๒๔
"...อยากได้เงินเท่าไหร่เธอถึงจะไปจากประภาส" คำถามที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังส่งผลให้คนตัวเล็กที่ถือจานเข้ามาเก็บหันขวับ พบแม่เลี้ยงของสามีเธอที่มองเธออย่างไม่ชอบใจ
"น้ำไม่ไปค่ะ น้ำไม่อยากได้เงิน"
"เหอะ ไม่อยากได้เงิน จะบอกว่ารักคนขี้โรคแบบนั้นน่ะเหรอ ใครเขาจะเชื่อเธอ บอกไว้ก่อนว่าหากหวังมรดกหลังจากที่นายภาสตาย เธอไม่มีวันได้แม้แต่เศษสตางค์แดงเดียว"
"ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ น้ำไม่อยากได้อะไรอยู่แล้ว"
"ต่อให้เธอจะอยากได้ ฉันก็บอกไว้ตรงนี้เลยว่าเธอไม่มีวันได้ วันนี้ฉันจะให้โอกาส ให้ในสิ่งที่เธออยากได้ แต่หากเธอไม่รับข้อเสนอของฉัน ไม่รับเงิน และไม่ไปจากลูกของฉันซะ เธอจะไม่มีวันได้อะไรเลย"
"น้ำเข้าใจว่าคุณอาจะเข้ามาคุยกับน้ำ และฝากฝังให้น้ำดูแลพี่ภาสเสียอีก..." ครู่หนึ่งที่รตวรรณชะงัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รีบปั้นหน้าดุออกมา
"เพราะฉันไม่เชื่อไงว่าผู้หญิงยุคใหม่และยังเด็กมากแบบเธอจะมาจมอยู่กับคนขี้โรคซึ่งไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้กี่วัน เธอเห็นว่าเขาป่วยใช่ไหมเธอถึงเลือกที่จะอยู่กับเขาและไม่รับเงินของฉัน ลึกๆ คิดว่าจะได้อะไรที่มากกว่านั้นใช่ไหม"
"ขอโทษนะคะ น้ำไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ"
"ตอแหล!" คำพูดร้ายกาจสาดเขาใส่ คนตัวเล็กหน้าชาขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น รตวรรณดูเป็นผู้ดีมาก ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ดีเพียงภายนอกที่เธอมองเห็นกิริยาจะแตกต่างจากสิ่งที่คาดเดา
"อย่ามั่นหน้าตอแหลให้มาก ฉันไม่ได้ใจดีแบบที่แกคิด!" มือหนาเลื่อนมาคว้าหมับที่ท่อนแขนเรียวของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของลูกเลี้ยง ออกแรงบีบจนคนตัวเล็กหลุดแสดงสีหน้าเหยเกออกมาให้เห็น
"น้ำเจ็บนะคะ"
"ตอแหล ตีหน้าซื่อตอแหลแบบนี้น่ะเหรอผู้ชายถึงชอบ ฉันจะคอยดูว่าคนอย่างแกมันจะทนได้กี่วัน" มือหนาบีบท่อนแขนเรียวแรงๆ ในช่วงท้ายก่อนจะดันคนตัวเล็กออกห่างอย่างแรง
เมธาวี ผู้หญิงคนเก่าของประภาส คือคนที่เธอส่งไป ซึ่งแน่นอนว่าอยู่ในสายตาของเธอตลอด การถูกทิ้งในครั้งนั้นเข้าใจว่าลูกเลี้ยงเขาจะเจ็บเจียนตาย แม้จะมีชีวิตอยู่ก็ไม่ต่างจากตายทั้งเป็น ไม่คิดว่าประภาสจะมีเมียใหม่ แต่หน้าจืดๆ ซื่อๆ แบบนี้ คงไม่ยากที่เธอจะรับมืออย่างแน่นอน
"มีอะไรกันเหรอครับ" คนกลางเดินเข้ามาในห้องครัวเพราะคนทั้งคู่หายไปนานเกินไป
"อาทำอะไรน้ำงั้นเหรอครับ"
"ทำไมถึงคิดว่าอาจะทำเมียแก ไม่คิดว่าเมียแกมันจะตอแหลใส่อาบ้างหรือไง"
"เพราะผมมั่นใจว่าน้ำไม่ใช่คนแบบนั้นไงครับ"
"แล้วแกคิดว่าฉันเป็นคนตอแหลประเภทนั้นงั้นเหรอภาส"
"ผมแค่ถามคุณอานะครับว่าเกิดอะไรขึ้น และที่ผมบอกว่าน้ำไม่ใช่คนประเภทนั้น ผมแค่ปกป้องเมียผม ไม่ให้อาเข้าใจผิดแค่นั้นเอง"
"อาก็แค่คุยกับเมียแกตรงๆ กลัวว่ามันจะเข้ามาปอกลอกแกน่ะสิ"
"ด้วยวิธีไหนหรอครับ ผมได้ยินแว๊บๆ ว่าคุณอาจเสนอเงินให้น้ำเพื่อให้นำไปจากผม!" มือเรียวแตะลงที่ท่อนแขนแกร่งเบาๆ หญิงสาวไม่ได้ต้องการเป็นสาเหตุให้สามีกับแม่เลี้ยงของเขาต้องทะเลาะกัน แม้กิริยาของแม่เลี้ยงเขามันจะดูแปลกแหละเหวี่ยงไปมากก็ตาม
"ไม่เป็นไรค่ะพี่ภาส น้ำโอเค"
"แต่พี่ยังไม่โอเค" มือหนาวางหมับลงบนศีรษะทุยเล็กพลางลูบไล้ไปมาอย่างอ่อนโยน ไม่นานนักดวงตาคมกริบก็ตวัดขึ้นมองสบตากับแม่เลี้ยงของเขาตามเดิม
"ผมขอร้องนะครับ ว่าทีหลังอย่าทำแบบนี้กับน้ำอีก คนนี้ผมจริงจังมาก ใจจริงผมไม่ได้อยากเปรียบเทียบ แต่ที่ผมต้องพูด เพราะน้ำแตกต่างจากผู้หญิงที่อาเคยหาให้ผมโดยสิ้นเชิง"
"ดูแกหลงเมียมากนะภาส ไม่ใช่ว่าอยู่ด้วยกันเพียงเดือนกว่าๆ แกเสนอหน้าจดทะเบียนสมรสกับมันแล้วนะ เพราะถ้าแกทำแบบนั้นหมายความว่าแกโง่มาก โง่ที่อาจจะตายและสูญเสียทุกอย่างเพราะผู้หญิงโดยไม่รู้ตัว!"
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับน้ำ เพราะเธอไม่เคยอยากได้อะไรของผมแบบที่อาเข้าใจเลย" รอยยิ้มแห่งความพอใจผุดขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่ายโดยที่อีกคนสังเกตเห็นพอดี รตวรรณยกยิ้มที่มุมปาก มองท่าทีประคบประหงมของลูกเลี้ยงที่มีต่อผู้หญิงคนใหม่ด้วยความหมั่นไส้
"วันนี้ผมขอตัวกลับเลยนะครับ แค่แวะพาเมียมาแนะนำกับอา ผมห่างงานมานานไม่ได้สุดท้ายก็ต้องรีบกลับไปทำ" ประภาสยกมือไหว้แม่เลี้ยงที่มองเขาและภรรยาสาวด้วยสีหน้านิ่งๆ น้ำใจยอมยกมือไหว้แบบที่เขาทำ ก่อนที่เขาจะพาเธอเดินออกมาจากบ้านพร้อมกัน
"เขาทำอะไรน้ำหรือเปล่า" ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่ออยู่ภายในรถด้วยกันตามลำพัง
"เขาไม่ได้ทำอะไรน้ำหรอกค่ะ พี่ภาสไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ"
"ต้องห่วงสิ พี่ไม่ได้ต้องการให้อาวรรณเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตคู่ของพี่ แต่สาเหตุที่พี่พาน้ำเข้ามาในบ้านหลังนี้ เพราะพี่แค่อยากให้เขารู้ว่าน้ำเป็นใคร และอยากให้น้ำเห็น ว่าเขาเป็นคนยังไง" น้ำใจเงยหน้ามองสบตากับสามีหนุ่มตรงๆ แววตาของเขาถ่ายทอดความรู้สึกห่วงใยเธอออกมาอย่างชัดเจน
"อาวรรณมีลูกสาวอีกคน ชื่อเว เวลา วันนี้รายนั้นไม่อยู่บ้านน้ำเลยไม่เจอเขา พี่เคยบอกน้ำไปแล้ว ว่าระหว่างพี่กับอาเราไม่ได้มีความผูกพันอะไรต่อกันมากนัก แต่ต่อให้ในวันที่พ่อของพี่พาอาวรรณเข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะเมียและอาวรรณเป็นใหญ่ที่สุด แต่พ่อไม่เคยทิ้งขว้างพี่หรือปล่อยให้ใครมาเอาเปรียบพี่ได้ง่ายๆ พ่อยอมให้พี่ปลีกตัวมาอยู่ที่บ้านเกิดของแม่ ลึกๆ แล้วอาจจะรู้ว่าอาวรรณไม่ได้ชอบหน้าพี่ จึงเลือกที่จะตัดปัญหาทุกอย่าง"
"..."
"คำหนึ่งที่พี่อยากให้น้ำจำเอาไว้ เรื่องให้เกียรติก็ส่วนให้เกียรติ แต่อย่ายอมให้ใครมาเอาเปรียบ บางครั้งยอมได้ แต่น้ำอย่าอ่อนแอ จำคำพูดพี่ไว้นะ และนำไปใช้ด้วย"
"ค่ะ น้ำจะจำคำพูดของพี่ภาสให้ขึ้นใจนะคะ"
"ดีมากครับ ก่อนกลับน้ำอยากไปไหนก่อนหรือเปล่า"
"ไม่ค่ะ" น้ำใจปฏิเสธออกมาทันที หากเป็นเมื่อก่อนสิ่งแรกที่เธอนึกถึงคงเป็นคนในครอบครัวเสมอ แต่ในตอนนี้พวกเขาคงมีความสุขอยู่กับเงินที่เอาเธอไปแลกมา
"พี่จะกลับไปหาหมออีกรอบก่อนกลับ แต่ในวันนี้พี่อยากให้น้ำรู้จักกับหมอมากขึ้น เผื่อว่าวันหนึ่ง มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่ น้ำจะได้ติดต่อหมอได้"
"ค่ะ" คนตัวเล็กตอบรับออกมาเบาๆ แม้เธอจะไม่ชอบใจกับคำพูดของเขาที่ชอบพูดตัวเองเท่าไหร่ แต่ก็เอาเถอะ คงไม่มีใครอยากพูดร้ายๆ ใส่ตัวเอง ความหมายที่เขาพูดคงจะต้องการสื่อแบบนั้นจริงๆ
ครืด ครืด~
"ว่าไง!" เสียงตอบรับดังขึ้นทันทีที่มีการคว้าโทรศัพท์บนโต๊ะกระจกขึ้นมากดรับ ร่างสูงโปร่งหยัดกายลุกขึ้นจนเต็มความสูง ดวงตาคมกริบตวัดมองเรื่อยเปื่อย ไม่มีความนิ่ง บ่งบอกว่าเขากำลังร้อนอกร้อนใจกับสิ่งที่คนทางปลายสายกำลังจะเอ่ยขึ้นมา
[ เรื่องที่คุณไฟให้ผมไปสืบ ได้ข้อมูลมาครบถ้วนแล้วครับ ผมส่งข้อมูลส่วนตัวของนายประภาส นาราอภิบาลให้คุณไฟเรียบร้อยแล้วครับ ]
"ฉันอยากรู้เรื่องความสัมพันธ์ของสองคนนั้น สรุปออกมาเลยฉันกำลังรอฟัง"
[ พวกเขาเป็นสามีภรรยากันครับ ]
"แน่ใจเหรอว่าข้อมูลที่ได้มามันคือเรื่องจริง" น้ำเสียงของอัคนีติดความเกรี้ยวกราด เขายังหวังว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องจริง เขาคาดหวังมากจริงๆ
[ แน่ใจครับคุณไฟ พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน ฝ่ายชายให้สินสอดยี่สิบล้าน พ่อแม่ฝ่ายหญิงยกให้ทันที ] มือหนาปล่อยลงข้างลำตัว เพื่อเป็นการละโทรศัพท์ออกจากหู ความรู้สึกผิดหวังถาโถมเข้ามาใส่อย่างจัง สุดท้ายแล้ว ที่เลิกกัน ก็เพราะต้องการแต่งงานกับผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่เขาจริงๆ