ปิดเมืองข้า! ค้นหานาง!!!/5

1858 คำ
ภายในห้องพัก “พวกเราจะทำอย่างไรดีเล่าท่านลู่เหอ องค์หญิงทรงหายไปเช่นนี้มิรู้จะออกไปตามหาได้ที่ไหน” นางกำนัลมู่อิงเอ่ยถามหัวหน้าองครักษ์ด้วยความเป็นห่วงองค์หญิงของตน “ข้าก็กำลังคิดอยู่นี่ไง ขอเวลาหน่อยได้ไหม ถ้าหากสิ่งที่พวกเจ้ากล่าวมาทั้งหมดเป็นความจริง มันก็ยากที่จะค้นหาพระนางพบ อีกทั้งชินอ๋องทรงมีพระบัญชาให้ตามหาบุรุษสวมอาภรณ์ขาวซึ่งตรงกับลักษณะขององค์หญิงทุกประการยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังมากหลายเท่า”ลู่เหอ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เหตุใดชินอ๋องจึงทรงมีพระบัญชาเช่นนั้นเล่าท่านลู่เหอ ข้าไม่เข้าใจ!” มู่อิงถามกลับไปด้วยความสงสัย “เจ้าอย่าล่วงรู้อะไรให้มันมากไปหน่อยเลยมู่อิง เอาเป็นว่าในยามนี้องค์หญิงทรงไม่ปลอดภัยเพราะมิรู้ว่าชินอ๋องทรงได้ข่าวระแคะระคายมาหรือเปล่าจึงทรงมีรับสั่งเช่นนั้น ตราบใดที่ยังหาองค์หญิงไม่พบก็ยังกลับเข้าขบวนเจ้าสาวไม่ได้เช่นกัน และพรุ่งนี้ไม่เกินช่วงบ่ายจะต้องมีรายงานจากทหารอารักขานอกเมืองว่าขบวนเสด็จเจ้าสาวจะใช้เส้นทางผ่านเมืองเทียนจิ้น” ลู่เหอกล่าวพร้อมถอนหายใจออกมาทันที “แล้วท่านจะกลัวสิ่งใดเล่าในเมื่อขบวนเสด็จเจ้าสาวต้องใช้เส้นทางผ่านเมืองเทียนจิ้น มิเห็นต้องนั่งทอดถอนหายใจแม้แต่น้อย ที่น่าหนักใจคือองค์หญิงทรงหายไปนี่สิ” นางกำนัลมู่อิงเอ่ยด้วยความเป็นห่วงองค์หญิงของตน “ก็นี่แหละที่ข้าเป็นห่วง ในเมื่อตอนนี้มีการค้นหาบุรุษที่มีลักษณะเหมือนองค์หญิงอยู่ในขณะนี้ ประตูเมืองทั้งขาเข้าและขาออกจะต้องตรวจค้นทุกคนรวมไปถึงขบวนเสด็จของเจ้าสาวด้วยก็จะต้องหลีกหนีไม่พ้นเช่นกัน” “แต่นี่คือขบวนเสด็จเจ้าสาวของฮ่องเต้เทียนโจวนะท่านลู่เหอ ชินอ๋องจะกล้าค้นอย่างนั้นเหรอ” มู่อิงเอ่ยถามกลับไปด้วยความสงสัย “มีอะไรบ้างที่ชินอ๋องผู้นี้ทำไม่ได้ ล่วงรู้หรือไม่ว่าทุกวันนี้แคว้นเทียนโจวต่างเล่าลือกันว่ามีฮ่องเต้สองพระองค์ ฟางหยางฮ่องเต้ทรงปกครองและประทับอยู่ที่เมืองเทียนฮุย ในขณะที่ชินอ๋องทรงปกครองเมืองเทียนจิ้น ทั้งสองเมืองต่างเป็นเมืองหลวงที่มีความสำคัญทั้งคู่...