ท่ามกลางพระอาการตกตะลึงของเฉินกงฮ่องเต้ ครั้นเมื่อทรงได้ทอดพระเนตรบุรุษอาภรณ์สีนิลกาฬในระยะใกล้ชิด พระวรกายสูงใหญ่ทะมึนทรงยืนบังฮ่องเต้แคว้นเทียนโจวได้อย่างมิดชิดยิ่งนัก
ในขณะที่ฮ่องเต้แคว้นต้าฉู่ทอดพระเนตรการกระทำของบุรุษปริศนาที่หาญกล้าแสดงอาการท้าทายพระองค์อย่างไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย ในขณะที่กองทัพของพระองค์โอบล้อมทัพต้าโจวเอาไว้รอบด้าน
“หาคนมาช่วยอย่างนั้นเหรอเฉินกง! เข้าท่า!ช่างหานักรบได้น่ายำเกรงเสียนี่กระไร ข้าก็อยากล่วงรู้เช่นกันว่าจะไปได้สักกี่น้ำ!” ฮ่องเต้แคว้นต้าฉู่รับสั่งดูแคลนพลางแสยะยิ้มเหยียด
คันธนูง้างออกจนสุดแขนเล็งไปที่ร่างของบุรุษร่างสูงทะมึนซึ่งล่อเป้าได้เป็นอย่างดี ด้วยความสูงที่โดดเด่นกว่าบุรุษใดที่อยู่ในเวลานั้น ลูกธนูอาบยาพิษถูกปล่อยจากคันศรออกไปทันที
“ฟิ้วววววว!!!” ลูกธนูสามดอกพุ่งตรงเข้าหาพระวรกายของจอมมารโดยพลัน
ทันทีที่ลูกธนูพุ่งหลาวออกมา จอมมารชินซางยกดาบปีศาจที่อยู่ในพระหัตถ์ใช้วรยุทธ์จากดินแดนปีศาจลงดาบฟันกลางอากาศไปเพียงครั้งเดียว พลังวรยุทธ์สะท้อนลูกธนูที่กำลังพุ่งตรงมาหาอยู่ในขณะนั้นถูกทำลายลงไปทันที รวมไปถึงทหารในกองทัพของต้าฉู่ซึ่งอยู่ภายในรัศมีถูกพลังสะท้อนกลับประหนึ่งถูกคมดาบปีศาจฟาดฟันถูกกายล้มตายลงเป็นเบือต่อหน้าทุกชีวิตที่อยู่นอกเขตรัศมี
ท่ามกลางอาการตกตะลึงของบรรดาทหารในกองทัพของทั้งสองแคว้น และฮ่องเต้แคว้นต้าฉู่และเฉินกงฮ่องเต้ ต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่แตกต่างกัน พระพักตร์ภายใต้เกราะกำบังของฮ่องเต้แคว้นต้าฉู่สั่นระริกเมื่อทอดพระเนตรทหารในกองทัพล้มตายเพียงดาบเดียว
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าวันนี้เจ้าจะมีชีวิตรอดกลับไปได้ เจ้าผมสีเงิน! มีปัญญาฝ่ากองทัพเรือนแสนของข้าได้ก็ให้มันรู้ไป! อยากรู้เหมือนกันว่าชีวิตของเจ้าจะจบลงด้วยสภาพเยี่ยงไร!... ทหาร! ฆ่าบุรุษผมสีเงิน! ตัดหัวของมันมาให้ข้า ผู้ใดทำได้ข้าจะปูนบำเหน็จให้อย่างงาม!” รับสั่งตะโกนก้องสั่งทหารของพระองค์
พระบัญชาของฮ่องเต้แคว้นต้าฉู่ดังกึกก้องได้ยินไปทั่วบริเวณ บรรดาทหารขึ้นคันธนูพร้อมลูกศรเตรียมง้างออกไปนับหลายหมื่นดอกเพื่อโจมตีทัพของแคว้นเทียนโจว เป็นเหตุให้เฉินกงฮ่องเต้มีรับสั่งกับจอมมาร
“เจ้ารีบหลบหนีไปเสียเถิดพ่อหนุ่ม! หาไม่แล้วจะต้องมาตายตกตามกัน ณ ที่แห่งนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่มีวันปล่อยผู้ใดรอดชีวิตกลับไปอย่างแน่นอน ขอบใจเจ้ายิ่งนักที่มีน้ำใจช่วยเหลือแคว้นเทียนโจวของข้า กำลังในกองทัพของข้าตอนนี้แตกต่างดั่งฟ้ากับเหว มิอาจเอาชนะต้าฉู่ได้”
พระพักตร์หล่อเหลาคมคร้ามยังคงเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านกับรับสั่งของเฉินกงฮ่องเต้แม้แต่น้อย วรองค์สูงทะมึนพระดำเนินออกไปข้างหน้าสามก้าวก่อนจะทรงหยุดยืนนิ่ง พลางทอดพระเนตรกองทัพของต้าฉู่ที่กำลังวิ่งดาหน้าเข้ามาหาพระองค์อย่างบ้าคลั่ง
“อยู่เฉยๆ เมื่อข้าออกหน้าจงรอผลที่ตามมาก็พอแล้ว” รับสั่งสุร เสียงเย็นยะเยียบ
ถ้อยรับสั่งของจอมมารทำให้เฉินกงฮ่องเต้ต้องสงบปากสงบคำลงทันใด บรรดาทหารองครักษ์ที่ได้ยินถ้อยรับสั่งของจอมมารหนุ่มต่างพากันกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อได้ยินพระสุรเสียงเย็นยะเยือกเช่นนั้น
“บุรุษผู้นี้ช่างน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแม้แต่น้อย ทหารต้าฉู่เป็นเรือนแสนกำลังดาหน้าเข้ามาหมายสังหารทัพต้าโจวให้สูญสิ้น แต่กลับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด ยังคงยืนท้าทายอยู่เช่นนั้น” เสียงเอ็ดอึงของกองทหารโจษขานกันเป็นวงกว้าง แต่ละคนรีบยกอาวุธคู่กายเตรียมป้องกันตนเองและองค์ฮ่องเต้
จอมมารชินซางทอดพระเนตรกองทัพแคว้นต้าฉู่ที่มีกำลังพลมากมายเป็นเรือนแสนอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ ครั้นหันกลับไปทอดพระเนตรกองทัพของเทียนโจว ช่างแตกต่างลิบลับดั่งฟ้ากับเหวเสียนี่กระไร
“วรยุทธ์ของข้าแม้จะรับมือกับทหารเป็นเรือนแสนได้ก็ตาม แต่ต้องใช้เวลาสิ้นเปลืองนานพอควร เสียแรงโดยใช่เหตุ ทำศึกให้ชนะต้องเด็ดหัวจอมทัพโดยเร็วจะได้ไม่เสียทั้งแรงและเวลา” รับสั่งรำพึงอยู่ภายในพระทัย
ทันใดนั้นเอง
“ฟิ้ววววว!!!!” ลูกธนูนับหมื่นดอกถูกยิงออกมาอย่างรวดเร็ว
ท้องฟ้าเบื้องบนเต็มไปด้วยลูกธนูจากแคว้นต้าฉู่ลอยละลิ่วพุ่งเข้าเป้าหมาย นั่นก็คือทุกชีวิตของฝ่ายตรงข้ามนั่นเอง ท่ามกลางสายพระเนตรของจอมมารเมื่อทอดพระเนตรลูกธนูนับหมื่นพุ่งตรงมาดั่งห่าฝนพรำ พระวรกายสูงใหญ่ทะมึนของจอมมารหมุนคว้างดั่งลูกข่างพร้อมดาบปีศาจคู่พระวรกายตวัดกวัดแกว่งไปมา พลังวรยุทธ์สะท้อนลูกธนูนับหมื่นดอกเลือนหายไปโดยพลันและสะท้อนกลับให้หันทิศทางลงปักที่เป้าหมายเป็นกองทัพต้าฉู่
“ฉึก! ฉึก! ฉึก!” ลูกธนูหันหลังกลับพุ่งปักไปที่ร่างของทหารแคว้นฉู่ล้มตายเป็นเบือ
ยังมิทันจะได้ตั้งตัวจอมมารไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดรอด ดาบปีศาจที่อยู่ในพระหัตถ์ถูกปักกระแทกลงพื้นดินกระจายพลังสังหารจากวรยุทธ์ของพระองค์จนกองทัพต้าฉู่ล้มตายดั่งใบไม้ปลิดปลิว ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้แคว้นฉู่พลังสังหารของจอมมารรุนแรงอย่างยิ่งยวด จนบรรดาแม่ทัพนายกองรวมไปถึงฮ่องเต้ต้าฉู่ต่างพากันตกลงบนหลังม้าลงมานอนกองกับพื้น
ครั้นพระเนตรสีนิลกาฬทอดพระเนตรฮ่องเต้แคว้นฉู่ตกลงจากหลังม้าเช่นนั้น จอมมารดึงดาบปีศาจออกจากพื้นทันใดพร้อมใช้พลังวรยุทธ์เร้นพระวรกายเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงพระวรกายฮ่องเต้ต้าฉู่ที่กำลังลุกยืนขึ้นจากพื้น ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังตกตะลึงเมื่อบุรุษเกศาสีเงินยืนสูงทะมึนค้ำพระเศียรปรากฏอยู่ตรงหน้า
“ข้ามาหาเจ้าแล้วเด็กน้อย!” รับสั่งสุรเสียงเหี้ยมเกรียม พระพักตร์หล่อเหลาแสยะยิ้มเหยียดอย่างน่าสะพรึงกลัว พระหัตถ์ยกขึ้นจับพระเศียรฮ่องเต้ต้าฉู่มิให้ดิ้นหนี พร้อมกระซวกดาบปีศาจออกไปทันที
“ฉึก!” ดาบปีศาจคมกริบแทงเข้ากลางพระอุระฮ่องเต้แคว้นฉู่อย่างรวดเร็ว
จอมมารชินซางใช้ดาบปีศาจยกพระวรกายของฮ่องเต้แคว้นฉู่ด้วยท่อนพระกรเพียงข้างเดียว ก่อนจะยกขึ้นสูงเพื่อให้ทหารที่เหลือในกองทัพของต้าฉู่ยอมจำนนแต่โดยดี
พระวรกายของฮ่องเต้ต้าฉู่ดิ้นพราดๆ อยู่ภายใต้คมดาบปีศาจด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส สายพระเนตรของพระองค์ทอดพระเนตรพระพักตร์หล่อเหลาที่กำลังแหงนหน้ามองพระองค์เช่นเดียวกัน บุรุษร่างใหญ่สูงทะมึน เจ้าของเส้นผมสีเงินและอาภรณ์สีนิลกาฬติดอยู่ในสายพระเนตรเป็นยิ่งนัก ก่อนจะเบิกพระเนตรกว้างเมื่อทรงได้ทอดพระเนตร ดวงตาสีเลือดของอีกฝ่ายฉายแวววับออกมา
“จะ... เจ้า... ปะ... เป็น” รับสั่งสุรเสียงขาดห้วง
“ข้าเป็นอะไรไม่สำคัญ... จงรู้แต่เพียงว่าข้ามีชีวิตมานานหลายแสนปีแค่นั้นก็พอ” รับสั่งสุรเสียงเย็นยะเยียบ
และคำตอบของพระองค์ทำให้ฮ่องเต้แคว้นต้าฉู่เบิกพระเนตรกว้างออกมาทันที เมื่อทรงล่วงรู้แล้วว่าบุรุษเจ้าของเส้นผมสีเงินนี้แท้จริงเป็นผู้ใด
“จะ... จอม... จอมมาร... นะ... ในตำนาน... นะ... ในที่สุด... กะ... ก็มีตัวตนจริงๆ” สิ้นพระสุรเสียงฮ่องเต้ต้าฉู่เสด็จสวรรคตลงอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่อึดใจ
ถ้อยรับสั่งสุดท้ายของฮ่องเต้ต้าฉู่ทำให้จอมมารชินซางทรงยืนนิ่งไปชั่วขณะ
“ไม่คิดเลยว่าภพมนุษย์จะล่วงรู้ว่าข้าคือจอมมาร” รับสั่งสุรเสียงพึมพำ
เหล่าทหารของต้าฉู่ต่างยืนอ้าปากค้างเมื่อเห็นฮ่องเต้ของตนถูกดาบยาวของบุรุษผมสีเงินเสียบเข้าที่ยอดอกพร้อมยกพระวรกายชูขึ้นสูงเป็นเครื่องหมายของชัยชนะที่แคว้นเทียนโจวมีเหนือกว่าต้าฉู่ ในขณะที่พระวรกายสูงทะมึนของจอมมารหมุนไปโดยรอบเพื่อให้ทุกชีวิตและทุกสายตาที่อยู่ในศึกสงครามครั้งนี้ได้รู้และเห็น พระศพของฮ่องเต้ต้าฉู่ยังเสียบคาอยู่ที่ดาบปีศาจอยู่เช่นนั้น
“ฉึกกก!!!” จอมมารปักปลายด้ามของดาบปีศาจลงบนพื้นดินพร้อมพระศพของฮ่องเต้แคว้นต้าฉู่ยังคงเสียบคาดาบปีศาจ พร้อมสุรเสียงประกาศกึกก้อง
“ฮ่องเต้ของพวกเจ้าสวรรคตแล้ว! จงถอนทัพกลับไปเสีย! นำพระศพกลับไปที่แคว้นเพื่อประกอบพิธีให้อย่างสมพระเกียรติในฐานะนักรบ แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่ข้า! แต่มิได้เสื่อมเกียรติของการเป็นนักรบในสมรภูมิแต่อย่างใด และนับจากนี้ต่อไปพวกเจ้าล่วงรู้ดีว่าในฐานะผู้พ่ายแพ้สงครามจะต้องปฏิบัติเยี่ยงไรต่อไปกับผู้มีชัยเหนือพวกเจ้า!” รับสั่งสุรเสียงกึกก้องได้ยินไปทั่วขุนเขา
ทหารต้าฉู่ที่รอดชีวิตต่างพร้อมใจพากันทิ้งอาวุธอย่างพร้อมเพรียง ทุกชีวิตทรุดกายลงนั่งคุกเข่าพร้อมส่งเสียงขานรับพระบัญชาของจอมมารออกมาทันที
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ! นับตั้งแต่นี้ต่อไปแคว้นต้าฉู่ยินดีสวามิภักดิ์ต่อแคว้นเทียนโจวตลอดไป ขอพระองค์ทรงพระเจริญ!”เหล่าทหารแคว้นต้าฉู่เปล่งถ้อยคำออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ครั้นจอมมารชินซางได้ยินคำกล่าวของบรรดาทหารต้าฉู่เอ่ยออกมาเช่นนั้น พระองค์หันพระวรกายกลับไปทอดพระเนตรเฉินกงฮ่องเต้ พระวรกายสูงทะมึนเสด็จพระดำเนินก้าวเข้าไปหาบุรุษที่เหมือนพระบิดาของพระองค์อย่างไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย
“ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของท่านแล้ว ที่จะจัดการเยี่ยงไรต่อไป ข้าเชื่อว่าท่านจะสามารถจัดการได้ออกมาเป็นอย่างดี” รับสั่งสุรเสียงเรียบเฉย พร้อมพระดำเนินออกไปจากบริเวณนั้น
ครั้นเฉินกงฮ่องเต้หายจากพระอาการตกตะลึงและทอดพระเนตรบุรุษปริศนากำลังจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ พระองค์ทรงรีบมีรับสั่งทักท้วงออกไปทันที
“เดี๋ยวก่อนพ่อหนุ่ม!” สุรเสียงรับสั่งรั้งจอมมาร
พระวรกายสูงทะมึนทรงหยุดพระดำเนินเมื่อเฉินกงฮ่องเต้รับสั่งรั้งพระองค์เอาไว้ พระพักตร์หล่อเหลาคมคร้ามหันกลับมาทอดพระเนตรฮ่องเต้ผู้นั้นอีกครา
“มีอะไรกับข้าอีกอย่างนั้นหรอกรึ” รับสั่งถามกลับไป
“เหตุใดจึงรีบไปเสียเล่า ข้ายังมิทันได้กล่าวขอบใจและตอบแทนน้ำใจเจ้าเลยพ่อหนุ่ม อยู่เจรจากับข้าก่อนเถิด สงครามครั้งนี้แคว้นเทียนโจวสามารถรบชนะได้ด้วยฝีมือของเจ้าเพียงผู้เดียว เพียงชั่วพริบตาวรยุทธ์ไม่กี่กระบวนท่าของเจ้าก็สยบกองทัพเป็นเรือนแสนได้ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นการรบอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ และข้าคือโจวเฉินกงฮ่องเต้กษัตริย์แคว้นเทียนโจว ที่เจ้าช่วยรบ แล้วเจ้าเล่ามีนามว่ากระไร” รับสั่งถามกลับไป
พระพักตร์หล่อเหลาคลี่พระโอษฐ์ออกมาบางๆ ครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น
“กระหม่อมยินดีช่วยฝ่าพระบาทในฐานะพสกนิกร แต่ตอนนี้กระหม่อมกำลังตามหาคนสำคัญในชีวิตจึงมิอาจอยู่สนทนากับฝ่าบาทได้นาน ขอได้ทรงโปรดประทานอภัย หากรับสั่งถามถึงนามนั้น กระหม่อมมีนามว่าชินซางพ่ะย่ะค่ะ” จอมมารรับสั่งพร้อมก้มพระเศียรเพียงน้อยนิดถวายคำนับให้กับฮ่องเต้แคว้นเทียนโจวในฐานะที่พระองค์ทรงเหมือนพระบิดาผู้ให้กำเนิด
ในขณะที่เฉินกงฮ่องเต้มีพระอาการตกตะลึงขึ้นมาทันใด ครั้นทรงได้ยินพระนามของจอมมาร ฮ่องเต้วัยกลางคนรีบพระดำเนินไปดักหน้าพระพักตร์เอาไว้ทันใด
“เจ้ามีนามว่าชินซางอย่างนั้นรึ!” รับสั่งถามย้ำกลับไปอีกคราเพื่อความแน่พระทัย
พระพักตร์หล่อเหลาพยักขึ้นลงติดต่อกัน
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” รับสั่งตอบกลับไป
และคำตอบของจอมมารทำให้องค์ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์กว้างออกมาทันที ก่อนจะเหลือบสายพระเนตรพบป้ายหยกสีเขียวมรกตห้อยอยู่ที่บั้นพระองค์ ก่อนจะจดจำได้ว่าเป็นป้ายหยกที่พระองค์ทรงมีพระบัญชาให้ช่างหลวงจัดทำขึ้น
“ปะ... ป้ายหยกนี้ขอข้าดูใกล้ๆ จะได้หรือไม่” รับสั่งขอทอดพระเนตรป้ายหยกในระยะใกล้ชิด
พระเนตรสีนิลกาฬของจอมมารทอดพระเนตรเฉินกงฮ่องเต้อยู่เพียงครู่ ก่อนจะปลดป้ายหยกที่ห้อยอยู่บั้นพระองค์ยื่นส่งให้ฮ่องเต้แคว้นเทียนโจวได้ทอดพระเนตรอย่างชัดเจน
ทันทีที่พระหัตถ์รับป้ายหยกจากจอมมารขึ้นมาทอดพระเนตร เฉินกงฮ่องเต้มีพระอาการที่แสดงออกถึงความดีพระทัยสุดขีดขึ้นมาทันที พระองค์แหงนพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรบุรุษตรงหน้า
“หยกนี้มีสองชิ้น นอกจากชิ้นนี้แล้วยังมีอีกชิ้นหนึ่งที่สลักชื่อเอาไว้เช่นกันใช่หรือไม่”พระองค์รับสั่งถามย้ำกลับไป
ครั้นจอมมารทรงได้ยินเช่นนั้นพระพักตร์หล่อเหลาพยักขึ้นลงเป็นสัญญาณตอบรับ
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ!” รับสั่งตอบกลับไปสั้นๆ พร้อมพระหัตถ์ล้วงเข้าไปในอกเสื้อฉลองพระองค์ก่อนจะดึงป้ายหยกอีกชิ้นยื่นส่งให้เฉินกงฮ่องเต้รับไว้ พร้อมมีรับสั่ง
“ป้ายหยกทั้งสองชิ้นนี้ บังเอิญกระหม่อม...” ยังมิทันที่พระองค์จะรับสั่งจนจบประโยค
เฉินกงฮ่องเต้ตรงปรี่เข้าสวมกอดพระวรกายสูงใหญ่ของจอมมารทันที ครั้นได้ทอดพระเนตรป้ายหยกชิ้นที่เหลือ
“ชินซางลูกพ่อ! ที่แท้เจ้าก็ยังไม่ตาย! เจ้ายังไม่ตายจริงๆ ด้วย ลูกรักของพ่อ” เฉินกงฮ่องเต้รับสั่งสุรเสียงสั่นเครือ หยาดน้ำพระเนตรเอ่อล้นคลอเบ้า พร้อมเสียงของบรรดาทหารองครักษ์ที่ได้ยินถ้อยรับสั่งฮ่องเต้ของตน ต่างพากันส่งเสียงเอ็ดอึงเป็นการใหญ่
“องค์ชายสี่ยังไม่สิ้นพระชนม์! ที่แท้บุรุษผมสีเงินคือองค์ชายชินซาง!!!” บรรดาทหารองครักษ์ที่ได้ยินถ้อยรับสั่งต่างโจษขานบอกต่อๆ กันออกเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางเสียงเอ็ดอึงของทหารองค์รักษ์และเริ่มแพร่กระจายไปทั่วทั้งกองทัพ เมื่อได้ล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วบุรุษร่างสูงใหญ่ทะมึน เจ้าของเส้นผมสีเงินยวงสวมอาภรณ์สีนิลกาฬคือองค์ชายโจวชินซาง หรือองค์ชายสี่ที่หายสาบสูญไปพร้อมพระสนมเอกจิ่วซิน พระมารดาเมื่อยี่สิบสี่ปีก่อน
บุรุษผู้นำชัยชนะมาสู่แคว้นเทียนโจว ด้วยฝีมือการสู้รบเพียงลำพังสามารถสยบกองทัพแคว้นต้าฉู่ ที่มีมากมายเป็นเรือนแสนได้อย่างราบคาบ เหตุการณ์สู้รบระหว่างแคว้นฉู่และแคว้นเทียนโจวบริเวณเขาเหิงไห่ ถูกกล่าวขานปากต่อปากจากกองทหารทั้งสองฝ่ายที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างและเริ่มแผ่กระจายข่าวสารออกเป็นวงกว้าง
ในขณะที่บุรุษปริศนาร่างสูงใหญ่ทะมึน เจ้าของเกศาสีเงินยวงภายใต้อาภรณ์สีนิลกาฬ เป็นผู้นำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาสู่แคว้นเทียนโจว และกลับกลายเป็นว่าแท้จริงแล้วบุรุษปริศนาคือองค์ชายโจวชินซางที่หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อยี่สิบสี่ปีก่อน
เรื่องราวกาลกลับตาลปัตร เมื่อเฉินกงฮ่องเต้ ซึ่งเข้าใจว่าจอมมารชินซางคือพระโอรสที่หายสาบสูญไปพร้อมกับพระสนมเอกผู้เป็นที่รัก ด้วยสาเหตุซึ่งทุกวันนี้ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเพราะเหตุใด พระสนมเอกจิ่วซินจึงหอบพระโอรสหนีจากพระสวามีไปอย่างไม่มีเยื่อใย
จอมมารชินซางได้แต่ยืนนิ่ง มิกล่าวถ้อยรับสั่งสิ่งใดต่อไปอีก ก่อนจะก้มลงทอดพระเนตรเฉินกงฮ่องเต้ที่กำลังสวมกอดพระวรกายของพระองค์อยู่ในขณะนี้ บุรุษวัยกลางคนกำลังโอบกอดจอมมารด้วยความดีใจอย่างหาที่สุดมิได้เมื่อของรักได้หวนกลับคืน
“เป็นองค์ชายแคว้นนี้ก็เข้าท่า ฐานันดรสูงส่งเช่นนี้จะทำให้ข้าสามารถตามหานางได้ดีกว่าสถานะทั่วไป แต่ข้าจะเริ่มต้นค้นหานางจากจุดไหนดีเล่า” รับสั่งรำพึงอยู่ในพระทัย ในขณะที่เฉินกงฮ่องเต้ยังคงสวมกอดพระวรกายจอมมารอยู่เช่นนั้นพร้อมสุรเสียงรับสั่ง
“ชินซางลูกพ่อ! ในที่สุดสิ่งที่หวังไว้ก่อนแผ่นดินกลบหน้า ว่าอยากพบเจ้ากับแม่อีกครั้งในที่สุดก็เป็นความจริง แม้พ่อต้องสิ้นชีพแดดิ้นนับต่อจากนี้ก็หมดห่วงแล้ว... หมดห่วงแล้วที่พ่อจะฝากความหวังทั้งหมดให้แก่เจ้าชินซาง”
ถ้อยรับสั่งของเฉินกงฮ่องเต้ ทำให้จอมมารชินซางรู้สึกมีบางอย่างวิ่งแล่นเข้ามาจุกที่อก สองพระกรค่อยๆ ยกขึ้นโอบกอดเฉินกงฮ่องเต้ ด้วยรู้สึกอบอุ่นในพระทัยเสมือนอดีตจอมมารพระบิดาเคยโอบกอดพระองค์เมื่อครั้งเยาว์ชันษา พระเนตรสีนิลกาฬที่มีแต่ความแข็งกร้าว อ่อนแสงลงโดยพลัน
“เสด็จพ่อ!”