เย่ววาวา /1

1446 คำ
ยามห้าย บริเวณหน้าโรงเตี๊ยม ร่างสูงตระหง่านของจอมมารหนุ่มกับหนุ่มน้อยเสี่ยววาวา บัดนี้มาหยุดยืนอยู่ตรงทางเข้าด้านหน้าของโรงเตี๊ยม ภายหลังที่ทั้งสองเดินเที่ยวชมงานจนย่างเข้าสู่ยามห้ายใกล้จะถึงเวลาที่งานเทศกาลจะจบสิ้นลง ครั้นเมื่อถึงเวลาที่จะกล่าวคำอำลาจริงๆ คนที่รู้สึกใจหายกลับเป็นองค์จอมมารที่ยืนทอดพระเนตรหนุ่มน้อยสหายใหม่ที่เพิ่งรู้จักอยู่ในขณะนี้ “ถ้าหากเจ้าไม่รีบกลับพรุ่งนี้ข้าจะมาหาที่โรงเตี๊ยมเพื่อส่งเจ้าเดินทางกลับแคว้นอย่างปลอดภัย” รับสั่งด้วยความเป็นห่วงพร้อมยื่นบางอย่างส่งให้เฉินวาวาท่ามกลางความแปลกใจของเธอก่อนจะยื่นมือรับเอาไว้อย่างงงๆ ป้ายทองสลักตัวอักษรนำหน้าว่า ชิน ของพระองค์ยื่นส่งให้หญิงสาวเก็บไว้ติดตัว “นี่คือของที่ระลึกจากข้าเก็บเอาไว้ติดตัว ยามใดที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือให้แสดงป้ายทองนี้ออกมา แล้วเจ้าจะได้รับการช่วยเหลือจากข้าและคนของข้าทันที” รับสั่งอธิบายกลับไป “โอ้โฮ! ของสำคัญขนาดนี้ท่านให้ข้าเก็บติดตัวไว้ทำไม เหตุใดจึงไม่เก็บไว้กับตัวเองล่ะพี่ชาย” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “ก็ข้าพอใจ!” รับสั่งตอบกลับไปสั้นๆ แฝงเร้นความเอาแต่ใจอย่างเห็นได้ชัด ครั้นหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นอดไม่ได้ที่จะตอบกลับไป “แหมพี่ชายคำตอบของท่านช่างสั้น กระชับและได้ใจความจริงๆ เลย... แต่เอาเถอะข้าน้อยขอรับไว้ด้วยความเต็มใจในน้ำใจของท่าน วันนี้พี่ชายช่วยเหลือข้ามากๆ เลยไม่รู้จะตอบแทนพระคุณได้อย่างไร แต่เชื่อเถอะว่าปีหน้าข้าจะได้ตอบแทนท่านแน่นอน เมื่อเรามาพบกันตามสัญญา” เฉินวาวากล่าวพร้อมล้วงเข้าไปในอกเสื้อของเธอเพื่อควานหาสิ่งของบางอย่างที่เธอพกติดตัว ก่อนจะยื่นส่งให้กับผู้มีพระคุณ “ท่านอุตส่าห์มอบป้ายทองให้แก่ข้าแถมยังช่วยข้าเอาไว้ตั้งมากมาย ข้ามีเพียงของที่ติดตัวข้าอยู่ตลอดเวลามอบให้พี่ชายเป็นที่ระลึกแทนตัวข้า เพื่อให้สัญญาว่าจะกลับมาแทนคุณท่านแน่นอน” หญิงสาวกล่าวพร้อมยื่นถุงผ้าสีแดงปักลายนกยวนยาง ซึ่งภายในถุงผ้าดังกล่าวบรรจุของส่วนตัวที่เธอพกติดตัวตลอดมอบให้กับผู้มีพระคุณของเธอ พระพักตร์หล่อเหลาคลี่พระโอษฐ์แย้มยิ้มออกมาบางๆ เมื่อทอดพระเนตรถุงผ้าสีแดงตรงหน้าพระพักตร์พลางยื่นพระหัตถ์รับถุงผ้าดังกล่าวขึ้นมาทอดพระเนตรเพียงครู่ ก่อนจะนำไปเก็บไว้ในอกเสื้อฉลองพระองค์ “ข้าก็จะรับของที่ระลึกของเจ้าเอาไว้ด้วยความเต็มใจเช่นกัน และจะรอเจ้ากลับมาตามสัญญาดีหรือไม่” หญิงสาวพยักหน้าขึ้นลงพร้อมตอบกลับมาทันที “สัญญาแล้วไม่เคยคืนคำ ข้ากลับมาหาท่านแน่นอนพี่ชาย ว่าแต่ข้ายังไม่รู้ชื่อของท่านเลยพี่ชายมีนามว่าอะไร” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้ จอมมารทรงครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะเมื่อได้ยินเสี่ยววาวาถามกลับมาเช่นนั้น “เอาไว้พรุ่งนี้มาส่งเจ้า แล้วจะบอกว่าข้าชื่อว่าอะไร” รับสั่งตอบสหายน้อยกลับไป “อือ! ถ้าเช่นนั้นข้าจะเบิกหูรอฟังชื่อของท่าน คืนนี้ดึกมากแล้วข้าขอตัวก่อนนะพี่ชาย... เอาไว้พรุ่งนี้เจอกัน!” เฉินวาวากล่าวพร้อมยกมือโบกไปมาพร้อมส่งยิ้มหวาน ร่างระหงหันหลังกลับเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมทันทีก่อนจะหันกลับมามองอีกครั้งและพบว่าผู้มีพระคุณยังคงอยู่ตรงนั้นเช่นเดิม พระเนตรสีนิลกาฬจับอยู่ที่ร่างบอบบางของพระสหายน้อยที่เพิ่งได้พานพบ หลายสิ่งหลายอย่างของเสี่ยววาวาที่แสดงออกมานั้นทำให้พระองค์ทรงรู้สึกผ่อนคลายอีกทั้งเพลิดเพลินคล้อยตามไปด้วย และหลายคราที่ทรงเผลอหัวเราะออกมาจนสุดพระสุรเสียงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จอมมารหนุ่มทรงยืนทอดพระเนตรจนร่างบอบบางของหนุ่มน้อยลับสายตา พระวรกายสูงใหญ่ทะมึนยังคงทรงยืนอยู่เช่นนั้นก่อนจะค่อยๆ หันพระวรกายพระดำเนินกลับจวนที่ประทับของพระองค์ ภายในห้องพัก บานประตูห้องพักถูกเปิดออกพร้อมร่างระหงในชุดบุรุษสวมอาภรณ์สีดำทะมึนก้าวเข้ามาภายในห้อง ท่ามกลางสายตาของผู้ติดตามของเธอที่กำลังพากันกลัดกลุ้มที่มิอาจค้นหาองค์หญิงของตนพบ ไม่ว่าจะไปถามหาแห่งหนใดก็ไม่เห็นแม้เพียงเงา ก่อนที่ทุกคนจะหันกลับมามองพร้อมกันพร้อมดวงตาเบิกกว้างกันแทบทุกคน “เอ้า! พวกเจ้ากลับมาแล้วเหรอ” หญิงสาวกล่าวพร้อมถอดหมวกที่ปิดบังอำพรางตัวตนของเธอออกมาทันที “องค์หญิง!!!” เสียงร้องดังขึ้นทันทีด้วยความดีใจก่อนจะพากันกรูเข้ามาหาหญิงสาว “ทรงไปไหนมา… พวกกระหม่อมเที่ยวตามหาทั่วทั้งเมือง ไม่ว่าจะไปหาที่ไหนก็ไม่เจอเลย รู้ไหมกลุ้มใจจะตายอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ลู่เหอยิงคำถามใส่ทันที “หม่อมฉันนึกว่าจะไม่ได้พบองค์หญิงอีกแล้วเพคะ อย่าทรงหายไปแบบนี้อีกนะหม่อมฉันขอร้อง” มู่อิงกล่าวพลางทำท่าจะร้องไห้ออกมา “ไม่แล้ว! ไม่แล้ว! อย่าร้องไห้นะมู่อิง ข้ากลับมาแล้วนี่ไง” หญิงสาวกล่าวปลอบโยนนางกำนัลคนสนิท ก่อนจะได้ยินเสียงของลู่เหอเอ่ยถามกลับมา “แล้วองค์หญิงหายไปไหนมาอย่างนั้นเหรอพ่ะย่ะค่ะ มู่อิงกับองครักษ์ทั้งหกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยู่ดีๆ ก็ทรงเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา แล้วพระนางทรงล่วงรู้ได้อย่างไรว่าพวกกระหม่อมต่างพากันอยู่ที่นี่” “โอ้โฮ! เป็นชุดเลยไม่รู้ว่าจะตอบอันไหนก่อนดี เอาเป็นว่าข้าเห็นพวกเจ้าทุกคน แต่พวกเจ้าไม่เห็นข้า ส่วนจู่ๆ ข้าหายไปได้ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน คงโดนเทพเซียนองค์ใดบังตาพวกเจ้ากระมังจึงไม่เห็นข้า ทั้งๆ ที่ไม่หายไปไหนเลยนะ ข้าเดินตามพวกเจ้าตลอด และรออยู่ในห้องนี่แหละ แต่ที่ออกไปเพราะข้าหิวข้าว” หญิงสาวอธิบายสั้นๆ พลางก้าวเดินไปที่เตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนทันที “ข้าเหนื่อยมากเลยขอนอนก่อนนะ เดินเที่ยวงานเมื่อยขาไปหมดแล้ว” หญิงสาวกล่าวพร้อมทำท่าจะผล็อยหลับเสียให้ได้ แต่แล้วก็ต้องรีบลืมตาขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำกล่าวของลู่เหอ “คงต้องรีบเดินทางต่อแล้วพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง เอาไว้ไปพักข้างหน้าเถิดไปให้พ้นจากเมืองนี้ก่อน เพราะพระอารมณ์ของชินอ๋องเอาแน่เอานอนไม่ได้ มิรู้ว่าเพราะสาเหตุใดจึงทรงมีรับสั่งให้ค้นหาบุรุษลักษณะเหมือนองค์หญิง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดหลบออกจากเมืองเสียตั้งแต่คืนนี้ดีที่สุด” ลู่เหอกราบทูลเป็นปืนกลเลยทีเดียว “เฮ้ย! ต้องรีบขนาดนั้นเลยเหรอลู่เหอ” หญิงสาวถามกลับไปทันทีพร้อมลุกขึ้นนั่ง “รีบพ่ะย่ะค่ะ! แต่ถ้าย้อนกลับไปเข้าขบวนเจ้าสาวก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาอีก เพราะย้อนกลับไปก็ต้องเข้ามาในเมืองนี้อีกเช่นเดิม” ลู่เหอบ่นพึมพำ ในขณะที่เฉินวาวากำลังใช้ความคิดอยู่ในขณะนั้นเมื่อล่วงรู้สถานการณ์ล่าสุด สายตาเหลือบมองมู่อิงอยู่เพียงครู่ก่อนจะนึกแผนการบางอย่างออกมาทันที “ข้าคิดออกแล้ว!” หญิงสาวเอ่ยออกมาเสียงดังพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอทันที “ทรงมีแผนการอะไรพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ลู่เหอรีบถามกลับไปทันที เพราะล่วงรู้ดีว่าองค์หญิงเยว่วาวาทรงฉลาดเป็นเลิศจากที่คลุกคลีอย่างใกล้ชิดมาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา “พวกเจ้าเข้ามาใกล้ๆ ข้าจะแจกแจงแผนการให้ฟังกันอย่างถ้วนหน้าเลยทีเดียว” เฉินวาวากล่าวพร้อมกวักมือเรียกผู้ติดตามของเธอทั้งหมดให้เข้ามาฟังแผนการออกนอกเมืองเทียนจิ้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม