“ชิงเหยียน! อู๋ชิงเหยียน! อู๋…” หญิงสาวตะโกนได้เพียงแค่นั้น
ดวงตากลมโตกวาดสายตามองขบวนเจ้าสาวที่เต็มไปด้วยนางกำนัลมากมายพร้อมขันทีและกองทหารตามขบวนเสด็จไม่ต่ำกว่าสองร้อยนาย คอยถวายอารักขาไปตลอดการเดินทาง ม้านับร้อยตัวยืนอยู่อีกมุมหนึ่งรถม้าในสมัยโบราณมีมากมายหลายสิบคัน อุดมไปด้วยของมีค่ามากมายสิ่งเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ขององค์หญิงชิวหรง
ครั้นมองไปทิศทางใดก็มีแต่เทือกเขาสูงและป่าดงดิบทุกคนล้วนสวมชุดในสมัยโบราณที่แลดูแปลกตา ไม่เหมือนที่เธอเห็นในกองถ่ายซีรีส์ย้อนยุคแม้แต่น้อย แม้จะแลดูมีสีสันไม่แตกต่างกันแต่กลับมีความงามแปลกประหลาดในตัวเอง
ในขณะที่ทุกสายตาหันกลับมามองเธอด้วยความตกใจสุดขีดที่เห็นใบหน้าดุจปีศาจของสตรีแปลกหน้า ก่อนจะรีบก้มหน้าลงมองพื้นทันทีเมื่อเห็นทางด้านหลังปรากฏองค์ฮ่องเต้เสด็จออกมาจากนอกกระโจม ยืนอยู่ด้านหลังของสตรีผู้มีใบหน้าดุจปีศาจ
“ในเมื่อข้าถามเจ้าหลายครั้งหลายครา แต่ก็ไม่ได้คำตอบจากเจ้าแต่อย่างใด ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะบอกเจ้าด้วยตัวเองว่าที่นี่คือชายแดนแคว้นฉู่ พ้นเนินเขาลูกนี้ไปก็จะเข้าเขตชายแดนแคว้นเทียนโจว ดูท่าเจ้าจะแปลกประหลาดใจจนยืนนิ่งไม่ไหวติงเช่นนี้เลยรึ!” รับสั่งถามกลับไปครั้นทอดพระเนตรร่างระหงยืนนิ่งไม่ไหวติง
ครั้นหญิงสาวได้ยินรับสั่งขององค์ฮ่องเต้ เนื้อเรื่องในซีรีส์ที่เธอกำลังแสดงซึ่งอ้างอิงมาจากตำนานโบราณผุดขึ้นมาในความทรงจำของเธอขึ้นมาทันที
“แคว้นฉู่ศัตรูคู่อาฆาตของต้าโจว อดีตฮ่องเต้สวรรคตกลางสนามรบด้วยฝีมือของอ๋องปีศาจของต้าโจว มีพระชายาเอกชื่อ เยว่วาวา สุดท้ายแคว้นถูกทำลายลงภายในคืนเดียวด้วยน้ำมือของนางมาร เหอะ เหอะ เหอะ นี่ฉันกำลังอยู่ที่ไหนของมุมโลกนี้” หญิงสาวยืนพึมพำวกไปวนมาอยู่เช่นนั้น ท่ามกลางสายพระเนตรของฮ่องเต้แคว้นฉู่
“แม่นางเยว่!” องครักษ์ลู่เหอเรียกหญิงสาว
เฉินวาวาค่อยๆ หันกลับไปมองหน้าบุรุษร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอในขณะนี้
“แม่นางเยว่อย่างนั้นเหรอ” เธอถามกลับไปทันที
องครักษ์หนุ่มพยักหน้าขึ้นลง
“เชิญแม่นางเยว่เข้าเฝ้าฝ่าบาท พระองค์ทรงรออยู่ด้านใน” กล่าวพร้อมผายมือให้เธอเข้าไปภายในกระโจม
หญิงสาวมองหน้าองครักษ์หนุ่มเขม็ง แต่ก็ก้าวเดินเข้าไปด้านในแต่โดยดีเมื่อเธอรู้สึกสังหรณ์ว่าสถานที่และผู้คนที่พบเห็นหลายสิ่งหลายอย่างดั่งเช่นยุคโบราณ
ร่างงามในฉลองพระองค์สีขาวขององค์หญิงชิวหรง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าร่างของเธอจนดูหลวมเดินตรงมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้แคว้นฉู่ ในขณะที่พระองค์ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรที่พระองค์ทรงประทับนั่งอยู่บนตั่งฝั่งตรงกันข้าม
“นั่งสิ... ในเวลานี้ไม่ต้องมากพิธี แม่นางเยว่วาวา” รับสั่งชื่อแซ่ของเธอออกไปทันที
และนั่นทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลัน ครั้นได้ยินเช่นนั้น ร่างระหงรีบทรุดกายลงนั่งบนตั่งอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบยกมือทั้งสองไขว้เข้าหากันเป็นกากบาท
“ก่อนจะต้องตอบคำถามขอเป็นฝ่ายถามก่อนจะได้ไหม”หญิงสาวเอ่ยดักคอ
พระพักตร์พยักขึ้นลงเป็นสัญญาณตอบรับกลับไป
“เจ้าอยากล่วงรู้สิ่งใดก็จงถามมา ก่อนที่ข้าจะเป็นฝ่ายเริ่มถามเจ้า”
ครั้นหญิงสาวได้ยินเช่นนั้น สิ่งที่ต้องการรู้ขึ้นผุดพรายอยู่เต็มสมองพร้อมเอ่ยถามกลับไป
“เวลานี้เป็น... เป็น... เออ...ยุคหรือของราชวงศ์อะไร! ปะ... ปีน่ะ... ปีอะไรอย่างนั้นเหรอ ละ... แล้วแคว้นฉู่ ไม่มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีกใช่ไหม” หญิงสาวถามกลับในสิ่งที่เธออยากรู้
ท่ามกลางความงุนงงของชิงอวิ้นฮ่องเต้ที่ได้ยินคำถามเช่นนั้น
“แม่นางเยว่! เจ้าไปอยู่แห่งหนใดมาจึงมิล่วงรู้ว่าตอนนี้คือราชวงศ์อะไร ในผืนแผ่นดินนี้มีแคว้นน้อยใหญ่มากมายหลายร้อยแคว้นกระจัดกระจายไปทั่วผืนแผ่นดินนี้ แต่ละแคว้นถูกปกครองด้วยฮ่องเต้ และราชวงศ์ของข้าก็ปกครองแคว้นฉู่ ซึ่งมีอาณาเขตทิศเหนือติดกับแคว้นเทียนโจว ทิศใต้ติดกับแคว้นหยวน ทิศตะวันตกติดกับแคว้นต้าหลี่และทิศตะวันออกติดกับแคว้นเยว่”
สิ้นเสียงของชิงอวิ้นฮ่องเต้เฉินวาวานั่งนิ่งงันไปทันที
“ยะ...ยุคสมัยของเจ้าผู้ครองแคว้นอย่างนั้นหรอกเหรอ!” หญิงสาวพึมพำออกมาเบาๆ
“ไม่จริง! ที่นี่ควรจะเป็นเทือกเขาเหิงไห่ ซึ่งอยู่ในประเทศจีน! มันจะต้องไม่ใช่ยุคสมัยของเจ้าผู้ครองแคว้น เป็นไปไม่ได้! ที่ฉันจะมาอยู่ที่นี่!” เฉินวาวาเฝ้ารำพึงรำพันย้ำไปย้ำมาอยู่เช่นนั้น
ท่ามกลางสายพระเนตรของฮ่องเต้แคว้นฉู่ เมื่อทรงทอดพระเนตรอาการของหญิงสาวประหนึ่งไม่อยากเชื่อว่ากำลังอยู่ในแคว้นของพระองค์
“ลู่เหอ!” รับสั่งหาองครักษ์คนสนิท
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ลู่เหอขานรับทันใด
“ท่าทางนางยังไม่เชื่อว่ากำลังอยู่ในแคว้นของข้า จัดการนางซะ ข้าเสียเวลามามากพอแล้ว จะต้องรีบพาชิวหรงกลับไปรักษาตัวต่อที่วังหลวง”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ลู่เหอขานรับพระบัญชา ก่อนจะเดินตรงเข้าไปด้านหลังของหญิงสาวทันที ในขณะที่เธอกำลังนั่งงงกับรับสั่งของชิงอวิ้นฮ่องเต้
“โอ๊ยย! นี่จะทำอะ...!” หญิงสาวร้อยโวยวายได้เพียงแค่นั้น
“ตึก! ตึก!” สองนิ้วแข็งแกร่งสกัดจุดบริเวณไหปลาร้าหนึ่งจุด และแผ่นหลังด้านบนอีกหนึ่งจุดเพื่อให้หยุดนิ่ง
“เหวอ... ฉะ... ฉัน... ขยับไปไหนไม่ได้เลย นี่ฉันอยู่ในโลกของยุคที่ยังมีจอมยุทธ์หลงเหลืออยู่อีกหรือนี่ ถึงได้โดนสกัดจุดกับตัวเองแบบนี้ ไม่ได้การแล้ว จะนั่งแข็งทื่อไปตลอดน่ะเหรอ จะต้องรีบคิดหาวิธีเอาตัวรอดให้ได้”
เฉินวาวากล่าวพลางพยายามจะขยับกายเพื่อให้หลุดพ้นจากการโดนสกัดจุดแต่จนแล้วจนรอดเธอไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากได้แต่นั่งนิ่งๆ อยู่เช่นนั้น ทำได้แต่เพียงกลอกกลิ้งดวงตาไปมา เป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ในขณะนี้ พร้อมสุรเสียงของชิงอวิ้นฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง
“เอาเป็นว่าข้าจะไม่ถามว่าเจ้ามาจากที่ใด แต่ในเมื่อมาอยู่ในแคว้นของข้าแล้วไซร้ ย่อมถือเป็นประชาชนในแคว้นเช่นเดียวกัน แต่ถึงเจ้าไม่บอกข้าก็เดาได้ว่าเจ้ามาจากแคว้นเยว่ เพราะป้ายหยกของเจ้าชิ้นนี้สลักชื่อแซ่ของเจ้าเอาไว้เสียชัดเจนถึงเพียงนี้” รับสั่งพร้อมทรงล้วงพระหัตถ์เข้าไปในแขนเสื้อฉลองพระองค์ก่อนจะดึงสิ่งที่อยู่ภายในออกมาวางไว้ตรงหน้าของหญิงสาว
“ป้ายหยก!” เฉินวาวามองป้ายหยกสลักชื่อแซ่ ซึ่งใช้ในการถ่ายทำซีรีส์ที่เธอแสดง
“ดังนั้นด้วยลักษณะป้ายหยกของเจ้ารวมไปถึงชุดที่เจ้าสวมใส่ตอนหมดสติบ่งบอกว่ามีเชื้อสายราชวงศ์ แต่คงจะถูกกำจัดเสียแล้วกระมังจึงมีสภาพเช่นนี้ ถูกพิษจนทำลายรูปโฉมแม้ข้าจะสงสารในชะตากรรมของเจ้าแต่ข้าสงสารชะตากรรมขนิษฐาของข้ามากกว่า ดังนั้นข้าจะให้เจ้าทำงานสำคัญซึ่งไม่ได้ยากเย็นเกินกำลังแม้แต่น้อย” รับสั่งพลางแสยะยิ้มเหยียดท่ามกลางสายตาของหญิงสาว
“อีตาบ้านี่ก็แปลก พูดเองเออเอง มั่วจนผูกได้เป็นเรื่องเป็นราวให้ตายสินะ!” หญิงสาวรำพึงภายในใจก่อนจะได้ยินพระสุรเสียงฮ่องเต้แคว้นฉู่มีรับสั่งสำทับตามติดมา
“งานของเจ้าก็แค่ไปเป็นเจ้าสาวแทนพระขนิษฐาของข้าเพียงเท่านั้น เดินทางเพื่อไปอภิเษกสมรสกับฮ่องเต้แคว้นเทียนโจว เจ้าได้ยินที่ข้ากล่าวหรือไม่เยว่วาวา”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น
“เฮ้ย! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันนี่ ตัวละครที่ฉันต้องแสดงในซีรีส์ไม่มีบทแบบนี้เลยนะ ตามบทเยว่วาวาคือลูกสาวแม่ทัพแคว้นต้าฉู่พบรักกับท่านอ๋องของแคว้นต้าโจวไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมต้องสวมรอยเดินทางมาเป็นเจ้าสาวแบบนี้” หญิงสาวโวยวายอยู่ภายในใจ
“ท่าทางฉันจะต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งแต่จะเป็นไปได้เหรอที่ยังมีผู้คนดำเนินชีวิตแบบคนในสมัยโบราณหลงเหลืออยู่ในศตวรรษที่ 21 แบบนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้นอกเสียจากจะย้อนอดีตกลับไปในยุคโบราณละก็ค่อยว่าไปอย่าง” ครั้นหญิงสาวคิดได้ออกมาเช่นนั้น
“หา! Impossible!!!” เฉินวาวาอุทานออกมาทันที
ดวงตากลมโตเบิกกว้างก่อนจะทอดสายตาจับจ้องชิงอวิ้นฮ่องเต้อย่างละเอียดรวมไปถึงองครักษ์ลู่เหอซึ่งยืนถือดาบยาวยืนอยู่เคียงข้างตลอดเวลา เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่แตกต่างจากจินตนาการของคนยุคใหม่อย่างสิ้นเชิง เรียบง่ายแต่สวยงามแปลกประหลาดเพราะทอด้วยมือ แม้กระทั่งงานปักลวดลายทุกอย่างล้วนเป็นงานฝีมือทั้งสิ้น
“นี่อย่าบอกนะว่าฉันหลงมาอยู่ในยุคโบราณในสมัยที่ยังมีเจ้าผู้ครองแคว้น ไม่นะ!”หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
ก่อนจะกะพริบตาสื่อสารขึ้นลงติดๆ กันเป็นสัญญาณว่าเธอต้องการที่จะพูดบ้าง ตามบทละครที่เธออ่านมาว่าคนโบราณที่ถูกสกัดจุดจะต้องสื่อสารอย่างไรบ้างและอาการของเธอองค์ฮ่องเต้ก็ทรงล่วงรู้โดยพลัน
“ลู่เห่อคลายจุดให้นาง ดูท่าจะอยากกล่าวถ้อยคำบางอย่างกับข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ลู่เหอรับขานรับทันที พร้อมยื่นสองนิ้วกดคลายจุดให้หญิงสาวเอ่ยถ้อยคำออกมาได้
“ตึก!” สองนิ้วกดคลายจุดให้กับหญิงสาวทันทีและนั่นทำให้เธอเป็นอิสระที่จะพูดเจรจาต่อรองได้ขึ้นมาทันใด
“เฮ้อ!!!” หญิงสาวรู้สึกหายใจคล่องขึ้นมาทันที ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอเพื่อประเมินสถานการณ์โดยรวมในขณะนี้นับตั้งแต่เธอฟื้นขึ้นมาในกระโจม
“หาวิธีเอาตัวรอดก่อนดีกว่า หลังจากนั้นค่อยหาทางกลับบ้าน แต่ถ้าเรามาอยู่ในยุคโบราณจริงๆ แล้วจะกลับไปยังไงล่ะ! แต่ช่างเถอะ... ช่างเถอะ คงไม่ใช่ดั่งที่คิดหรอกกระมังไหลตามน้ำไปก่อนค่อยคิดอีกที” หญิงสาวขบคิดวางแผนการอยู่ภายในใจอย่างรวดเร็ว
“ถ้าฝ่าบาทประสงค์จะให้หม่อมฉันทำงานสำคัญแล้วละก็ การเจรจาครั้งนี้ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเพคะ” เฉินวาวาเริ่มวาดลวดลายออกมาทันใดพร้อมเปลี่ยนวิธีการพูดให้สอดคล้องตามสถานการณ์
ถ้อยเจรจาของหญิงสาวซึ่งเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงชนิดหน้ามือเป็นหลังมือทำให้ชิงอวิ้นฮ่องเต้อดแปลกพระทัยไม่ได้ในการเปลี่ยนแปลงของสตรีตรงหน้าพระพักตร์
“เจ้าก็เจรจาดั่งเช่นผู้คนทั่วไปได้มิหนำซ้ำยังใช้คำในราชสำนักได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย เหตุใดจึงแกล้งจดจำอะไรไม่ได้นับตั้งแต่คราแรก” รับสั่งถามกลับไปด้วยความแปลกพระทัย
หญิงสาวยกยิ้มที่มุมปากของตัวเองเล็กน้อยพลางเอ่ยตอบกลับไป
“เป็นธรรมดาเพคะ หม่อมฉันหมดสติไปนานจึงจดจำอะไรไม่ค่อยได้ อาจเป็นเพราะด้วยถูกพิษตามที่หมอหลวงบอกจึงทำให้สติเลือนรางไปชั่วขณะ แต่ตอนนี้หม่อมฉันเริ่มจำขึ้นมาได้บ้างแล้วแม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม และต้องขอขอบพระทัยที่ทรงช่วยชีวิตของหม่อมฉัน ดังนั้นเพื่อเป็นการแทนคุณที่ช่วยชีวิต จึงเต็มใจยินดีที่จะช่วยฝ่าบาททำงานใหญ่เพคะ” เฉินวาวาตอบกลับไปอย่างฉะฉาน
“แหม... บทละครที่ท่องมาช่วยได้เยอะเหมือนกันแฮะ!” หญิงสาวรำพึงอยู่ภายในใจ
ถ้อยเจรจาของหญิงสาวสร้างความพึงพอใจให้แก่ชิงอวิ้นฮ่องเต้อย่างยิ่งยวดเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี! จะได้ไม่ต้องเสียเวลากันทั้งสองฝ่าย” รับสั่งพร้อมเปล่งเสียงพระสรวลก่อนจะได้ยินเฉินวาวาเอ่ยแทรกขึ้นทะลุกลางปล้อง
“ฝ่าบาทลืมไปแล้วหรือเพคะว่าหม่อมฉันตกลงทำงานใหญ่ให้เพื่อแทนคุณ นั่นคือเสมอกันแต่การเปลี่ยนตัวเจ้าสาวกะทันหันเช่นนี้ควรจะรับรองความปลอดภัยให้แก่หม่อมฉันด้วยนะเพคะ” เฉินวาวาเอ่ยเงื่อนไขของเธอออกไปทันที
และนั่นทำให้พระขนงเข้มของฮ่องเต้หนุ่มขมวดเข้ากันทันใด
“เจ้ามีเงื่อนไขอะไรเยว่วาวา” รับสั่งถามสุรเสียงเข้ม
และนั่นทำให้นางร้ายจากยุคปัจจุบันแสยะยิ้มเหยียดที่มุมปาก
“หม่อมฉันไม่ต้องการทำหน้าที่เพียงแค่สวมรอยแอบอ้างเป็นพระขนิษฐาของพระองค์ เพราะจะทำให้ต้องระมัดระวังตัวเองเกรงกลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผย ยิ่งต้องเข้าไปทำงานใหญ่ให้ฝ่าบาทด้วยแล้วไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน ใช่ว่าจะไม่มีผู้ใดล่วงรู้พระสิริโฉมของพระขนิษฐาของฝ่าบาท ดังนั้นขอได้ทรงโปรดรับหม่อมฉันให้เป็นพระขนิษฐาบุญธรรม มีฐานันดรศักดิ์และอำนาจเทียบเท่าพระขนิษฐาของพระองค์ทุกประการด้วยเถิดเพคะ” เฉินวาวาเริ่มสวมบทนางมารร้ายขึ้นมาทันที
ในขณะเดียวกันปานรูปหยดน้ำเปล่งแสงวาววับเหลื่อมล้ำออกมาทันใดพร้อมภาพเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นให้เธอได้เห็นในความทรงจำ