เป็นไปไม่ได้

1592 คำ
วันต่อมา... ปลาบปลื้มขับรถไปรับอัญชันที่คอนโด เนื่องจากว่าวันนี้เธอและเขาเรียนเวลาเดียวกัน แต่ว่าเขาเลือกที่จะไปก่อน เพราะอยากที่จะชวนเธอไปกินข้าวก่อนที่จะเข้าเรียน ตื้อดึ่ง ตื้อดึ่ง!! แกร๊ก แอ๊ด!! “ทำไมมาเร็วจัง...” อัญชันเอ่ยถามพลางเสยผมที่มันร่วงหล่นมาปรกใบหน้าสวยน่ารักราวตุ๊กตาของเธอขึ้นลวกๆ “ว่าจะพาไปกินข้าวก่อนไปเรียน ทำไมยังใส่ชุดนอนอยู่ อย่าบอกว่าเพิ่งตื่น” “อืม...” เธอตอบแค่นั้น จากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวลงที่โซฟาตัวยาวกลางห้อง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนเล่น โดยที่ไม่ได้สนใจปลาบปลื้มเลย หมับ!! “ไปอาบน้ำ จะได้ไปกินข้าว” ปลาบปลื้มถือวิสาสะแย่งโทรศัพท์ของอัญชันไว้ “เอามา” อัญชันเอื้อมมาไปคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แต่ก็คว้าได้แค่อากาศ เพราะเขานั้นชูขึ้นเหนือหัว แถมยังทำหน้ากวนๆ ยักคิ้วใส่เธออีก “ไปอาบน้ำ” เขากดเสียงต่ำสั่งเธอ “ไม่!!” “จิ๊!! ทำไมชอบทำตัวมีปัญหานักวะ” เขาบ่นอย่าหัวเสีย “ฉันทำตัวมีปัญหา กับคนที่วุ่นวายกับฉันเท่านั้น เลิกวุ่นวายกับฉันได้ป้ะ รำคาญ” อัญชันเอ่บอกด้วยความตรงไปตรงมา “ก็อาซันบอกมา ฉันแค่ทำตามคำสั่งอาซัน คิดว่าอยากอยู่ด้วยมากหรือไง นิสัยก็เสีย” “ตัวเองนิสัยดีตายแหละ” แม้ปากจะบ่นแต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อตัดความรำคาญ “เดี๋ยวก็รู้ว่าดียังไง อย่าให้เจอฉันดีแต่หมนะ ระวังจะติดใจไม่รู้ตัว” เขากัดฟันพูดกับตัวเอง แล้วถือวิสาสะเดินชมรอบๆ ห้อง สายตาก็สอดส่ายมองนั่นมองนี่ มือไม้ก็อยู่ไม่เป็นสุขจับนั่นจับนี่ขึ้นมาสำรวจตรวจตราดูตามอำเภอใจ “กระโปรงยาวกว่านี้ไม่ได้หรือไง นี่เธอจะไปเรียนจริงๆ หรือเปล่า” ผ่านไปไม่นานอัญชันก็เดินออกมาจากห้องนอน พร้อมกับสวมชุดนักศึกษา แต่ผมเผ้าไม่ได้หวี “ยุ่งอะไรด้วย เป็นพ่อฉันหรอ” อัญชันต่อปากต่อคำด้วยความหงุดหงิดใจ ขนาดพ่อเธอก็ยังไม่เคยห้ามอะไรแบบนี้เลย “ไม่อยากเป็นพ่อ อยากเป็นผัวเธอ ได้ป้ะ...” ปลายประโยคเขาเดินไปใกล้ๆ แล้วใช้สองแขนเท้าไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง โดยมีเธออยู่ตรงกลาง จากนั้นก็ยื่นหน้าหล่อๆ เข้าไปใกล้ๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงติดกวนหน่อยๆ “หึ่ย!! กวนตีน เอาหน้าออกไปไกลๆ ...จะอ้วก” สองมือยกขึ้นผลักหน้าของเขาออกไปอย่างนึกรังเกียจ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบกระเป๋ามาสะพายไหล่ “ขนลุก!!” แต่ก็ไม่วายบ่นกับตัวเองเบาๆ “อะไรวะ ไม่เหมือนที่คิดไว้ในหัวเลย อยู่ใกล้ขนาดนั้นต้องสบตากันหรือเปล่า เชี้ยไรวะเนี้ย...ไม่รู้สึกอะไรด้วยจริงๆ ดิ...หรือกูไม่หล่อวะ...” ปลาบปลื้มหันไปมองกระจกตรงหน้า หันซ้ายหันขวา “ก็หล่อนี่หว่า ไม่เคลิ้มเลยหรอ?” เขาบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ “ไอ้ปลื้ม!! จะส่องอีกนานไหมกระจกน่ะ เร็วๆ” เสียงนางปีศาจดังขึ้นที่หน้าห้อง ทำให้ปลาบปลื้มตื่นจากภวังค์แห่งความสงสัยและรีบสาวเท้าก้าวตามเธอออกไป “จิ๊!” “ชักช้า แล้วบอกรีบ!!” “กินร้านไหน” ปลาบปลื้มเอ่ยถาม เพราะไม่อยากที่จะทะเลาะกับเธอ “อยากกินปิ้งย่าง” “เธอช่วยกินอะไรง่ายๆ ได้ป้ะ มัวไปปิ้งกินอีก มีเวลามากมั้ง” “แล้วจะถามฉันเพื่อ!! ถามแล้วก็ไม่เอา ถ้างั้นก็เลือกเองสิ” ว่าจะไม่ทะเลาะแล้วนะ แต่สุดท้ายก็ใส่เดี่ยวกันอยู่ดี “ข้าวแกงข้างหน้าและกัน” ว่าแล้วก็หักพวงมาลัยรถเข้าไปจอดข้างๆ ร้าน ที่เขาไม่ชอบกินปิ้งย่างเพราะมันต้องมามัวพลิกไปมา ซึ่งมันคือความยุ่งยากสำหรับคนที่ทำอาหารไม่เป็นแบบเขา “วันนี้กลับแท็กซี่ไปเลยนะ ฉันจะไปห้างต่อหลังเลิกเรียน” “ฉันก็กำลังจะไปเหมือนกัน ใจตรงกันนะเนี้ย...ไปด้วยดิ” “ใจตรงกันกับผีน่ะสิ ฉันจะไปช็อปปิ้ง ไปทำสปา แกจะไปด้วยทำไม” “ก็...อาซันให้ฉันช่วยดูแลเธอไง” “เลิกอ้างป๊าฉันได้ไหม อีกอย่างตัวติดกันขนาดนี้ ฉันอึดอัด!! ห่างๆ กันบ้างเหอะ” “ไม่!!...ขอไปด้วย” “จะไปด้วยทะ...” “รับอะไรดีคะ” ยังไม่ทันที่อัญชันจะพูดจบประโยค พนักงานสาวก็เดินมารับออเดอร์ “สั่งให้หน่อย” ปลาบปลื้มกล่าว “เอาทอดมันกุ้งค่ะ ต้มยำปลากะพง ไข่เจียวปู แล้วก็ปลาราดพริก ข้าวเปล่า2” “อ้าว แล้วกะเพราอกไก่สับของฉันล่ะ” ปลาบปลื้มประท้วง เมื่อสิ่งที่อัญชันสั่งไปไม่มีเมนูโปรดของเขาเลย จะมีก็แต่ทอดมันกุ้งอย่างเดียวละมั้งที่เขาและเธอกินด้วยกันได้ “แล้วทำไมไม่สั่งเอง ใครจะไปจำได้” คำพูดของอัญชันทำเอาปลาบปลื้มแอบ นอยด์ ในใจก็บ่นว่าทีเขายังจำได้เลย เพราะไม่ใส่ใจมากกว่ามั้ง เรื่องแค่นี้เลยจำไม่ได้ หงุดหงิดชะมัด “ก็หัดจำบ้างดิ” “แล้วทำไมฉันต้องจำ เป็นผัวฉันหรือไง?” “ถ้าเป็นจะจำไหม?” “นี่ไอ้ปลื้ม ขอร้องอย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แค่ต้องมานั่งกินข้าวด้วยทุกวัน ก็อึดอัดจะแย่” “นี่ถามอะไรหน่อยสิ ฉันกับไอ้ป้องใครหล่อกว่ากัน” “ป้อง!!” “แปลว่าฉันก็หล่อใช่ป้ะ” “ไม่!!” “แต่ฉันกับมันหน้าเหมือนกันเลยนะเว้ย” “แล้วไง??” “แล้วถ้าเธอมีแฟน เธอจะเรียกแฟนว่าอะไร” “เรียกชื่อมั้ง จะถามทำไมเนี้ย” คนตัวเล็กเริ่มขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเขาจะถามทำไมนักหนา “แล้วถ้าไม่ใช่ชื่อจะเรียกว่าอะไร” “เธอมั้ง” “เรียกว่าอะไรนะ” “เธอ” “จ๋า...” ปลาบปลื้มยกยิ้มกวนๆ ให้อัญชันที่ถูกหลอกให้เรียก ทำเอาอัญชันมองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่ได้รู้สึกขวยเขินแต่อย่างใดเลย “เหอะ...” เมื่อถูกทำลายบรรยากาศ เขาก็ไม่กล้าที่จะหามุกอะไรมาเล่นต่อเลย ดูท่าแล้ว อารมณ์ตอนนี้ไม่น่าจะรอด ขืนดันทุรังเล่นได้โดนฝ่ามืออรหันต์จากเธอแน่ๆ หน้าของเธอตอนนี้เหมือนตอบเป็นนัยๆ ว่า อะไรของมึง แบบนั้นเลย สุดท้ายเลยรีบก้มหน้าก้มตากินข้าวกันจนหมด พอกินอิ่มแล้วปลาบปลื้มก็ขับรถไปส่งอัญชันที่หน้าตึกบริหาร ส่วนเขาก็ขับเลยไปที่ตึกคณะแพทย์ และยังคงเอารถของอัญชันไปใช้อยู่ “อ้าวน้ำค้าง...ทำไมวันนี้มาก่อนล่ะ” อัญชันเอ่ยถามเพื่อนสาวด้วยความสงสัย เพราะปกติน้ำค้างจะมาช้ากว่าเธอ “คุณไทม์มาส่งน่ะ เลยมาเร็ว เห็นบอกว่าจะเข้าไปดูงานที่บริษัทกับแม่เลยแวะมาส่ง” “อ้อ...เมื่อกี้ปลื้มมันมาส่งด้วย ตอนแรกบอกอยากมาเจอแก...แต่ไหงขับออกไปและ” “มันไม่ได้อยากมาหาฉันหรอก ข้ออ้างมันน่ะ” น้ำค้างเอ่ยตอบเพื่อน เพราะรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเพื่อนอีกคน เธอเองก็รู้อยู่แล้วว่าปลาบปลื้มน่ะชอบอัญชันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว แต่ก็ต้องตามน้ำไป เพราะเจ้าตัวไม่กล้ามาสารภาพรักกับอัญชันเสียที แต่เอาเข้าจริงๆ ทุกอย่างก็ชัดเจนอยู่แล้ว จะมีก็แต่เจ้าตัวนี่แหละไม่รู้ว่านายนั่นชอบเธอ “ช่างมันเถอะ ไม่อยากสนใจอ่า แล้วเรียนเสร็จจะไปไหนต่อ?” อัญชันบอกปัด เพราะไม่อยากที่จะรับรู้อะไรเกี่ยวกับอีตานั่น “ไปไหนไม่ได้หรอก ฉันเป็นหนี้เยอะ...ต้องทำงานใช้หนี้คุณไทม์เขา...” “เอ่อ...เรื่องพี่กังหัน...” อัญชันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอึกอักเล็กน้อย “ฉันโอเค...อย่าคิดมากเลย...อีกอย่างพี่กังหันกับพี่อชิ...ก็ดูเหมาะสมกันดี” น้ำค้างกล่าวด้วยหัวใจที่สั่นไหว แม้ปากจะบอกว่าไม่คิดมาก แต่กังหันคือรักที่เธอฝังใจ ใช่เธอแอบชอบกังหัน แต่กังหันดันไปลงเอยกับพี่ชายเพื่อนรักแทน “เห้อ...ตอนที่แกบอกว่าชอบพี่กังหันตอนแรกฉันก็แอบตกใจอยู่นะ ไม่คิดว่าแกจะชอบผู้หญิง...แล้ว...ไม่คิดจะชอบไอ้ปลื้มมันบ้างหรอ...มันดูชอบแกนะ” อัญชันชงให้เพื่อน เพราะอยากให้นายนั่นออกห่างจากเธอแล้ว ตั้งแต่เธออกหักวันนั้น จากที่ตามติดอยู่แล้วก็ยิ่งตามติดเข้าไปใหญ่ จนเธอแทบจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย ขนาดจะเศร้าอยู่ที่ห้อง หันมาเจอหน้ามันก็เศร้าไม่ลงเลย แถมยังบังคับให้เธอไปนู้นไปนี่ด้วยตามอำเภอใจ ไม่มีเวลาให้เศร้าหรือเฮิร์ทเลยด้วยซ้ำ “ไม่อ่า ฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย...อีกอย่าง...” อัญชันรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ “แกไม่คิดว่ามันจะชอบแกหรอ?” เธอถามลองเชิงเพื่อน “หึ่ย!! ไม่มีทาง มันนี่นะจะมาชอบฉัน คนชอบกันที่ไหนกวนประสาทแบบนั้น” พูดแล้วก็ทำตัวสั่นๆ ขนลุกขนพองในความเป็นไม่ได้ในความคิดของเธอ ทำเอาน้ำค้างหลุดขำออกมากับท่าทีของเพื่อนที่ดูจะต่อต้านปลาบปลื้มแบบเต็มพิกัด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม