03 - ออกจากโรงพยาบาล

1488 คำ
หลังจากที่ขาดการติดต่อจากเพื่อนไปหนึ่งคืน มาลาแก้วก็ได้รู้ว่าที่เพื่อนขาดการติดต่อไปเพราะเกิดอุบัติเหตุ เธอไม่ทันได้ไปเยี่ยมหยาดฟ้าที่โรงพยาบาล เพราะกว่าจะรู้เพื่อนก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลเสียแล้ว จึงได้ตามไปเยี่ยมกันที่บ้านแทน “นี่เมื่อคืนแก...เมามากขนาดนี้เลยเหรอ” มาลาแก้วกระซิบถามเมื่อได้เห็นสภาพของคุณหมอหยาดฟ้าคนเก่ง ก่อนแยกกันเธอก็ตะขิดตะขวงใจอยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ แต่เพราะเพื่อนยืนยันว่าไหวและทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าคนอย่างหยาดฟ้า ดื้ออย่างกับอะไร บอกยังไงก็คงไม่ยอมฟัง “แกอย่าดังไปเชียวนะ ตอนนี้แม่ฉันยังไม่รู้เรื่องว่าฉัน...เมาแล้วขับ” คนพูดเบาเสียงท้ายประโยคลง พลางหันมองซ้ายขวา เพราะกลัวคนในบ้านมาได้ยิน ถึงจะเป็นคนที่ไม่กลัวอะไร แต่กับแม่ถือเป็นกรณียกเว้น กรณีพิเศษ กรณีเดียวที่จะสามารถเอาคนอย่างหยาดฟ้าลงได้ “ที่โรงพยาบาลไม่ได้บอกเหรอ” มาลาแก้วรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ น่าแปลกที่โรงพยาบาลไม่แจ้งกับญาติ แถมยังไม่มีข่าวออกมาให้เห็นเลยด้วย ทั้งที่ประเด็นหมอเมาแล้วขับ เรียกทัวร์ได้เป็นอย่างดี รับรองว่าถ้านักข่าวเอาไปเขียน คนมารุมด่าหยาดฟ้ากันแบบมืดฟ้ามัวดินแน่นอน “ก็ดันไปโรงพยาบาลสิริอาโปน่ะสิ ฉันไม่รู้ว่าขับรถไปแถวนั้นทำไม จำไม่ได้ แล้วความผีนะ ดันไปเจอช่วงที่อีสิบมันขึ้นเวรพอดี มันเลยกุมความลับของฉันเอาไว้เลย” พูดแล้วก็ยิ่งเจ็บใจ หยาดฟ้าพยายามหาคำตอบว่าทำไม คืนวันเกิดเหตุตัวเองถึงได้ไปประสบอุบัติเหตุแถวนั้นได้ เพราะทางกลับบ้านไม่ได้ผ่านเส้นทางนั้นเสียหน่อย แถมไม่ได้มีธุระอะไรที่ต้องไปแถวนั้น และเธอก็ยังเชื่ออีกว่า ที่ตัวเองประสบอุบัติเหตุ ไม่ได้เป็นเพราะเมาอย่างเดียว แต่เป็นเพราะไม่ชำนาญเส้นทางด้วย “ความลับอะไรเหรอ?” เสียงคุณนายหยาดเพชรแทรกขึ้น เธอเดินเข้ามาพร้อมกับถาดที่มีแก้วน้ำส้มคั้นสองใบ คนขาหักเสียวสันหลังวาบ เธอได้แต่หวังว่าแม่จะมาได้ยินแค่คำว่าความลับ “ก็...