แต่เจ้ารู้อะไรไหม” ลู่เหอกล่าวพร้อมกวาดสายตามองหน้าทุกคนภายในห้อง “รู้อะไรอย่างนั้นเหรอ” มู่อิงถามกลับไปด้วยความสงสัย “ก็กองทหารทั้งหมดและอำนาจบารมีรวมไปถึงประชาชนทั้งแคว้นรักและเทิดทูนชินอ๋องมากกว่าฟางหยางฮ่องเต้เสียอีกไงเล่า ทุกอย่างล้วนอยู่ในกำมือของชินอ๋องผู้นั้นทั้งหมด แล้วเจ้าคิดว่าพระองค์จะไม่สั่งค้นขบวนเจ้าสาวอย่างนั้นเหรอมู่อิง หากทรงสงสัยอะไรแล้วละก็จะไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ ข้าจะต้องรีบตามหาองค์หญิงให้พบโดยเร็ว” ถ้อยคำของลู่เหอที่กล่าวออกมาทั้งหมดนั้น ทำให้เฉินวาวาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มฟังอยู่บนเตียงนอนอย่างสบายใจในขณะนั้นถึงกับส่ายหน้าไปมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “จุ๊จุ๊จุ๊! ตาอ๋องคนนี้บ้าอำนาจชัดๆ สงสัยคิดว่าตัวเองนี้ยิ่งใหญ่มากสินะ ถึงคิดจะค้นก็ค้นคิดจะทำอะไรก็ทำ ดีนะที่การแต่งงานครั้งนี้ข้าเข้าพิธีกับฮ่องเต้” หญิงสาวบ่นพึมพำพลางลุกขึ้นจากเตียงทันที “พวกเจ้าไม่ต้องตามหาข้าที่ไหนหรอก ข้าอยู่กับพวกเจ้าตลอดเวลาและอยู่ตรงหน้านี้แล้ว” เฉินวาวากล่าวออกมาดังๆ ให้บรรดาผู้ติดตามของเธอได้ยิน ทว่าหามีผู้ใดได้ยินคำกล่าวของเธอแม้แต่น้อยสร้างความตกใจให้แก่หญิงสาวขึ้นมาทันที “เฮ้ย! อย่าล้อกันเล่นแบบนี้นะ ไม่มีใครได้ยินฉันพูดเลยเหรอ!” หญิงสาวตะโกนจนสุดเสียง บรรดาผู้ติดตามยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็นเธอและได้ยินเสียงแต่อย่างใด และนั่นทำให้เฉินวาวาสติแตกขึ้นมาทันใด “ไม่นะ! ฉันไม่อยากติดอยู่ในร่างล่องหนแบบนี้! ใครก็ได้ช่วยฉันที ไม่เอานะปล่อยฉันออกไป! ฉันอยากปรากฏตัวแล้ว! ปล่อยฉันออกไปเร็วๆ เข้า ฉันขอสั่งให้ปรากฏตัวเดี๋ยวนี้!” เงียบงันไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น หญิงสาวยังคงมีร่างล่องหนอยู่เช่นเดิม เฉินวาวาแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นเมื่อเธอมิอาจปรากฏกายออกมาได้ดั่งที่คาดการณ์เอาไว้ ร่างระหงค่อยๆ ก้าวถอยหลังด้วยความอ่อนแรงก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนเตียงนอน “นี่ฉันติดอยู่ในร่างล่องหนจริงๆ เหรอ! ทำไมมันต้องเกิดเรื่องบ้าๆกับฉันด้วย! พลัดหลงมาอยู่ในที่แบบนี้ยังไม่พอ จู่ๆ ร่างก็มาล่องหนเสียแบบนี้ จะกลับมาเหมือนเดิมก็ทำไม่ได้! ทำไมฉันถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้ด้วยนะ!” หญิงสาวกล่าวอย่างหมดอาลัยตายอยาก เหตุที่เฉินวาวามิสามารถปรากฏกายกลับคืนมาได้อีกครั้ง นั่นก็เพราะด้านนอกในขณะนี้จอมมารได้เสด็จกลับไปยังจวนของพระองค์เพื่อรอฟังข่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามท้องถนนและร้านค้ากลับเข้าสู่สภาวะปกติคงเหลือเพียงแค่ที่ประตูเมืองทั้งขาเข้าและขาออกยังถูกตรวจค้นอย่างหนัก ครั้นจอมมารซึ่งเป็นเจ้าของไฟอัคคีอยู่พ้นรัศมีที่ห่างไกลเช่นนั้น จึงทำให้เฉินวาวามิอาจปรากฏกายออกมาได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าเธอจะเข้าไปใกล้รัศมีของจอมมารจึงจะสั่งให้กายนั้นกลับคืนมาได้อีกครั้ง หรืออีกกรณีนั่นก็คือหญิงสาวจะต้องปะทะกับจอมมารโดยตรง รูปกายจึงจะปรากฏขึ้นมาทันทีโดยไม่ต้องคิดคำนึง หญิงสาวยกขาขึ้นชันเข่าเข้าหากันด้วยความกลัดกลุ้มใจ ดวงตาหม่นหมองลงไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อชะตาชีวิตของเธอในขณะนี้ช่างเต็มไปด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งเธออยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มิใช่เรื่องจริงเป็นเพียงฝันซ้อนฝันที่บังเกิดขึ้นกับเธอ ทว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้นที่มิอาจปฏิเสธได้ ร่างงามจึงได้แต่นั่งจับเจ่าด้วยความทุกข์อยู่เช่นนั้น จวนชินอ๋อง “ตอนนี้ทหารหน้าประตูเมืองทั้งตะวันตกและตะวันออก รายงานมาว่าตลอดสองชั่วยามที่ผ่านมายังไม่มีบุคคลลักษณะดังกล่าวปรากฏให้เห็นแม้แต่น้อย ตลอดจนทั่วทั้งร้านค้าและบ้านเรือนก็ค้นหาจนหมดแล้วมิปรากฏเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ” ทหารอารักขากราบทูลรายงานให้จอมมารทรงทราบ พระวรกายใหญ่ประทับนั่งอยู่บนตั่งภายในห้องทรงงาน พระหัตถ์หนาถือถ้วยชาอยู่ในขณะนั้นหยุดชะงักทันทีครั้นได้ยินรายงานดังกล่าวก่อนจะทรงยกชาที่เต็มไปด้วยไอร้อนขึ้นจิบช้าๆ “ค้นหาต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งให้ยกเลิก!” สุรเสียงสั่งการออกไปทันที “พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารอารักขารับพระบัญชาพร้อมก้าวออกไปจากห้องทรงงาน พระเนตรสีนิลกาฬทรงทอดพระเนตรถ้วยชาร้อนที่ทรงถืออยู่ในขณะนั้น พลางครุ่นคิดการหายตัวไปของคู่ชะตา “เยว่วาวาเอ๋ยเยว่วาวา ช่างซุกซนเสียจริงนะเจ้า! ข้าเฝ้าตามหาจนพลิกผืนแผ่นดินนี้ไปทั่วทุกแคว้นล่วงรู้หรือไม่ ครั้นพบแล้วกลับหายไปต่อหน้าต่อตาข้าอีก ไปเที่ยวเล่นอยู่ที่ไหนอยู่รึจึงไม่ยอมให้ข้าพบเสียที” รับสั่งรำพึงถึงโฉมงาม พระวรกายใหญ่ลุกประทับเสด็จออกจากห้องทรงงานก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ด้านนอก ซึ่งในขณะนี้ย่างเข้าสู่พลบค่ำแล้ว เทศกาลลอยโคมประทีปกำลังเริ่มขึ้น ท้องฟ้าเบื้องบนปรากฏดวงดาวมากมาย พระจันทร์ในคืนนี้กลมโตและดวงใหญ่สวยจับใจยิ่งนัก พระเนตรสีนิลกาฬควานหาดาวประจำตัวของคู่ชะตาก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ครั้นดวงดาวยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมมิเคลื่อนย้ายไปไหน และที่สำคัญส่องแสงประกายระยิบระยับมากยิ่งไปกว่าเดิม ทำให้พระองค์ทรงล่วงรู้โดยพลัน “นางยังอยู่ที่นี่! ยังไม่ได้ไปไหนแต่เหตุใดจึงค้นหาไม่พบ ช่างแปลกเสียจริง” รับสั่งพึมพำด้วยความสงสัยพลางเฝ้าครุ่นคิดอยู่ภายในพระทัย ทันใดนั้นเองพระวรกายสูงทะมึนหันพระวรกายกลับอย่างรวดเร็วเมื่อทรงคิดออกแล้วว่าจะออกไปตามหานางด้วยพระองค์เองอีกครั้งทรงพระดำเนินตรงไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่ที่มิใช่ชุดเกราะเช่นนี้ เพียงไม่นานจอมมารชินซางปรากฏพระวรกายในฉลองพระองค์สีนิลกาฬที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมส่องประกายเงาระยิบระยิบ พระเกศาสีเงินยวงยังคงเกล้าขึ้นเก็บมิดชิดอยู่เช่นเดิม ทรงเปลี่ยนเพียงเครื่องประดับที่ครอบมวยพระเกศาเหลือเพียงปิ่นปักผมเท่านั้น พระวรกายสูงทะมึนทรงยืนอยู่หน้าจวนท่ามกลางทหารอารักขาที่คอยตามเสด็จ “พระองค์จะเสด็จไปเพียงลำพังโดยมิให้พวกกระหม่อมตามเสด็จถวายอารักขาอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” รองแม่ทัพกราบทูลถามด้วยความเป็นห่วง พระพักตร์หล่อเหลาซึ่งครอบหน้ากากทองคำปิดบังเอาไว้หันกลับไปทอดพระเนตรรองแม่ทัพที่ออกรบกับพระองค์มาตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา “ไม่ต้องตามไปให้มันเอิกเกริก ลำพังตอนเย็นย่ำที่ผ่านมาก็พากันแตกตื่นกันพอแล้ว อีกทั้งในยามนี้เทศกาลลอยโคมประทีปก็กำลังเริ่มอย่าให้มีกองทหารเดินทั่วเมืองเช่นนี้ จะทำให้ประชาชนพากันหวาดกลัว ข้าไปเพียงลำพังจะง่ายกว่า บางทีการออกค้นหาด้วยกองทหาร จึงทำให้นางรู้ตัวไม่ยอมเปิดเผยตัวตนออกมาง่ายๆ” รับสั่งกับรองแม่ทัพพร้อมยกหมวกที่มีผ้าคลุมสีดำทะมึนขึ้นสวมพระเกศา เสด็จพระดำเนินออกจากจวนเพียงลำพัง ท่ามกลางสายตาของรองแม่ทัพคนดังกล่าวที่ได้ยินถ้อยรับสั่งของจอมมาร คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัยระคนแปลกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ชินอ๋องทรงรับสั่งถึงอิสตรีใดเล่า นี่ข้าหูฝาดไปอย่างนั้นรึ! ตกลงที่ค้นหากันแทบพลิกเมือง พระองค์รับสั่งให้ค้นหาบุรุษชุดขาวหรือสตรีกันแน่” รองแม่ทัพกล่าวอย่างงุนงง สายตามองตามพระวรกายสูงใหญ่ทะมึนที่โดดเด่นของจอมมารชินซางหรือชินอ๋องของตนซึ่งสามารถเห็นได้แต่ไกล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม