ตอนที่ 10 ร้ายกาจอย่างที่คิด

1894 คำ
เมื่อต้องจัดการกับปัญหาที่รุมเร้ามากมายถึงเพียงนี้ จ้าวฝูหมิงก็ไม่สามารถที่จะคงความสงบไว้ได้อีกต่อไป เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเร่งจัดการปัญหาของตระกูล จนทำให้ไม่มีเวลาที่จะมาปรับความเข้าใจกับหานหลินปิง จนเวลาผ่านเลยไป จนมาถึงวันงานมงคล ที่ได้ถูกจัดเตรียมไว้ งานมงคลที่ถูกจัดขึ้นถึงแม้จะเป็นเพียงการตกแต่งฮูหยินรองเข้ามาในตระกูล แต่ดูเหมือนว่าฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว จะจัดงานยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่าตอนตกแต่งหานหลินปิงผู้เป็นฮูหยินเอกเสียอีก "เจ้าดูการจัดงานในครั้งนี้สิ ข้ารู้สึกว่ามันจะยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่า งานแต่งฮูหยินเอกเสียอีก" "หากข้าเป็นสะใภ้ผู้นั้นคงได้แต่รู้สึกช้ำชอกใจ ดูเอาเถิด งานในวันนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของนาง "ป่านนี้มิใช่ว่านางไปนอนร้องไห้เสียน้ำตา อยู่ในเรือนของตนเองแล้วกระนั้นหรือ" "พูดไปก็น่าสงสาร เกรงว่าต่อจากนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของนางคงจะถูกกดต่ำ จนไม่สามารถมีชีวิตที่ดีได้อย่างแน่นอน เมื่อสามีได้เจอกับสตรีที่ดีกว่า และนางยังไม่สามารถที่จะให้กำเนิดบุตรชายกับเขาได้ ความมั่นคง จะอยู่ที่ใดกันเล่า อีกไม่นานคงจะถูกปลดออกจาก ตำแหน่งเป็นแน่" "ข้าก็คิดเช่นนั้น" คำกล่าวมากมายยังถูก พูดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จ้าวฝูหมิงถึงแม้นจะได้ยินถึงถ้อยคำซุบซิบนินทาเหล่านั้นแต่เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ จากที่คิดว่าจะใช้เวลาต่อจากนี้ชดใช้ให้กับนาง แต่เมื่อเรื่องราวกลับกลายมาเป็นเช่นนี้ เขาจึงทำได้เพียง ยอมรับในชะตากรรม บุตรชายของตระกูลคหบดีเล็กๆ เช่นเขาจะกล้าขัดรับสั่งของผู้เป็นฮ่องเต้ได้อย่างไรเล่า ต่อจากนี้เขาก็ได้แต่หวังว่า นางจะเข้าใจในความเป็นจริงข้อนี้ เมื่อเป็นสมรสพระราชทาน ผู้คนก็ล้วนแล้วแต่มาร่วมแสดงความยินดีกันเป็นจำนวนมาก ถึงแม้นตระกูลจ้าวจะเป็นเพียงตระกูลคหบดีเล็กๆ แต่ด้วยตำแหน่งขององค์หญิงเผ่าซ่งหนูผู้นั้น จึงทำให้ผู้คนไม่รังเกียจที่จะมาร่วมงานแต่อย่างใด… เมื่อร่วมดื่มสุรากับแขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดีจนแล้วเสร็จ จ้าวฝูหมิงก็ก้าวเดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวนั้น ด้วยใจที่หนักอึ้ง หากเป็นการตกแต่งฮูหยินรองธรรมดา เขาคงไม่คิดที่จะร่วมหอกับนาง แต่ด้วยความที่สตรีผู้นั้นหาใช่สตรีธรรมดา หากเขาไม่มาร่วมหอกับนางในครั้งนี้ คงจะเป็นการไม่ไหวหน้า ผู้ประทานสมรสในครั้งนี้มาให้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงทำให้เขาต้องจำใจ เดินทางมายังเรือนแห่งนี้ แต่เมื่อเปิดประตูเข้ามา ภายในห้องหอที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เขาก็ได้พบกับ สตรีที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นฮูหยินรองของตนเอง นางยังคงนั่งอยู่บนปลายเตียง เพื่อรอการมาของสามีเช่นเขาอยู่ จ้าวฝูหมิงมิได้กล่าวความใด เขาทำเพียงเดินไปหยิบไม้ที่ได้ถูกเตรียมไว้ ไปเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก พร้อมกันนั้น ก็ได้ยกจอกสุราให้กับนางไปด้วยในที แต่แค่เพียงผ้าคลุมหน้านั้นถูกเปิดออก ใบหน้าของสตรีที่มีความงดงามล่มเมือง ก็ได้ปรากฏขึ้น คิ้วโก่งดั่งใบหลิวดวงตาเมล็ดซิ่ง ที่เต็มไปด้วย ดวงดาวพราวระยิบระยับ แพขนตางอนงามเรียงเส้นสวย จมูกเชิดรั้นขึ้นเล็กน้อยแต่พองาม ริมฝีปากอวบอิ่มที่ถูกทาไว้ด้วยสีชาดนั้นช่างดูเย้ายวนใจ เขาอดสำรวจไปทั่วใบหน้าของนางอย่างยากที่จะละสายตาออกไปไม่ได้ เมื่อมารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่นางยื่นจอกสุรามงคลนั้นไปพร้อมกับรอยยิ้มละมุนส่งคืนกลับมาให้กับตนเอง ยิ่งเมื่อนางแย้มรอยยิ้ม ยิ่งทำให้จิตใจของเขาเต้นกระหน่ำไม่เป็นจังหวะ "ขอบคุณท่านพี่เจ้าค่ะ" "ดื่มเถิด เจ้าหิวหรือไม่? ..." จ้าวฝูหมิงกล่าวถามนางออกไปอย่างไม่รู้ตัว "ท่านพี่เรียกข้าว่าซิ่วเอ๋อร์ก็ได้ ต่อจากนี้ข้าเป็นเพียงแค่ฮูหยินรองของท่านหาได้มียศฐาบรรดาศักดิ์ที่ติดตัวมาแต่อย่างใด ข้าขอฝากชีวิตไว้กับท่านพี่ด้วยนะเจ้าคะ ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้รู้สึกชอบพอในตัวข้า แต่ถึงอย่างไร ชีวิตนี้ของข้าก็ได้ตกแต่งให้กับท่านแล้ว ข้าจะอยู่ในที่ของตนเอง ไม่สร้างความลำบากใจให้กับท่านหากมีเรื่องใดที่สามารถสนับสนุนท่านได้ข้าก็ยินดี" จ้าวฝูหมิงไม่คิดว่าจะได้ยินถ้อยคำประโยคเหล่านี้ออกมาจากปากสตรีสูงศักดิ์เบื้องหน้า เขาคิดว่านางจะเป็นสตรีที่ดูเอาแต่ใจ และเจ้ายศเจ้าอย่าง แต่เมื่อได้ยินถ้อยคำเมื่อสักครู่ เขาจึงได้แต่เก็บถ้อยคำที่คิดว่าจะมาตกลงกับนางกลับไปเสีย 'นางก็มีนิสัยใจคอที่ใช้ได้นี่นา' นั่นจึงทำให้เขาเปลี่ยนทัศนคติในการมองนางใหม่อีกครั้ง ชายหนุ่มจึงได้ช่วยปลดกว้านเครื่องประดับที่อยู่บนหัวของนางออก และประคองหญิงสาวมานั่งยัง โต๊ะอาหารที่ได้จัดเตรียม อาหารมงคลเอาไว้มากมายหลายอย่าง เขาดูแลคีบอาหารให้นางอย่างเอาอกเอาใจ "เจ้าคงหิวแล้ว กินนี่เถิด" "ขอบคุณเจ้าค่ะ...ท่านพี่ หากการตกแต่งข้าเข้ามาทำให้ท่านต้องผิดใจกันกับฮูหยินเอก ข้าก็พร้อมที่จะไปพูดคุยกับนาง เพื่อให้นางเข้าใจ ข้านั้นหาได้ต้องการ แย่งชิงความรักความโปรดปรานจากท่านแต่อย่างใด ที่ได้ตกแต่งเข้ามานี้ ก็เพราะด้วยเหตุจำเป็น ถ้าได้คุยกับนาง นางอาจจะเข้าใจก็เป็นได้" ยิ่งเมื่อจ้าวฝูหมิงได้ยินถ้อยคำที่ดูนอบน้อม ไม่เหมือนกับท่าทีที่ดูคล้ายกับสตรีสูงศักดิ์ทั่วไป ที่มักจะคิดว่าตนเองอยู่เหนือผู้อื่น นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกประทับใจในตัวนางมากยิ่งขึ้น จนลืมสงสัยถึงประโยคที่นางกล่าวเมื่อสักครู่ว่านางรู้ได้อย่างไรว่าเขากำลังมีเรื่องบาดหมางกับฮูหยินเอกอยู่ "ขอบใจเจ้ามาก" ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างอบอุ่น และคืนเข้าหอภายในคืนนั้น ก็เต็มไปด้วยความสบายใจ ทั้งคู่หาได้มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งแต่อย่างใดพวกเขาทำเพียงอยู่ในห้องเดียวกันจนรุ่งสาง เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามพิธีการที่มันควรจะเป็นเพียงเท่านั้น เมื่อในตอนเช้า ที่ถึงเวลาลูกสะใภ้จะต้องไปยกน้ำชาให้กับแม่สามี ก็เป็นไปอย่างที่ได้คาดไว้ ฮูหยินเฒ่าจ้าวถึงกับมีความสุขเต็มใบหน้า ที่ได้ลูกสะใภ้สูงศักดิ์แต่งเข้ามาในตระกูล นางมอบของมีค่าให้กับสะใภ้ใหม่ผู้นี้อย่างมากมาย "คิดซะว่าที่นี่คือบ้านอีกหลังของเจ้า หากมีปัญหาอันใดเกิดขึ้น ก็ให้รีบมาบอกให้แม่ได้รับรู้เข้าใจหรือไม่" "ขอบคุณท่านแม่มากเจ้าค่ะ" ซิ่วอิงกล่าวขอบคุณผู้เป็นแม่สามีอย่างอ่อนน้อมพวกนางสนทนากันต่อจากนั้นไม่กี่ประโยค ก็ได้ขอตัวลา เพื่อที่จะมายกน้ำชาให้กับฮูหยินเอกของผู้เป็นสามีตามประเพณี... "นางจะเกลียดข้าหรือไม่เจ้าคะ" "ไม่หรอก.. นางจะต้องรู้สึกชอบเจ้าอยู่ไม่น้อย" ถึงแม้ปากจะกล่าวออกไปเช่นนั้น แต่ในใจของชายหนุ่มก็มีความกังวลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเห็นท่าทีที่คล้ายกับลูกนกที่กำลังหวาดกลัวนี้ของนาง เขาก็ได้แต่อดที่จะกล่าวออกไปเช่นนั้นเสียไม่ได้ เหตุใดนางถึงได้ทำให้เขารู้สึกเอ็นดูนักเล่า ดูเอาเถิดใบหน้าที่หลุบต่ำพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลนั้นมันคืออันใด มิใช่ว่าด้วยฐานะของนาง ไม่สมควรที่จะแสดงออกเช่นนี้มิใช่หรือจ้าวฝูหมิงจึงได้แต่ยื่นมือออกไปกอบกุมมือบางของนางให้แน่นขึ้น เพื่อเป็นการปลอบประโลม หานหลินปิงกำลังนั่งรับสำรับเช้า ของตนเองอยู่ที่ภายในเรือนอย่างมีความสุข ใบหน้าของนางหาได้มีความทุกข์ใจอันใด ที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อย่างเช่นสตรีทั่วไปจะสามารถผ่านมันไปได้โดยง่าย ที่สามีของตนเองเพิ่งผ่านการเข้าหอกับภรรยาคนใหม่ ในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมานี้ จะมีสตรีคนใดสามารถทำใจยอมรับได้โดยง่ายอย่างมีความสุขเล่า จะมีก็เพียงแต่นางเท่านั้น ที่กำลังสนใจสำรับอาหารของตนเองอย่างมีความสุข ที่เป็นเช่นนี้เพราะนางไม่ใช่เจ้าของร่างนี้ นางมิได้มีความผูกพันอันใดกับบุรุษที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี นั่นจึงทำให้นางไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด เศร้าโศก หรือเสียใจแต่อย่างใด เมื่อได้รับรู้ถึงการมาของผู้เป็นสามี และฮูหยินรอง นางจึงได้แต่แสดงใบหน้านิ่งเฉย พร้อมกับลุกขึ้นไปคารวะผู้เป็นสามี ตามธรรมเนียมเพียงเท่านั้น "เชิญนั่งเถอะ พวกท่านรับสำรับมาหรือยัง" หานหลินปิงกล่าวเชิญผู้มาใหม่ทั้งสองคนออกไปเสร็จ ก็นั่งลงรับสำรับของตนเอง โดยไม่ได้สนใจพวกเขาทั้งสองที่กำลังจ้องมองนางอยู่ "งั้นก็พอดีเลย พวกเรา จะรับสำรับพร้อมกันกับเจ้า" จ้าวฝูหมิงรีบกล่าวออกไปพร้อมกับประคององค์หญิงซิ่วอิง ให้นั่งลงด้านข้างของตนเอง โดยมีหานหลินปิงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร "พี่หญิงต่อจากนี้ข้าคงต้องขอคำแนะนำจากท่านด้วย" ซิ่วอิงส่งยิ้มอย่างจริงใจไปให้กับหานหลินปิงแต่สิ่งที่ได้รับกลับมา มีเพียงใบหน้าที่เฉยชาพร้อมกับไร้ซึ่งคำกล่าวตอบกลับใด เมื่อถูกแสดงกลับมาเช่นนี้ ซิ่วอิงจึงได้แต่มีใบหน้าที่ดูเศร้าสลดลง "หลินเอ๋อร์ต่อจากนี้นางจะมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเรา เจ้าก็ช่วยดูแลสั่งสอนซิ่วเอ๋อร์ด้วย" จ้าวฝูหมิงรีบกล่าวเสริม ดูเหมือนว่าทั้งคู่พยายามที่จะทำให้หานหลินปิงรู้สึกพอใจอย่างเต็มที่ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ ทำให้หญิงสาวรับรู้ว่าพวกเขาทั้งสองดูจะเข้ากันได้ดีอยู่ไม่น้อย เพราะดูจากคำเรียกขานที่พวกเขาใช้เมื่อสักครู่นี้ ก็สามารถเข้าใจได้ไม่ยาก "น้ำชาเจ้าค่ะ" ซิ่วอิงยกจอกชา เพื่อเป็นการคารวะหานหลินปิงอย่างนอบน้อม แต่เมื่อหานหลินปิงรับจอกชานั้นมา ก่อนที่จะกระดกมันเข้าปาก นางก็ได้แต่เลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก และได้แต่คิดในใจของตนเองอย่างเงียบๆ 'สตรีผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างที่นางคิดไว้ไม่มีผิด'
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม