพื่อนกูอะดิ มึงจำได้ปะที่กูบอก" "เพื่อนมึง?" ท็อปก็ทำหน้างง "ที่กูบอกว่ามันจะย้ายมาไง" "ออ ที่เทียบโอนมา?" "เออนั่นแหละ มันจะมาหากูวันนี้" "หามึงทำไม" "มันจะขอลงแซมดี้ด้วย มึงก็รู้แซมดี้มันต้องออกกอง ถ้ามันไม่ลงกับเรา มันก็ต้องไปหากลุ่มใหม่" พราวดาวตอบกลับ โดยการออกกองก็คือการได้ไปลงมือทำงานจริงถ่ายทำจริง ซึ่งค่อนข้างเป็นงานหนักอยู่ไม่น้อยสำหรับนักศึกษา หากได้เพื่อนร่วมกลุ่มไม่ดีก็มีผลต่อคะแนนและการได้วุฒิจบเลยก็ว่าได้ บางคนเรียนไม่จบเพราะวิชานี้ก็มี "เพื่อนมึงโอเคใช่ไหม?" เตวินทร์ที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ หันมองหน้าถามพราวดาวเสียงนิ่ง "โอเคเลยมึง มันนิสัยดีนะ" "กูไม่ได้หมายถึงนิสัย กูหมายถึงวินัยการทำงาน..." เจ้าของใบหน้าหล่อเอ่ยบอกทำเอาท็อปกับเอเดนต่างมองหน้าอย่างรู้กัน "...มึงรู้ใช่ไหมพราว ว่ากูเวลาออกกองเป็นยังไง" ดวงตาคมมองหน้าถามเพื่อน "อืมรู้ แต่เพื่อนกูมันโอเคแหละ หรือถ้ายังไง...มึงลองดูก่อนก็ได้ ถ้ามันไม่โอเค กูยินดีรับฟังความเห็นมึงนะ" พราวดาวตอบกลับไปด้วยสีหน้าจริงจังเข้าใจในสิ่งที่อีกคนต้องการบอก ถึงภายนอกเตวินทร์จะเป็นเสือร้ายแค่ไหนแต่เวลาเรียนหรือทำงาน เขาจริงจังและรอบคอบเป็นที่สุด "อืม" คนตัวสูงก็พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองที่มีหญิงสาวมากมายต่างส่งข้อความมาหาเขาไม่หยุด อีกด้าน (อยู่ได้ก่อลูก) "ได้ค่ะแม่ อย่าเป็นห่วงวาขนาดนั้นเลย วาอยู่ได้" (ดูแลตัวเองดี ๆ เน่อ) "ค่า" (ป้อจะคุยด้วย) "ค่ะ" (วาเลน) "ค่ะป๊ะป๋า" (มีอะไรโทรบอกป๋าเลยนะถ้ามีปัญหา) "ค่ะ" (ป๋าคิดถึงหนูนะ) "ค่ะป๋า วาก็คิดถึงป๊ะป๋ามาก ๆ แค่ปีนิด ๆ นะ เดี๋ยววาก็เรียนจบแล้ว" (ถ้าหนูอยากกลับมา...) "ไม่ค่ะ วาจะไม่กลับไป" ริมฝีปากบางตอบกลับคนเป็นพ่อออกไปน้ำเสียงจริงจังทำเอาปลายสายเงียบไป ก่อนจะเอ่ยออกมา (ยังไงก็โทรหาป๋ากับแม่บ่อย ๆ นะวาเลน) "ค่ะ" (ป๋ารักวา) "ค่า วาก็รักป๊ะป๋านะคะ ยังไงเดี๋ยววาโทรหาตอนว่าง ๆ นะ" (อืม) แล้วมือเล็กก็กดวางสายไปกดเข้าไลน์เพื่อตอบกลับเพื่อนที่ไลน์เข้ามาหาเธอ แต่ในขณะนั้นเอง... ตึก! อยู่ ๆ สองเท้าเล็กที่กำลังจะเดินเข้าไปยังตึกเรียนหรูก็ต้องหยุดชะงักหันไปมองยังด้านหลังตัวเองที่รู้สึกเหมือนมีใครบางคนคอยติดตามอยู่ "ออกมาค่ะ พี่โต้ง" เสียงเล็กหันไปเอ่ยบอกยังร่างสูงคุ้นเคยที่เป็นลูกน้องของพ่อตัวเองขึ้นอย่างรู้ทันว่าเป็นเขา ซึ่งคนตัวสูงหลังโดนจับได้ก็ยอมเดินออกมาแต่โดยดี "วาบอกแล้วไงว่าอย่าตามวาแบบนี้" "แต่คุณ..." "วาจะคุยกับป๋าเอง พี่โต้งกลับไปเลย ไม่ต้องมาตามวา" หญิงสาวมองหน้าเอ่ยบอกชายตรงหน้าท่าทีจริงจังปนหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่โดยตามดูราวกับเธอเป็นเด็ก "..." โต้งก็คือยืนนิ่งไม่ยอมทำตามที่อีกคนบอก "พี่โต้ง วาบอกให้กลับไปไง" "..." "พี่โต้ง!" "ครับ ก็ได้" สุดท้ายคนตัวสูงก็ต้องยอมพยักหน้าตอบกลับหมุนตัวเดินออกไปตามที่วาเลนบอก โดยคนตัวเล็กเองก็กดโทรศัพท์หาพ่อตัวเองทันทีหลังจากที่เพิ่งวางสายไปได้ไม่นาน "ป๊ะป๋า วาให้พี่โต้งกลับไปแล้วนะคะ" (...) "อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ วาไม่ใช่เด็กแล้ว วาดูแลตัวเองได้" (ป๋าเป็นห่วง...) "วาดูแลตัวเองได้ค่ะ แค่นี้นะคะ" ว่าแล้ว หญิงสาวก็กดวางสายไปด้วยความรู้สึกโกรธคนเป็นพ่ออยู่ไม่น้อย เธอรู้ว่าท่านเป็นห่วงที่เธอต้องมาอยู่ที่กรุงเทพเพียงลำพัง เธอก็บอกแล้วว่าอย่าส่งคนมาตามดูเพราะเธอไม่ชอบ เธอไม่ใช่เด็กและมันไม่มีอิสระความเป็นส่วนตัว แต่สุดท้ายพ่อเธอก็ส่งคนมาตามเธออยู่ดี มันเลยทำให้เธอรู้สึกหัวเสียอยู่ไม่น้อยตามประสาลูกสาวคนเดียวที่ถูกพ่อแม่เลี้ยงดูแบบตามใจมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เธอต้องมาอยู่กรุงเทพเพียงลำพัง โดยปกติแล้วเธออาศัยอยู่ที่เชียงใหม่ บ้านของเธออยู่ที่นั่น และเธอเองก็ไม่เคยต้องห่างพ่อแม่ตัวเองมาไกลขนาดนี้มาก่อน แต่มันเป็นเพราะเหตุการณ์บางอย่างทำให้เธอต้องย้ายมหาลัยมาเรียนที่ไกลจากมหาลัยเดิมของตัวเอง แน่นอนว่าพ่อเธอก็ต้องใช้เส้นสายที่มีในการช่วยเหลือให้เธอสามารถเทียบโอนวิชาเรียนให้เธอเรียนต่อโดยเก็บหน่วยกิตให้น้อยที่สุดเท่าที่พ่อเธอจะทำได้ เพราะท่านไม่อยากให้ลูกสาวเพียงคนเดียวต้องมาอยู่ห่างไกลจากสายตาตามอารมณ์คนหวงลูกนั่นแหละ โดยวาเลนเองก็ได้ย้ายจากมหาลัยเดิมมาเรียนที่มหาลัยคิงตัน มหาลัยเอกชนชื่อดังติดอันดับของประเทศ คนตัวเล็กต้องอยู่ปีสามเทอมสองเนื่องจากหน่วยกิตเทียบโอนไม่สามารถเทียบโอนได้ทั้งหมดทำให้หญิงสาวต้องเรียนช้ากว่าเดิมไปเกือบปีแต่วาเลนก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะมันก็ดีกว่าที่เธอต้องทนเรียนอยู่ที่เดิม...อีกอย่างการมาที่นี่ก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ เพราะเธอมีเพื่อนที่รู้จักกันซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกทีแต่บังเอิญได้ไปนั่งดื่มด้วยกันอยู่ช่วงหนึ่งทำให้ค่อนข้างสนิทกันอยู่ไม่น้อย เธอจึงรู้สึกค่อนข้างโล่งใจที่อย่างน้อยก็ไม่ได้ตัวคนเดียวในการเริ่มใหม่ขนาดนั้น แม้ว่าจะเรียนคนละสาขาและเพื่อนเธอใกล้จะจบแล้วแต่ก็ยังดีที่เทอมนี้เธอสามารถลงเรียนกับเพื่อนได้ โดยตัวที่เธอจะลงกับเพื่อนนั้นเรียกได้ว่าเป็นตัวที่ยากที่สุดที่เธอต้องเก็บหน่วยกิตให้ได้เลยก็ว่าได้ ครืดด ~ ติ๊ด (มึงอยู่ไหนเนี่ย) "หน้าคณะ" (เดินตรงเข้ามา เลี้ยวขวาโต๊ะสุดท้าย) "อืม" ตึก ตึก เสียงฉันเดินตรงเข้าไปยังที่ที่เพื่อนตัวเองบอก "ไหน..." ฉันก็พยายามมองหาโต๊ะสุดท้าย จนกระทั่ง... นั่นไง! ในที่สุดฉันก็สามารถมองเห็นกลุ่มนักศึกษาที่นั่งอยู่ตรงด้านหลังสุดของตึกคณะด้านขวา สองเท้าฉันก็เดินตรงไปยังพราวดาวที่นั่งอยู่ "เฮ้" ฉันยิ้มเอ่ยทักทายหญิงสาวตรงหน้าตามปกติ "มาสักทีนะมึง" มันก็หันมายิ้มพูดใส่ฉันก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้ามายืนข้างฉัน "พวกมึง นี่ไงเพื่อนกู...วาเลน" "เชี่ย สวยฉิบ..." ผู้ชายคนนึงมองหน้าฉันพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยแววตาที่รู้เลยว่า...เจ้าชู้เอาเรื่อง ฉันก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ผู้ชายคนนั้นไป ก่อนจะมองไปยังใครอีกคนที่นั่งยิ้มให้ฉันอยู่ ฉันก็ส่งยิ้มตอบกลับ จนไปถึง...อยู่ ๆ รอยยิ้มที่เคยฉายอยู่บนใบหน้าฉันก็ค่อย ๆ หายไปเหลือไว้เพียงแต่ดวงตากลมที่เบิกกว้างออกมาเล็กน้อยด้วยความตกใจ ขะ... เขาคนนั้น คนที่นั่งนิ่งมองหน้าฉันอยู่ด้วยแววตานิ่งเรียบยากที่จะคาดเดาความรู้สึก ตะ... เตวินทร์ "ไอ้เอเดน หยุดเลยนะ..." เสียงพราวดาวดังขึ้นทำให้ฉันได้สติหลบสายตาจากคนตัวสูงอีกคนไปอีกทาง "...เออวาเลน นี่เอเดน ท็อป แล้วก็... เตวินทร์ เพื่อนกู กลุ่มที่จะออกกองด้วยกันนี่แหละ" ฉันก็ยืนนิ่งไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ไม่คิดเลยว่า... จะได้กลับมาเจอกันในอะไรแบบนี้อีก โลกมันจะกลมเกินไปไหม... "วา" พราวดาวเรียกฉันขึ้น "ฮ...ฮะ ออ ยินดีที่ได้รู้จักนะ...ทุกคน" ฉันบอกออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นตัวเองอย่างเคย ไม่รู้สิ แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากสำหรับฉัน มันเร็วเกินไปที่จะได้กลับมาเจอกับ...เขาอีก "ยินดีเช่นกันค้าบบบคนสวย" คนที่ชื่อเอเดนเอ่ยออกมา ซึ่งในตอนนี้ฉันเองก็ไม่ได้คิดจะสนใจอะไรอีกแล้ว ขอออกไปตั้งหลักก่อนก็แล้วกัน "เอ่อ...เดี๋ยวฉันไปก่อนนะ พอดีจะได้เวลาเรียนแล้ว" ฉันหันไปบอกพราวดาวที่ยืนอยู่ "เออ ๆ ไปเรียนเถอะ ไว้ค่อยนัดเจอคุยกัน" "อืม" ว่าแล้ว ฉันก็รีบเดินออกไปทันทีอย่างไม่คิดจะพูดคุยกับใคร ลำพังแค่สายตาคมของใครบางคนที่คอยจ้องมองฉัน...ก็ทำเอาฉันรู้สึกอึดอัดจนแทบแย่แล้ว ตั้งสติไว้วาเลน...ตั้งสติไว้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม