โรงเตี๊ยม
อาชาตัวมหึมาห้อตะบึงมาอย่างสุดฝีเท้า ติดตามด้วยกองทหารอารักขานับสิบนาย เสียงฝีเท้าม้าดังกระหึ่มมาตลอดเส้นทางสายหลักเมื่อม้าจำนวนหลายสิบตัวกำลังวิ่งมุ่งหน้าไปทางถนนใจกลางเมืองซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลลอยโคมประทีปที่เพิ่งจะสิ้นสุดลงก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงบริเวณหน้าโรงเตี๊ยมที่ยังเปิดให้บริการในขณะนั้น
พระวรกายสูงใหญ่ทะมึนของจอมมารเสด็จลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว พระพักตร์หล่อเหลาปราศจากหน้ากากทองคำปิดบังอำพรางแต่อย่างใด ด้วยทรงรีบร้อนเสด็จออกมาจากจวนเพื่อติดตามเยว่วาวาของพระองค์ พระวรกายใหญ่พระดำเนินเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมดังกล่าวในขณะที่ชั้นล่างยังเต็มไปด้วยชาวเมืองที่มาเปิดห้องพักค้างคืนและดื่มกินอาหารอยู่ชั้นล่างเต็มทุกโต๊ะ
“ชินอ๋องเสด็จ!!!” เสียงทหารอารักขาตะโกนออกมาเป็นทอดๆ ก่อนจะกระจายกำลังแยกย้ายกันค้นหาไปทั่ว
พระวรกายสูงใหญ่ทะมึนสวมอาภรณ์สีนิลกาฬก้าวเข้ามาภายในโรงเตี๊ยมดังกล่าวทันที ท่ามกลางสายตาของชาวเมืองเทียนจิ้นและต่างแคว้นที่ได้มีโอกาสพานพบพระพักตร์ที่แท้จริง แต่ละคนตกตะลึงอ้าปากค้างกันทุกคนก่อนจะรีบพากันลงนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นไปตามๆกัน พร้อมเสียงของเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเอ่ยขึ้น
“ชินอ๋องเสด็จมายามวิกาลเช่นนี้ ทรงมีพระประสงค์สิ่งใดให้ทางโรงเตี๊ยมของกระหม่อมได้รับใช้อย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” เถ้าแก่เจ้าของโรงเตี๊ยมกราบทูลถามกลับไป
“ข้ามาค้นหาบุรุษอาภรณ์สีดำสวมหมวกผ้าคลุมสีดำที่มาเปิดห้องพักที่นี่! เจ้าล่วงรู้หรือไม่ว่าพักอยู่ห้องใด” รับสั่งถามกลับไปอย่างรวดเร็ว
ครั้นเถ้าแก่โรงเตี๊ยมได้ยินเช่นนั้น คิ้วขาวขมวดเข้าหากันเพื่อทบทวนความทรงจำของตนเองก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อจดจำได้ขึ้นมาทันที
“อ่อ! กระหม่อมจดจำบุรุษตามลักษณะที่พระองค์ทรงถามได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ คุณชายท่านนั้นพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมของกระหม่อมพร้อมกับสหายจำนวนหลายคนเลยทีเดียว” เจ้าของโรงเตี๊ยมกราบทูลกลับไปตามความเป็นจริง
และนั่นทำให้จอมมารทรงดีพระทัยเป็นยิ่งนักเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น
“บุรุษผู้นั้นพักอยู่ห้องไหน!” รับสั่งถามกลับไปโดยพลันก่อนจะได้ยินคำตอบกลับมา
“คุณชายท่านนั้นพักอยู่ชั้นสองห้องสุดท้ายทางปีกขวาพ่ะย่ะค่ะ” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมกราบทูลกลับไป
ทันทีที่ทรงได้ยินเช่นนั้นพระวรกายใหญ่รีบเสด็จตรงไปยังบันไดของโรงเตี๊ยมทันทีก่อนจะหยุดชะงักเมื่อได้ยินสียงของเถ้าแก่เอ่ยตามหลัง
“แต่ตอนนี้คุณชายท่านนั้นไม่ได้พักอยู่ที่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เพิ่งจะคืนห้องพักเมื่อเวลายามห้ายที่ผ่านมานี่เอง” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมกราบทูลรายงานให้ทรงทราบ
และนั่นทำให้พระพักตร์หล่อเหลาของจอมมารหันกลับมาทอดพระเนตรทันที
“เจ้าว่าอะไรนะ! เสี่ยววาวาคืนห้องพักแล้วอย่างนั้นเหรอ!” รับสั่งถามย้ำกลับไป
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ! เพิ่งจะคืนห้องพักพร้อมกับสหายที่มาด้วยกันอีกหกเจ็ดคน พร้อมกับขี่ม้าออกไปเมื่อครึ่งชั่วยามที่ผ่านมานี่เอง” เจ้าของโรงเตี๊ยมรายงานละเอียดยิบ
พระพักตร์หล่อเหลาฉายแววผิดหวังออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อล่วงรู้ว่าเสี่ยววาวามิได้อยู่ที่นี่
“เหตุใดเจ้าจึงรีบร้อนเช่นนี้ มิยอมรอข้าแต่อย่างใดทั้งๆ ที่สัญญากับข้าไว้ว่าจะรอให้ข้ามาส่ง” รับสั่งพึมพำแต่เพียงครู่พระองค์รีบหันกลับไปถามในสิ่งที่ทรงอยากรู้ทันใด
“เจ้าล่วงรู้หรือไม่ว่าคนผู้นั้นเดินทางไปทิศทางใด” รับสั่งถามกลับไปทันที
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมนิ่งคิดอยู่เพียงครู่ก่อนจะชี้มือไปทางทิศที่กลุ่มคนต่างแคว้นรีบร้อนเดินทางจากไปกลางดึก
“กระหม่อมเห็นกลุ่มคนผู้นั้นขี้ม้าไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกพ่ะย่ะค่ะ”
คำกล่าวของเถ้าแก่โรงเตี๊ยมสร้างความแปลกพระทัยให้แก่จอมมารขึ้นมาทันที
“เจ้ากำลังจะบอกว่ากลุ่มคนเหล่านั้นแยกออกเป็นสองกลุ่มอย่างนั้นหรอกรึ!” รับสั่งถามกลับไป
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
และคำตอบดังกล่าวทำให้จอมมารหนุ่มทรงยืนครุ่นคิดขึ้นมาทันที
“เจ้าฉลาดมากเยว่วาวา แยกการเดินทางออกเป็นสองสายสมแล้วที่เป็นเจ้า” รับสั่งชมเชยคู่ชะตาของพระองค์พลางหันกลับไปถามอีกครา
“ถ้าเช่นนั้นบุรุษชุดดำที่ข้าต้องการขี่ม้าไปทิศทางใด” รับสั่งถามกลับไปทันที
ทว่าเถ้าแก่โรงเตี๊ยมกลับนิ่งงันอยู่กับที่ด้วยมิได้เห็นว่าบุรุษผู้นั้นไปทิศทางใด
“ขอประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะกระหม่อมมิเห็นว่าคนผู้นั้นขี่ม้าไปทิศทางใด” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมกราบทูลกลับมา
“ไม่เห็นอย่างนั้นเหรอ” รับสั่งถามสุรเสียงเบาก่อนจะได้ยินเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น
“กระหม่อมเห็นคนผู้นั้นพ่ะย่ะค่ะ! บุรุษผู้นั้นกับสหายอีกห้าคนขี้ม้ามุ่งหน้าไปทิศตะวันออกพ่ะย่ะค่ะ” เสียงเสี่ยวเอ่อร์ลูกจ้างของโรงเตี๊ยมเอ่ยแทรกดังขึ้นมาทันที
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นพระวรกายสูงใหญ่หันหลังกลับพร้อมเสด็จวิ่งออกจากโรงเตี๊ยมดังกล่าวโดยพลัน
“จุดพลุไฟให้สัญญาณ! ปิดประตูเมืองตะวันออก!!!” รับสั่งสุรเสียงกึกก้อง
จอมมารรีบกระโดดขึ้นประทับบนหลังม้าควบอาชาคู่พระทัยห้อตะบึงไปยังประตูเมืองทิศตะวันออกซึ่งจะผ่านไปสู่เมืองเทียนฮุยโดยใช้เส้นทางลัดที่จะทำให้ถึงหน้าประตูเมืองตะวันออกได้อย่างรวดเร็ว
“ฟิ้ววววว! ปัง! ปัง! ปัง!” พลุไฟวิ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าติดต่อกันสามครั้ง ส่งสัญญาณให้ประตูเมืองทางทิศตะวันออกทำการปิดทางเข้าออกทางทิศนั้นตามพระบัญชาของชินอ๋อง
ในขณะเดียวกัน
“ฟิ้ววววว! ปัง! ปัง! ปัง!” แสงจากพลุไฟกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า พร้อมเสียงดังสนั่นติดต่อกันสามครั้งปรากฏให้เฉินวาวาเห็นอยู่ในขณะนี้ในขณะที่กำลังควบม้าใกล้ถึงประตูเมืองทางทิศตะวันออก
“ทำไมจู่ๆ ถึงได้มีพลุไฟจุดขึ้นกลางดึกแบบนี้ด้วยนะ” หญิงสาวรำพึงอยู่ภายในใจพลางแหงนหน้ามองท้องฟ้าอยู่เพียงครู่ ก่อนจะละสายตารีบควบม้าบ่ายหน้าไปประตูเมืองตะวันออกโดยไม่ชักช้า
เพียงไม่นานขบวนม้าของเฉินวาวาพร้อมด้วยองครักษ์อารักขาก็วิ่งเข้าใกล้ประตูเมืองทิศตะวันออก ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก ในขณะที่ทางหน้าประตูซึ่งกำลังมีการตรวจค้นทุกคนได้หยุดตรวจทันใดทันทีที่เห็นสัญญาณจากพลุไฟให้ปิดประตูเมือง
“ปิดประตูเมือง! ปิดประตูเมือง!” ทหารยามหน้าประตูส่งเสียงดังก้องออกมาทันที พร้อมกันผู้คนที่กำลังจะเดินทางออกไปให้พ้นจากบริเวณดังกล่าวท่ามกลางเสียงกลุ่มคนที่มาเที่ยวงานกำลังจะเดินทางกลับ
“ปิดประตูเมืองแบบนี้พวกข้าจะเดินทางกลับไปได้อย่างไรกัน มีเหตุใดเกิดขึ้นอย่างนั้นรึ!” ชาวเมืองและผู้คนต่างแคว้นสอบถามกันเสียงเอ็ดอึง
“พระบัญชาของชินอ๋อง! พวกเจ้าให้ความร่วมมือด้วย... ออกไปจากบริเวณนี้เสีย” ทหารเฝ้าประตูเมืองกล่าวพร้อมกันผู้คนออกไปจากบริเวณดังกล่าวทันทีเพื่อทำการปิดประตู
ประตูเมืองทิศตะวันออกเริ่มเคลื่อนตัวปิดลงท่ามกลางสายตาของเฉินวาวาที่ควบม้าใกล้จะถึง
“เอ้า! ปิดประตูทำไม! เดี๋ยวก่อน! ข้ากำลังจะออกไปนอกเมือง... เปิดประตูก่อน!” หญิงสาวตะโกนถามกลับไปทันที
ทันใดนั้นเอง
เสียงฝีเท้าม้าหลายสิบตัวกำลังห้อตะบึงวิ่งออกมาจากทางลัด ก่อนจะวิ่งเข้าสู่สายหลักจนพบกลุ่มของเฉินวาวากำลังควบม้าอย่างสุดฝีเท้าเพื่อออกนอกเมือง โดยมีจอมมารประทับอยู่บนหลังม้าวิ่งนำหน้ากองทหารอารักขาควบม้าห้อตะบึงตามหลังกลุ่มของเฉินวาวาอย่างกระชั้นชิด
“ปิดประตูเมือง!” เสียงทหารยามหน้าประตูดังขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมนำเครื่องกีดขวางมาวางกั้นมิให้กลุ่มคนที่กำลังขี้ม้าใกล้เข้ามาข้ามออกไปได้
“ชะลอม้าเดี๋ยวนี้! ชะลอม้าเดี๋ยวนี้!” ทหารหน้าประตูเมืองตะโกนสั่งเสียงดัง
“แย่แล้ว!ประตูเมืองจะปิดแล้วแล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงมีกองทหารวิ่งไล่กวดตามหลังมาแบบนี้!” หญิงสาวตะโกนแข่งกับสายลม
“องค์หญิงกองทหารของชินอ๋องไล่ตามหลังมาพ่ะย่ะค่ะ!”ลู่เหอ รีบกราบทูลกลับไปทันที
“อะไรนะ! กองทหารของชินอ๋องอย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวถามกลับไปเพื่อความแน่ใจ
“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ท่าทางวิ่งไล่กวดตามหลังกลุ่มของพวกเรานี่แหละพ่ะย่ะค่ะ”
“เฮ้ย! อีตาอ๋องบ้าอำนาจเป็นผีหรือไง ถึงรู้ว่าพวกเราแอบหนีออกนอกเมืองในเวลานี้ ประสาทหรือไงนะไล่ตามกันทำไมอยากรู้จริงๆ เลย” หญิงสาวบ่นพึมพำ
“จะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะองค์หญิงประตูเมืองกำลังจะปิดแล้ว!” ลู่เหอตะโกนถามกลับมาทันที
“ฝ่าออกไปให้ได้! ไหนๆ วิ่งมาถึงแล้วจะให้ถอยกลับอย่างนั้นเหรอ! คนอย่างข้าเดินหน้าแล้วไม่เคยถอยหลังกลับ!” หญิงสาวตะโกนบอกองครักษ์อารักขาของเธอพร้อมบังคับม้าห้อตะบึงจนเต็มฝีเท้า
เฉินวาวาบังคับม้าของเธอมาจนสุดฝีเท้ามิยอมชะลอความเร็วแต่อย่างใด ก่อนจะใช้เทคนิคเฉพาะตัวที่เธอเป็นแชมป์ขี่ม้าได้รับรางวัลมามากมายในยุคปัจจุบัน บังคับม้าของเธอจนกระโดดลอยละลิ่วข้ามเครื่องกีดขวาง พร้อมโจนทะยานทะลุผ่านประตูเมืองที่กำลังใกล้ปิดตัวเพียงเสี้ยวยาแดงผ่าแปด พร้อมๆ กับองครักษ์อารักขาที่สามารถติดตามมาได้อย่างทันท่วงทีเช่นกัน
ท่ามกลางสายพระเนตรของจอมมารชินซาง ซึ่งกำลังควบม้าตามหลังมาติดๆ ทรงได้ทอดพระเนตรฝีมือการขี่ม้าของคู่ชะตาที่เก่งกาจหาตัวจับยากเสียนี่กระไร พระพักตร์หล่อเหลาคลี่พระโอษฐ์ยกยิ้มออกมาบางๆ
“เก่งกาจพอตัวจริงนะเจ้า สมแล้วที่เป็นราชินีปีศาจของข้า” รับสั่งอยู่ในพระทัย
“ตาม!!”รับสั่งสุรเสียงดังกระหึ่มพร้อมประตูเมืองเริ่มเปิดออกเพื่อให้ชินอ๋องและกองทหารอารักขาควบม้าติดตามกลุ่มคนน่าสงสัย
จอมมารหนุ่มบังคับอาชาคู่พระทัยกระโดดข้ามเครื่องกีดขวางโจนทะยานออกจากประตูเมือง พร้อมกองทหารอารักขาควบม้าไล่ตามเฉินวาวาและกองทหารอารักขาของเธออย่างไม่ลดละ ไม่ว่านางจะไปแห่งหนใดพระองค์จะติดตามไปให้ถึงที่สุดเพราะหญิงสาวถูกกำหนดให้เป็นคู่ชะตาของพระองค์