ภายในเมืองเทียนจิ้น
ผู้คนมากมายต่างพากันเดินขวักไขว่ไปมาตามท้องถนน เพื่อทำการค้าขายของตน ร้านค้ามากมายมีตั้งแต่หัวถนนยาวไปไกลจนสุดทางจนถึงประตูเมืองที่จะเปิดออกไปสู่เมืองเทียนฮุย ซึ่งเป็นเมืองหลวงตะวันออก คับคั่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมายพากันแลกเปลี่ยนทำการค้าและจับจ่ายซื้อของ อีกทั้งในวันนี้เป็นเทศกาลลอยโคมประทีปซึ่งเมืองเทียนจิ้นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี จึงทำให้วันนี้เต็มไปด้วยผู้คนจากต่างแคว้นที่เดินทางมาเที่ยวชมเทศกาลดังกล่าว
ร่างระหงของเฉินวาวาในชุดบุรุษสีขาวสะอาด คลุมหมวกสานซึ่งมีผ้าคลุมสีขาวรอบด้านมีความยาวปกคลุมไปจนถึงเอวป้องกันลมพัดเห็นใบหน้าที่สวมหน้ากากทองคำเอาไว้ในขณะนี้ โดยมีนางกำนัลมู่อิงในชุดหญิงสามัญชนและองครักษ์ลู่เหอพร้อมองครักษ์ผู้ติดตามอีกหกนายในชุดบุรุษสามัญชน ปรากฏตัวอยู่บนถนนสายหลักของเมืองเทียนจิ้นที่กำลังมีงานเทศกาลลอยโคมประทีบอยู่ในขณะนี้
“โอ้โฮ! นี่นะเหรอชีวิตของคนในยุคโบราณ ทำไมมันดูคลาสสิกและมีมนต์ขลังขนาดนี้นักล่ะ ว้าว... ถึงตายก็ไม่เสียชาติเกิดแล้วเฉินวาวา เกิดมาได้ใช้ชีวิตทั้งในยุคโบราณและในอนาคตพร้อมๆ กันเลย ไปกันเถอะมู่อิง! ไปชอปปิงกัน!” กล่าวพร้อมคว้ามือนางกำนัลคนสนิทลากแขนรีบวิ่งตรงไปยังร้านค้าตรงหน้ามากมายด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่งยวด
“อะ... องค์...” ลู่เหอเกือบหลุดคำพูดที่ใช้เป็นประจำออกไปก่อนจะรีบเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
“คุณชาย! รอด้วย!” ลู่เหอพร้อมองครักษ์ผู้ติดตามรีบวิ่งตามหลังกันจ้าละหวั่น ก่อนจะได้ยินเสียงของชาวเมืองต่างพากันส่งเสียงเอ็ดอึงไปทั่ว
“เทพสงครามเสด็จกลับมาแล้ว!”
“ชินอ๋องเสด็จกลับจากชายแดนแล้วพวกเรา!”
“เทพเจ้าของแคว้นเทียนโจวกลับมาแล้ว!”
เสียงเอ็ดอึงของชาวเมืองเทียนจิ้นดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ก่อนจะพากันเดินหลบเข้าสองฝั่งถนนเพื่อหลีกทางให้ขบวนเสด็จของชินอ๋องซึ่งเสด็จกลับจากชายแดนเข้าเมืองหลวงตะวันตกของพระองค์ ท่ามกลางสายตาของเฉินวาวาและผู้ติดตามที่ยืนหลบอยู่ข้างทางเช่นกัน
“ใครมาอย่างนั้นเหรอ... ทำไมชาวเมืองที่นี่ถึงพากันดีใจนักหนา โดยเฉพาะพวกสาวๆ แต่ละคนทำหน้าตาเคลิ้มฝันไปตามๆ กันเลย” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะถามชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เธอ
“นี่เจ้าคงเป็นคนต่างแคว้นล่ะสิ ถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย ชินอ๋องหรือเทพสงครามของแคว้นเทียนโจวเสด็จกลับจากชายแดนแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะเสด็จกลับมานึกว่าจะทรงประทับอยู่ที่ชายแดนตลอดโดยไม่หวนคืนกลับมาอีก นี่คงจะต้องมีอะไรสำคัญยิ่งกับพระองค์จึงเสด็จจากชายแดนเพื่อเข้าเมืองหลวงเช่นนี้”
ชายคนดังกล่าวอธิบายอย่างชื่นชม พลางชะเง้อมองขบวนเสด็จที่กำลังเดินทางผ่านประตูเมืองเข้ามา ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของบรรดาสตรีสาวทั้งหลายที่ได้ยินข่าวว่าเป็นขบวนเสด็จของชินอ๋อง
“โอ้โฮ! พอปพิวลาร์ขนาดนี้เลยเหรอ สาวๆ กรี๊ดลั่นทั้งเมืองเลย จะหล่อแค่ไหนกันเชียวหว่า” หญิงสาวบ่นรำพึง
“แต่เขาลือกันว่าชินอ๋องพระองค์นี้ ทรงรูปงามมากเลยนะเพ... เอ้ย... รูปงามมากเลยนะคุณชาย” มู่อิงกราบทูลกลับไปก่อนจะได้ยินเสียงชายวัยกลางคนที่เฉินวาวาสอบถามเมื่อครู่ที่ผ่านมาเอ่ยแทรกขึ้น
“รูปงามหรือไม่ถ้าพวกเจ้ามีบุญวาสนาก็จะได้พานพบเองนั่นแหละ น้อยคนนักจะได้เห็นพระสิริโฉมอันแท้จริงของพระองค์แม้แต่ข้าเองก็ไม่เคยเห็น ได้ยินแต่ทหารในกองทัพที่ติดตามเสด็จไปรบกับพระองค์บอกเล่าต่อๆ กันมาว่าชินอ๋องทรงรูปงามยิ่งนัก งามดั่งเทพสวรรค์ลงมาจุติ พระวรกายสูงใหญ่เกือบเท่าประตูร้านของข้าเลยทีเดียว” ชายคนดังกล่าวเอ่ยพร้อมทำท่าทางประกอบ
หญิงสาวยืนมองท่าทางประกอบก่อนจะหันหลังกลับไปมองประตูร้านค้าทางด้านหลังของนางทันที
“โอ้โฮ! เกือบสองเมตรเลยเหรอ... ยังมีคนโบราณสูงเทียบเท่าคนในยุคปัจจุบันขนาดนี้เชียว ทำไมเท่าที่เคยรู้มาในยุคโบราณแทบจะไม่ค่อยเห็นผู้ชายที่มีความสูงขนาดนี้เลยนะ หรือถ้ามีก็น้อยมาก หรืออีตาชินอ๋องคนนี้เป็นหนึ่งในจำนวนที่น้อยมากอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวยืนพึมพำพลางมองขบวนเสด็จที่กำลังเข้ามาใกล้
กองทหารถวายอารักขาไม่ต่ำกว่าร้อยนายนั่งอยู่บนหลังม้านำหน้าขบวน ติดตามด้วยรถม้าและกองทหารอารักขาอีกร้อยนายรั้งท้ายขบวนเสด็จ ซึ่งภายในรถม้าคันดังกล่าวที่กำลังเคลื่อนตัวมาตามท้องถนนผ่านประชาชนทั้งสองฝั่ง จอมมารชินซางหรือชินอ๋องประทับอยู่ภายในนั้น พระวรกายใหญ่ทรงนั่งเข้าญาณตบะ พระเนตรปิดสนิทมาตลอดการเดินทางและขบวนดังกล่าวกำลังผ่านหน้าเฉินวาวาที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนอันล้นหลาม
ทันทีที่รถม้าของพระองค์วิ่งมาถึงจุดที่หญิงสาวกำลังยืนอยู่ ปานรูปไฟอัคคีซึ่งอยู่ภายใต้หน้ากากทองคำสว่างวาบขึ้นมาทันทีเมื่อจอมมารซึ่งเป็นเจ้าของไฟอัคคีเข้ามาใกล้รัศมีนำทาง ภาพของบุรุษร่างระหงในชุดสีขาวครอบหมวกคลุมผ้าสีขาวเช่นเดียวกันปรากฏขึ้นภายในญาณจิตของพระองค์ทันที
“พรึ่บ!” พระเนตรที่ปิดสนิทเปิดขึ้นมาทันใด
“นางอยู่ที่นี่!” จอมมารรับสั่งออกมาทันทีพระโอษฐ์คลี่แย้มยิ้มออกมาบางๆ
“หยุด!” สุรเสียงรับสั่งดังก้อง
ในขณะที่เฉินวาวากำลังยืนมองด้วยความแปลกใจที่จู่ๆ ขบวนเสด็จก็หยุดอยู่ตรงหน้าเธอ แขนเรียวก็ถูกลากออกจากบริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็วพร้อมๆ กับมู่อิง
“เฮ้ย!!! จะไปไหนกัน!” หญิงสาวอุทานออกมาทันที
ร่างระหงถูกองครักษ์ลู่เหอพร้อมด้วยทหารอารักขานำออกจากบริเวณดังกล่าวเร้นกายออกไปจากฝูงชนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงโวยวายของหญิงสาว
“เจ้าลากข้าออกมาทำไมลู่เหอ! ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ยืนมองขบวนเสด็จเท่านั้นเองและก็แค่อยากรู้ว่าชินอ๋องอะไรนั่นน่ะมีรูปร่างหน้าตายังไงก็แค่นั้น” เฉินวาวาบ่นพึมพำเป็นการใหญ่เมื่อจู่ๆ ก็ถูกลากออกมาจากบริเวณนั้น
“อย่าทรงเสียเวลาอยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ ชินอ๋องพระองค์นี้ไม่ปรากฏพระวรกายให้ผู้ใดพบเห็นง่ายๆ บางทีพระนางอาจจะได้พบในงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสที่เมืองเทียนฮุยก็อาจเป็นได้ แต่กระหม่อมก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมจึงเสด็จกลับเมืองหลวง เพราะได้ยินมาว่าทรงประทับอยู่แต่ชายแดนเท่านั้นไม่เคยหวนกลับคืนมาเลยนับตั้งแต่อดีตฮ่องเต้พระองค์ก่อนสวรรคต” ลู่เหอเอ่ยพลางครุ่นคิดตาม ก่อนจะได้ยินองค์หญิงของตนรับสั่งแทรกขึ้น
“จะคิดอีกนานไหม! ข้าหิวแล้ว อยากลิ้มรสชาติอาหารของเมืองนี้หน่อยว่าจะเป็นยังไง!” หญิงสาวพูดพลางยกมือขึ้นกอดอกทันที
“ทรงอยากพระกระยาหารแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ จริงสินี่ก็เย็นมากแล้ว ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมจะพาไปเสวยพระกระยาหารค่ำที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้ก็แล้วกันพ่ะย่ะค่ะ อยู่หัวมุมถนนทางด้านโน้นเลย” ลู่เหอกล่าวพลางผายมือให้องค์หญิงของตนเสด็จนำหน้า
“ดูท่าเจ้าจะรู้จักเส้นทางของเมืองนี้เป็นอย่างดีเลยนะ ถึงล่วงรู้ว่าตรงไหนเป็นอย่างไร” เฉินวาวาเอ่ยขึ้นมาทันทีเมื่อเธอรู้สึกผิดสังเกต ก่อนจะเดินนำหน้าออกไป
ลู่เหอก้มหน้ามองพื้นไม่เอ่ยถ้อยเจรจาใดๆ ออกมาอีก ก่อนจะส่งสัญญาณให้องครักษ์ที่เหลือรีบเข้าถวายอารักขาหญิงสาวทันที พร้อมก้มลงกระซิบกับลูกน้องของตน
“ข้าจะไปสังเกตการณ์เดี๋ยวตามหลังไป คอยอารักขาองค์หญิงให้ดี” ลู่เหอกล่าวกำชับ
“ขอรับ!” องครักษ์ทั้งหกนายขานรับทันใดก่อนจะรีบแยกย้ายเดินตรงเข้าไปประกบซ้ายขวาหน้าหลังถวายอารักขาองค์หญิงของตน
“ไม่ต้องพากันล้อมหน้าล้อมหลังข้าแบบนี้ก็ได้ ยิ่งทำแบบนี้คนอื่นผิดสังเกตกันหมดพอดี!” หญิงสาวบ่นพึมพำเมื่อทหารองครักษ์พากันถวายอารักขากันอย่างเอิกเกริก
“อยากจะล่องหนหายตัวไปได้จริงๆ เชียว จะได้ไปไหนต่อไหนโดยไม่มีใครคอยตามแบบนี้ อึดอัดเป็นบ้า!” หญิงสาวรำพึงรำพันด้วยความรำคาญ
สิ้นเสียงของหญิงสาวปานรูปไฟอัคคีสว่างวาบขึ้นมาทันที พร้อมกับร่างระหงของเธอค่อยๆ เลือนหายไปโดยพลันต่อหน้าต่อตาของนางกำนัลมู่อิงและทหารองครักษ์ทั้งหกนาย ท่ามกลางอาการตกตะลึงของผู้ติดตาม
ในขณะเดียวกัน
ขบวนเสด็จถูกหยุดกลางคันเมื่อได้ยินพระสุรเสียงของชินอ๋องทรงมีพระบัญชาออกมาเช่นนั้น ภายในรถม้าหน้ากากทองคำที่ทรงเตรียมไว้ถูกนำมาสวมครอบพระพักตร์หล่อเหลาของจอมมารชินซาง ครอบพระพักตร์ตั้งแต่ส่วนบนของหน้าผากทั้งหมดยาวครอบคลุมพระพักตร์ซีกซ้ายจรดปลายคาง
เผยให้เห็นส่วนพระพักตร์หล่อเหลาทางซีกขวาเท่านั้น ซึ่งลักษณะของหน้ากากดังกล่าวช่างออกแบบเหมือนกับของเฉินวาวาที่กำลังสวมอยู่ในขณะนี้เช่นกัน แตกต่างตรงที่ลวดลายบนหน้ากากเท่านั้นซึ่งหน้ากากของพระองค์สลักลายเป็นเปลวไฟอัคคี
พระวรกายสูงใหญ่ในฉลองพระองค์ชุดเกราะของจอมทัพสีดำทะมึน ค่อยๆ ก้าวออกมาจากรถม้า ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่กลางเมืองท่ามกลางประชาชนทั้งสองฝั่งฟากถนน ที่กำลังตกตะลึงเมื่อได้เห็นชินอ๋องหรือเทพเจ้าสงครามตัวเป็นๆ ที่ต่างให้ความเคารพและเทิดทูน และไม่ต้องมีใครบอก ประชาชนรวมไปถึงผู้คนจากต่างแคว้นพากันทรุดกายลงนั่งกับพื้นถวายความเคารพผู้ปกครองของตนทันที
“ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ!”
เสียงประชาชนต่างเอ่ยออกมาเป็นประโยคเดียวกัน ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าพากันชื่นชมพระสิริโฉมของชินอ๋อง ที่พากันยกย่องให้เป็นเทพสงครามกันอย่างเอ็ดอึง
พระวรกายสูงใหญ่ทะมึนกว่าบุรุษปกติทั่วไปในฉลองพระองค์ชุดเกราะสีดำ เกศาสีเงินยวงถูกเกล้าขึ้นสูงม้วนเป็นมวยพร้อมครอบเครื่องประดับพระเกศาสัญลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์เสียบด้วยปิ่นปักผมทำจากหยกสูงค่า พระพักตร์ถูกครอบด้วยหน้ากากทองคำ
ทั้งนี้เพื่อปกปิดพระพักตร์จริงมิให้ผู้ใดพานพบ เพื่อความปลอดภัยของพระองค์มิให้ศัตรูจากต่างแคว้นจดจำพระพักตร์จริงได้ ด้วยทรงยกทัพออกตีเมืองมาไว้ในความครอบครองของเทียนโจวมานับไม่ถ้วนย่อมก่อให้เกิดความแค้นอย่างมากมายนั่นเอง
ทว่าถึงแม้จะปกปิดเพียงใด ราวกับว่ายิ่งซ่อนเร้นมากเพียงใด ยิ่งทำให้พระองค์น่าค้นหามากยิ่งขึ้น อิสตรีน้อยใหญ่ทั้งในแคว้นและมาจากต่างแคว้นที่เดินทางมาเที่ยวชมเทศกาลลอยโคมประทีปต่างพากันยืนมองพระองค์ด้วยความหลงใหลไปตามๆ กัน เสียงชื่นชมดังออกมาอย่างไม่ขาดสาย
ในขณะที่จอมมารชินซางทรงพระดำเนินไปยังบริเวณจุดที่เฉินวาวาเคยยืนอยู่เมื่อครู่ที่ผ่านมา พระองค์ทรงทอดพระเนตรไปทั่วบริเวณเพื่อสอดส่ายค้นหา ร่างระหงของบุรุษในชุดสีขาว พระวรกายสูงทะมึนก้มลงรับสั่งถามชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพระพักตร์
“เจ้าพบเห็นบุรุษชุดขาวร่างบอบบาง สวมหมวกที่มีผ้าคลุมสีขาวเช่นเดียวกัน ยืนอยู่แถวนี้หรือไม่” รับสั่งพลางทอดพระเนตรชายผู้นั้นเขม็ง
ชายคนดังกล่าวคือคนเดียวกันที่ยืนสนทนากับเฉินวาวาเมื่อครู่ที่ผ่านมา ใบหน้าอวบอูมฉีกยิ้มกว้างทันทีครั้นได้ยินชินอ๋องรับสั่งถามตนเช่นนั้น
“มะ... มะ... มีบุรุษชุดขาวตามลักษณะยืนอยู่เมื่อครู่ที่ผ่านมาพ่ะย่ะค่ะ” ชายคนดังกล่าวกราบทูลกลับไป
พระเนตรสีนิลกาฬฉายแววยินดีขึ้นมาทันทีครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น
“แล้วตอนนี้บุรุษผู้นั้นอยู่ที่ไหน!” รับสั่งถามกลับไปทันที
“มะ... มีคนพาออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ครั้นจอมมารทรงได้ยินเช่นนั้น พระพักตร์หันกลับไปทอดพระเนตรทั่วบริเวณดังกล่าวโดยรอบ จอมมารสามารถทอดพระเนตรไม่ว่าระยะไกลเพียงใดก็ทอดพระเนตรได้อย่างชัดเจนราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เพียงตรงหน้าพระพักตร์ของพระองค์เท่านั้น
ทว่าไม่ว่าจะทอดพระเนตรไปทิศทางใดกลับไม่เห็นแม้เพียงเงาพาดผ่าน ราวกับว่ากำลังเลือนหายไปฉันใดก็ฉันนั้น ความรู้สึกกำลังบอกว่านางกำลังจะหายไปจากบริเวณนี้และพระองค์จะต้องค้นหานางให้ถึงที่สุด พระพักตร์หันกลับไปทอดพระเนตรทางเข้าออกของเมืองทันใด พระหัตถ์ยกขึ้นพร้อมชี้นิ้วพระหัตถ์ไปยังทิศทางดังกล่าว
“ปิดประตูเมือง!!!” จอมมารแผดพระสุรเสียงดังกึกก้องขึ้นมาทันที
“ปิดประตูเมือง!!!”
“ปิดประตูเมือง!!!”
“ปิดประตูเมือง!!!”
เสียงของกองทหารอารักขาขานรับกันเป็นทอดๆ พลางส่งเสียงออกมาอย่างพร้อมเพรียง ดังยาวไปไกลพร้อมคำสั่งปิดประตูเมืองถูกส่งต่อถ่ายทอดไปจนถึงประตูที่จะเข้าสู่เมืองหลวงเทียนฮุยด้วยเช่นกัน
“ปัง! ปัง! ปัง!” ประตูเมืองทิศตะวันออกและทิศตะวันตกถูกปิดลงทันทีตามคำสั่งของจอมมาร