ความลับที่ว่าอีหมอสิบมันรักษาหนูน่ะสิ” คนทำผิดแก้ตัวไปแบบไม่คิด ตอนนี้หยิบอะไรมาแถได้ก็แถไปก่อน เอาให้เรื่องมันพ้นตัวไป เพราะถึงเธอจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าแม่รู้ขึ้นมา ก็คงไม่วายโดนด่าแน่ๆ เผลอๆ จะโดนทุบอีกด้วย “ฟังสิ หนูแก้ว ยายหยาดนี่ไม่ได้แม่ไปสักนิดเลย ผู้หญิงอะไรพูดจาไม่น่าฟังสักนิด แถมผู้ชายที่พูดถึงนั่นก็เป็นคนที่กำลังจะแต่งงานด้วยอีก” สาวใหญ่ว่าพลางวางถาดลง แล้วจัดการวางแก้วน้ำส้มให้กับสาวๆ ส่วนตัวเองก็หันเอาถาดไปยื่นให้กับสาวใช้ที่มารอรับอยู่แล้ว “ใครจะแต่งกับมันล่ะ” หยาดฟ้าพูดเสียงแข็ง ได้ยินเรื่องนี้ทีไรอารมณ์มันเดือดทุกที ทำไมพ่อแม่ของเธอถึงได้ไม่เข้าใจ ว่าเธอกับสิบทิศมันเป็นอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว “หยุดพูดถึงพ่อสิบเขาแบบนั้นเลยนะ” ผู้เป็นมารดาว่าพลางชี้นิ้วสั่งลูกสาว “ก็มันจริงนี่ หนูยังไม่ได้ตกลงกับแม่เลยว่าจะแต่งงานกับอีหมอสิบ ทุกคนเออ ออ กันไปเองหมดเลย” หญิงสาวพูดลอยหน้าลอยตาพลางยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม “แกนี่นะยายหยาด ช่วยทำตัวให้เป็นกุลสตรีเหมือนหนูแก้วเขาหน่อยได้มั้ย หรือถ้าไม่ได้เท่านี้ก็เอาสักเท่าหนูอิงก็ยังดี แม่ล่ะปวดหัวจริงๆ เลย” คนพูดว่าพลางทำท่ายกมือขึ้นมากุมที่ศีรษะ เพื่อนสนิทของลูกสาวก็มีอยู่แค่นี้ คนหนึ่งก็กำลังจะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา อีกคนก็รอฤกษ์งามยามดี ได้แต่งเข้าพิธีแน่ๆ แต่ลูกสาวเธอสิ หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร ก็เฝ้าพูดอยู่นั่นแหละว่าไม่แต่งๆ “ปวดหัวก็พาราสักเม็ดค่ะ แล้วก็นอนพัก ว้าย!!!” คนเป็นแม่เอื้อมมือไปหยิกเข้าที่แขนของลูกสาวด้วยความหมั่นไส้ แม่ว่ายังต่อปากต่อคำอย่างไม่ยอมแพ้ แบบนี้ถ้าเธอไม่หาสามีให้ ผู้ชายที่ไหนเขาจะมาอยากได้ลูกสาวของเธอไปเป็นภรรยากัน นอกจากเรียนเก่ง หน้าที่การงานดี และหน้าตาพอไปวัดไปวาได้ หยาดฟ้าก็ไม่มีอะไรดีเลยในสายตาของคนเป็นแม่ “แกนี่มันจริงๆ เลย หนูแก้วแม่ขอตัวนะ สงสัยต้องอัดพาราสักแผง มีลูกแบบยายหยาดเนี่ย แม่ละอยากจะซื้อหุ้นบริษัทผลิตยาพาราจริงๆ วันๆ หาแต่เรื่องให้แม่ปวดหัว” “สวัสดีค่ะคุณแม่” มาลาแก้วว่าพลางยกมือไหว้ คุณนายหยาดเพชรยกมือขึ้นรับไหว้เพื่อนของลูกสาว ก่อนจะหันไปค้อนหยาดฟ้า ที่ทำหน้าทำตาล้อเลียนแม่อย่างไม่เกรงกลัว แม้ว่าตัวเองนั้นจะขาใส่เฝือกอยู่ก็ตาม “แล้วนี่รู้เรื่องยายอิงหรือยัง” เมื่อคุณนายหยาดเพชรจากไปแล้ว มาลาแก้วจึงได้หันไปถามเพื่อนสนิท “เรื่องอะไร?” “ก็บินด่วนไปเชียงใหม่ตั้งแต่เช้าแล้วน่ะสิ” “โห...ทำไมเร็วจัง ก็ไหนว่าอีกตั้งหลายวันไม่ใช่เหรอที่จะไป” หยาดฟ้าพูดพลางยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่มอีกครั้ง เธอจำได้รางๆ ว่าเมื่อคืนอิงนรีพูดอย่างนั้น หรือเธอจะเมาหนักจริงๆ จนจำอะไรเลอะเลือนไปหมดแบบนี้ “ก็ใช้ แต่เห็นอิงบอกว่า ป้าจะเร่งจัดงานแต่งให้เร็วที่สุด ก็เลยอยากพาอิงไปเจอเจ้าบ่าวด้วย” “แล้วเป็นไงเจ้าบ่าวยายอิง พิกลพิการอย่างที่นางกลัวไหม” เพราะเมื่อคืนอิงนรีพูดเรื่องนี้อยู่หลายรอบ จนคำพูดมันฝังอยู่ในความทรงจำของหยาดฟ้าไม่ลืม ต่อให้เมาแค่ไหน ก็ลืมไอ้วลีนี้ไม่ลง “ยังไม่เจอกันเลย” ขณะที่กำลังฟังมาลาแก้วพูดอยู่นั้น ข้อความจากใครบางคนก็ถูกส่งมารบกวนจิตใจคนเจ็บ เธอกดเข้าไปอ่านพลางบึนปากใส่ “อะไร?” มาลาแก้วที่เห็นท่าทางของเพื่อนเอ่ยถามขึ้น “ก็อีหมอสิบน่ะสิ มันบอกว่ามันจะมาเยี่ยมฉันที่บ้าน เมื่อเช้าก่อนจะออกจากโรงพยาบาลมันยังซื้อข้าวต้มมาให้ฉันอยู่เลย แล้วนี่จะมาทำไมอีก กะจะให้ฉันขาดใจตายเพราะเห็นหน้ามันเลยมั้ง” หยาดฟ้าพูดก่อนจะวางโทรศัพท์ลง “แกก็พูดเกินไป หมอสิบเขาอาจจะเป็นห่วงแกก็ได้ เห็นแม่บอกว่ารถแกพังหนักเลย แกเจ็บตัวภายนอกแค่นิดเดียวเอง เขาอาจจะกลัวว่าภายในบาดเจ็บตกหล่นตรงไหนก็เลยตามมาตรวจก็ได้” มาลาแก้วพูดด้วยมุมมองแง่บวก เธอเองก็รู้จักกับหมอสิบทิศมาพอสมควรและไม่ได้รู้สึกว่าเขาจะเลวร้ายอะไรอย่างที่เพื่อนของตัวเองพูดถึงสักนิด กลับกันเขาออกจะดีกับหยาดฟ้าเสียด้วยซ้ำ หากไม่นับที่ว่าชอบพูดกวนประสาทให้หยาดฟ้าหงุดหงิดแล้วนั้น “อย่ามาโลกสวยนะยายแก้ว ฉันน่ะรู้จักคนแบบมันดี คงจะมาเยาะเย้ยฉัน แล้วก็...เอาเรื่องความลับมาขู่ฉันนั่นแหละ” มาลาแก้วได้แต่ส่ายหน้าไปมา จะว่าไปแล้วสองคนนี้ก็ดูจะเหมาะสมกันดี ถ้าไม่ใช่หมอสิบทิศ เธอก็คิดไม่ออกเลยว่าผู้ชายแบบไหน ที่จะเหมาะสมกับคนอย่างหยาดฟ้า “ยิ้มอะไรยายแก้ว” “จริงๆ ฉันว่าแกกับหมอสิบก็ดู...เหมาะสมกันดีนะ” มาลาแก้วพูดความคิดของเธอออกมา “ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลยนะยายแก้ว พูดอะไรออกมา ขนลุก” “จริงนะ คนอย่างแกน่ะ ต้องเจอผู้ชายแบบหมอสิบนั่นแหละ มันถึงจะสมน้ำสมเนื้อ” “นี่ยายแก้วพูดแบบนี้หมายความว่าไง” “ต้องแปลอีกหรือไง ถ้างั้นฉันขอตัวกลับนะ แกกับหมอสิบจะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง” มาลาแก้วแกล้งว่าก่อนจะลุกเดินหนีไป ปล่อยหยาดฟ้าให้ตะโกนเรียกจนแสบคอ “ถ้าขาฉันหายเมื่อไหร่แกเจอดีแน่ยายแก้ว พูดจาหยาบคายมาก มาบอกว่าฉันสมกับอีหมอสิบได้ยังไงหา!!!” เธอตะโกนตามหลังเพื่อนสนิทของตัวเองไปอย่างหัวเสีย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม