“มึงเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตามึงไม่ค่อยดีเลย” ปัญญาถามบุตรชาย ตลอดทางเขาสังเกตเห็นใบหน้าคชาที่ค่อนข้างเครียด คล้ายกับว่ามีเรื่องกังวลอยู่ในใจ ซึ่งน้อยครั้งนักที่เขาจะเห็นความเครียดบนใบหน้าลูกชาย
“ไม่รู้สิพ่อ มันบอกไม่ถูก”
“มันยังไงล่ะ ที่ว่าบอกไม่ถูก” ปัญญาชักสงสัยมากขึ้น
“ใจคอไม่ดียังไงไม่รู้พ่อ ใจไม่อยากทำงานวันนี้เลย”
“มึงคิดมากไปเอง ทำงานแบบนี้มาตั้งกี่ครั้งแล้วก็ไม่เห็นมีปัญหา อย่าคิดอะไรให้มันมากเลย เดี๋ยวเราก็ได้กลับบ้านแล้ว”
ปัญญารู้ดีว่างานที่ทำมีความเสี่ยงสูง สักวันหนึ่งอาจจะพลาดพลั้ง แต่เขามีความเชื่อมั่นว่า ด้วยสติปัญญาและความสามารถของตนเอง เรื่องที่วิตกกังวลจะต้องผ่านพ้นไปด้วยดี งานวันนี้ก็เช่นกัน
คชาไม่พูดอะไรต่อ เขาขับรถไปตามเส้นทางดินลูกรัง ถนนหนทางค่อนข้างลำบาก แต่ด้วยความเคยชินมันจึงไม่ใช่เรื่องยากในการเดินทาง
อีกด้านหนึ่ง
ตำรวจนอกเครื่องแบบราวยี่สิบคน และตำรวจตระเวนชายแดนอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดมาพร้อมกับอาวุธครบมือ พวกเขาดักซุ่มอยู่แนวชายป่าริมถนนลูกรัง สายตามองไปยังรถบรรทุกและรถอีกสองคันที่กำลังแล่นเข้ามาใกล้พวกเขา
“ทุกหน่วยพร้อมนะ ระวังตัวด้วย รอสัญญาณจากผมก่อนแล้วค่อยบุก”
พันตำรวจตรีหรือสารวัตรนพดลบอกลูกน้องที่กระจายกำลังผ่านวิทยุสื่อสารหรือเรียกกันติดปากว่า วอ นพดลได้รับมอบหมายให้คอยจับตาดูวิเศษ ผู้กว้างขวางและมีอิทธิพลคนหนึ่งในจังหวัดชุมพร หรืออาจจะพูดว่าทั่วทั้งภาคใต้ตอนเหนือก็ว่าได้ วิเศษมีเบื้องหลังเป็นนักค้าอาวุธสงครามและอยู่ในขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ ด้วยอิทธิพลและอำนาจเงิน รวมถึงมีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลัง ส่งผลให้ไม่มีใครกล้าแตะต้องหรือคิดจะกวาดล้าง วิเศษเหิมเกริม ได้ใจกระทำชั่วมาอย่างยาวนานนับสิบปี
ทว่าอำนาจในมือวิเศษและคนหนุนหลังไม่อาจทำให้พันตำรวจตรีนพดลเกรงกลัว เขาพร้อมจะเผชิญกับอำนาจมืดในทุกรูปแบบ ขอเพียงจับคนชั่วมาลงโทษตามกฎหมายได้เป็นพอ สองปีที่ผ่านมานพดลกับพวกช่วยกันตามสืบเรื่องวิเศษเงียบๆ รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่พอจะเป็นประโยชน์ให้มากที่สุด จนกระทั่งสายข่าวรายงานการขนย้ายสินค้าครั้งนี้ให้นพดลรู้ นายตำรวจหนุ่มไฟแรงจึงวางแผนจับกุมการขนย้ายอาวุธเถื่อน เป็นของกลางที่จะนำพาไปถึงตัววิเศษ
รถบรรทุกเป้าหมายขับรถมาตามเส้นทางโดยไม่รู้ตัวว่า อีกไม่กี่สิบเมตรมีกำลังตำรวจหลายสิบนายรออยู่ แล้วบนพื้นถนนมีตะปูเรือใบหลายร้อยตัวเป็นเครื่องกำดักชั้นดีกระจายไปทั่ว ทางด้านนพดลก็รอคอยอย่างใจเย็น ลุ้นระทึก จับตามองล้อรถบรรทุกที่อีกไม่กี่อึดใจจะเหยียบตะปูพิฆาตล้อ
“รถเป็นอะไรวะไอ้ช้าง” ปัญญาถามลูกชาย เมื่อรถบรรทุกส่ายไปมาขับไม่ตรงทาง และหยุดนิ่งในอึดใจต่อมา
“เหมือนยางจะแบน” ผู้พูดคาดเดา ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วชะโงกหน้ามองล้อรถบรรทุก ดวงตาคชาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นตะปูเรือใบเกลื่อนพื้นดิน สาเหตุที่ทำให้รถไม่อาจไปต่อได้ “พ่อตะปูเรือใบ”
ปัญญารีบคว้าปืนเพราะการที่ตะปูเรือใบอยู่บนพื้นไม่ใช่เรื่องปกติ เนื่องจากเส้นทางนี้รู้ๆ กันอยู่ว่า ไม่ใช่ทางเอกที่จะมีรถยนต์สัญจรผ่านไปมา
“ระวังตัวด้วยไอ้ช้าง พ่อว่ามันทะแม่งอยู่นะ” ปัญญาพูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงของนพดลผ่านโทรโข่งดังขึ้น
“มอบตัวซะดีๆ ตอนนี้ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว” เสียงที่ดังก้องป่า ทว่าคนทำผิดกฎหมายไม่คิดจะมอบตัว พวกเขาพร้อมสู้เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม
ปัง...ปัง...ปัง
เสียงปืนดังขึ้นเป็นชุดทันทีที่นพดลพูดจบ กระสุนปืนของเหล่าคนไม่ดีสาดไปไม่รู้ทิศทาง เนื่องจากพวกเขาไม่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดักซุ่ม ได้ยินเพียงเสียงเท่านั้น ฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองได้เปรียบกว่า ยิงสวนกลับถูกพาหนะของเหล่าคนร้ายที่เวลานี้ลงจากรถ ใช้รถที่ตนเองโดยสารมากำบังกระสุน
“พ่อหนีไปก่อน ฉันจะยิงคุ้มกันให้เอง” คชาที่หมอบอยู่ในรถบอกบิดา
“เออ” ไม่ใช่ว่าปัญญาจะไม่ห่วงลูกชาย แต่ทั้งสองตกลงกันไว้ว่า หากมีเรื่องฉุกเฉินให้แยกย้ายกันหนี เพราะหากห่วงกันไปมาอาจเกิดความผิดพลาดได้
“พ่อไปทางนั้น” คชาชี้ไปทางแนวป่าด้านหลังรถบรรทุก เพราะจุดนั้นไม่มีวิถีกระสุนของตำรวจที่ยิงโต้กลับมา ปัญญาหมอบเดินเข้าไปในป่าโดยมีคชาคอยยิงสกัดให้
“สารวัตรพวกมันจะหนีแล้วครับ” จ่าเชิดบอกนพดล
“อย่าให้มันหนีไปได้” นพดลบอกลูกน้องที่ยิงไปยังฝ่ายตรงข้ามต่อเนื่อง เขากำลังจะเคลื่อนตัวจากจุดที่ซุ่ม ทว่าเสียงร้องตะโกนของจ่าเชิดเตือนดังลั่น
“ระวัง มันปาระเบิดมา” นพดลกับพวกแตกฮือดังฝูงผึ้งแตกรัก ต่างขยับตัวหนีกันไปคนละทิศละทาง หลบระเบิดกลมเกลี้ยงที่คชาเกวี้ยงมา
ตูม...เสียงระเบิดดังสนั่น ช่วงเวลานี้เป็นจังหวะดีให้เหล่าคนร้ายจะหลบหนี ต่างคนต่างกระจายตัวกันหนี เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ คชาวิ่งหนีคนละทางกับบิดา
“หมวดตั้มกับหมู่ชาติคุมของกลางไว้ ที่เหลือตามจับพวกมันให้ได้ อย่าให้มันหนีรอด” นพดลสั่งการ ก่อนจะไล่ตามคนร้ายไปติดๆ โดยมีเสียงปืนดังต่อเนื่อง
ปัญญาวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เขาคิดเพียงว่าต้องหนีรอดจากการจับกุมให้ได้ ไม่เช่นนั้นคงติดคุกยาวหรือไม่ก็อาจจะตายในคุก เขาไม่ยอมเป็นเช่นนั้นเด็ดขาด ทว่าอีกคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ไม่ได้คิดเช่นเดียวกับปัญญา บุคคลปริศนาคนนั้นกำลังใช้ปืนไรเฟิลเล็งไปยังปัญญา รอจังหวะและโอกาสปล่อยกระสุนปืน