"ควินต์มีอะไรหรือเปล่า"
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น อิงเดือนก็พยายามลืมมันให้หมดและปิดปากเงียบไม่บอกใคร
และเข้าเรียนที่มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในคณะบริหารที่เธอพอจะเรียนได้และไม่ต้องสอบเข้า
เพราะเธอนั้นไม่เคยมีเวลาอ่านหนังสือเรียนเหมือนเพื่อนๆ คนอื่นๆ ด้วยเวลาทั้งหมดต้องเอาไปดูแลแม่
เงินสิบล้านก็เลยถูกเอามาใช้อีกส่วนหนึ่งและค่อนข้างมากเสียด้วย
เธอเสียดายแต่ก็ไม่มีทางเลือกเพราะการเรียนจะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะทำให้แม่ของเธอฮึดสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ
และในมหาลัยเธอก็ได้เจอเพื่อนดีๆ อีกสองคนที่คอยช่วยเหลือเธอในทุกเรื่อง
นับว่าเป็นโชคดีของเธอถึงแม้ว่าเพื่อนชายคนหนึ่งจะคิดกับเธอเกินเพื่อนและยืนมองหน้าเธอนานมากเกินไปแล้วด้วย
"วันนี้ให้เราไปส่งไหม"
ควินต์หนุ่มลูกครึ่งดีกรีเดือนของคณะบริหารของมหาลัยเอกชนชื่อดังกำลังขอไปส่งเพื่อนที่เขานั้นคิดกับเธอมากเกินกว่าเพื่อนตั้งแต่แรกเจอ
ด้วยเธอนั้นเรียกได้ว่าทั้งสวย ทั้งน่ารัก สะดุดหัวใจเขาตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน
"เรากลับเองดีกว่า ใกล้แค่นี้เอง"
อิงเดือนตอบออกไปเหมือนเดิมทุกครั้งพร้อมกับกระชับกระเป๋าผ้าใส่หนังสือในมือให้แน่นขึ้นเพื่อเตรียมจะออกไปขึ้นรถโดยสารที่หน้ามหาลัยกับเพื่อนสาวอีกคน
เธอรู้ดีว่าควินต์คิดกับเธอแบบไหนเลยพยายามเว้นระยะห่างแบบนี้มาตลอด
ด้วยเธอไม่ใช่คนดีอะไร ออกจะทำผิดมามากมายด้วยซ้ำไป
เธอเลยไม่คิดจะมีความรักใดๆ แม้ผู้ชายตรงหน้าจะดีและหล่อจนสาวกรี๊ดกันทั้งมหาลัยก็ตาม
เพราะกลัวว่าวันหนึ่งความลับเกี่ยวกับเรื่องนั้นมันแดงขึ้นมา เธอจะเป็นฝ่ายที่เจ็บปวดที่สุด
"อดไปส่งสาวสวยของคณะอีกแล้ว"
ควินต์ตัดพ้อออกมาอย่างปลงๆ แต่ไม่มียอมแพ้
วันนี้เธอไม่ใจอ่อนพรุ่งนี้เขาก็จะอาสาพาเธอไปส่งกลับคอนโดใหม่
จะมาชวนเธอทุกวันแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะใจอ่อน
"ไว้คราวหน้านะ จะให้ไปส่งและไปเลี้ยงหมูกระทะด้วย จะกินให้ควินต์ไม่มีตังจ่ายเลย"
อิงเดือนพูดติดตลกทิ้งท้ายไปเพื่อรักษาความเป็นเพื่อนเอาไว้
เพราะตั้งแต่มาเข้าเรียนที่นี่ได้เธอก็มีเพื่อนแค่สองคนเท่านั้นเอง
เธอเลยไม่อยากเสียเพื่อนคนไหนไป เพราะแค่นี้ก็มีน้อยเหลือเกินแล้ว
"ฉันไปด้วยคนสิ"
ดารัญหรือหวานรีบพูดแทรกขึ้นมาเมื่อได้ยินคำว่าของกินได้
ทั้งที่ในมือของเธอนั้นก็กำลังถือของกินอยู่เต็มสองมือ
โดยที่เอาหนังสือเรียนใส่เป้สะพายหลังแบกเอาไว้แบบเด็กมัธยมปลาย
"ตะกละ"
ควินต์หันไปว่าหญิงสาวที่ทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโตในความคิดเขาเสียงดัง
กับผู้หญิงคนนี้เขาไม่เคยมีคำว่ามารยาทหรือสุภาพบุรุษให้เลยแม้แต่นิด
เพราะดูเธอทำตัวเข้ามันไม่เหมาะสมที่จะได้รับอะไรดีๆ กลับไป
"ไอ้ควินต์"
ดารัญที่ตัวเล็กแต่บ้าพลังพอสมควรทั้งท่าวิ่ง
แล้วเธอก็พุ่งตัวเข้าไปหาควินต์ผู้ชายที่เธอเกลียดปากเขา
"หวานอย่า"
อิงเดือนรีบเข้ามาขวางทางเพื่อนสาวของเธอเอาไว้
ก่อนที่ดารัญนั้นจะเข้าไปทำร้ายควินต์เหมือนอย่างที่เคย
และเขาก็จะสู้กับเพื่อนสาวของเธอด้วยการอุ้มไปทุ่มในพุ่มไม้อีกตามเคย
"เดือนห้ามไว้หรอกนะ ไม่งั้นหน้าแหกแน่ไอ้ควินต์"
ดารัญที่ถูกเพื่อนอย่างอิงเดือนรั้งตัวเอาไว้พอจะตั้งสติหยุดตัวเองได้ไม่เข้าไปหาฝรั่งลูกครึ่งร่างยักษ์นั้น
เพราะเข้าไปหาทีไรเธอก็แพ้เขาทุกทีแถมเจ็บตัวเจ็บก้นหนามทิ่มอีกตั้งหาก
โชคดีแล้วที่อิงเดือนเข้ามาห้ามไว้จนเกิดสติคิดขึ้นมาได้เสียก่อน
"หวานอย่าไปยั่วเขาสิ"
อิงเดือนเห็นเพื่อนยังเสียงดังอยู่ก็ยิ่งพยายามห้าม
ถ้าเกิดเพื่อนสาวและเพื่อนชายเธอตัวเท่ากันสักนิดเธอคงปล่อยให้ทะเลาะกันตามอำเภอใจไปเลย
ไม่มาห้ามทัพให้เหนื่อยและเริ่มจะเป็นจุดสนใจของนักศึกษาที่ผ่านไปผ่านมาแบบนี้หรอก มันเหนื่อย
"มาเฟียที่ไหนน่ะ"
ดารัญทำท่าทำทางยอมสงบลงเพราะมีอิงเดือนเข้ามาห้าม แต่ยังคงทำหน้าตาดุๆ ใส่ควินต์ไปอย่างไม่ยอม
แล้วสายตาหวานก็หันไปเห็นกลุ่มชายใส่สูทดำสี่ห้าคนเข้าพอดี
ทำเอานักศึกษาที่เกือบจะเรียบร้อยอย่างเธอตกใจตาพอง
เพราะที่นี่ไม่เคยมีพวกเหมือนมาเฟียเข้ามาได้ถึงภายในแบบนี้มาก่อน
"มาถึงในมหาลัยทำไมกัน"
ควินต์หันไปมองตามเสียงของดารัญแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว
เมื่อเขานั้นรู้จักกลุ่มคนที่เดินมาเป็นอย่างดีว่าคือใคร
ถึงแม้จะไม่ได้รู้ละเอียดนักว่าเป็นลูกน้องของใคร เพราะเคยเห็นแค่ผ่านๆ ตาตอนไปเที่ยวผับเท่านั้น
แล้วลูกน้องมาเฟียนั้นมาถึงภายในมหาลัยทำไมกัน
มีใครหน้าไหนไปมีเรื่องกับพวกมีอิทธิพลล้นมือแบบนี้กัน
"บ่นอะไร"
ดารัญหันมาจับผิดคนที่เธอไม่ชอบขี้หน้าต่อแทนการมองคนไม่รู้จัก
เพราะเธอไม่ไว้ใจเขา ด้วยคิดเสมอว่าเขานั้นคิดไม่ดีกับอิงเดือนเพื่อนของเธอ
"เรื่องส่วนตัว"
ควินต์เบะปากใส่คนที่ชอบถามมากพูดมากอย่างดารัญไปหนึ่งที
"เดือนรู้จักคนพวกนั้นเหรอ"
ดารัญหันหน้าไปหาเพื่อนอย่างอิงเดือนแล้วชวนพูดคุยเมื่อเห็นว่าเพื่อนมองคนพวกนั้นตาไม่กะพริบ
แทนการคุยกับคนปากหมาหน้าตาขี้เหร่อย่างควินต์
"ไม่รู้จัก เรากลับบ้านกันเถอะ"
อิงเดือนรีบหันหลังให้กลุ่มชายใส่สูทสีดำที่กำลังเดินมาทางเธอ
ด้วยกลุ่มคนพวกนั้นเธอคุ้นหน้าเขามากจนคิดไปในทางที่ดีไม่ได้เลย
"น่าแปลก คนพวกนั้นมาทำไมกัน เดินตรงมาทางนี้เสียด้วย"
ดารัญเองก็รีบหันหน้าตามเพื่อนเพราะชักจะเริ่มกลัวแล้วเหมือนกัน
คนพวกนั้นทำไมดูอิทธิพล ดูมีอำนาจ จนน่ากลัวไปหมดก็ไม่รู้
"อย่าไปสนใจเลยหวาน ควินต์เรากลับก่อนนะ"
อิงเดือนรีบลากเพื่อนสาวที่พักอยู่ทางเดียวกันไปขึ้นรถโดยสารทันที
ถ้าคนพวกนั้นเป็นลูกน้องของพ่อค้ายาเสพติดที่เธอเคยไปขายตัวให้กับเขาความซวยต้องมาเยือนเธอแน่ๆ
แผลเก่าเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนที่เกิดเหตุบนรถยังไม่หายดี
เธอไม่อยากกลับไปหาเขาอีก สู้หนีเอาแบบนี้จะดีกว่า
"พรุ่งนี้เจอกัน"
ควินต์โบกมือลาสาวๆ แล้วก็เดินไปขึ้นคร่อมรถบิกไบค์คันโตของตัวเอง
ไม่ได้สนใจกลุ่มชายใส่สูทดำนั้นต่อเพราะไม่น่าสนใจอะไร
เพราะคนพวกนั้นคงมาตามใครสักคน เดี๋ยวคงกลับออกไปเอง
"คุณอิงเดือนเชิญไปขึ้นรถครับ"
ลาซมือขวาของธาราเอ่ยเรียกหญิงสาวที่กำลังหันหลังเดินหนี
"คุณอิงเดือนเชิญไปขึ้นรถครับ"
และเมื่อเธอยังไม่สนใจ เขาก็เรียกซ้ำอีกครั้ง
"เดือน เขาเรียกเธอนะ"
ดารัญสะกิดแขนเพื่อนเบาๆ พร้อมกับหยุดเดิน
ด้วยเธอกลัวคนที่อยู่ด้านหลังชักปืนออกมายิงถ้ายังไม่หยุดเดิน
"มีอะไรกันหรือเปล่า"
ควินต์ลงรถจากรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่วิ่งมาหาสองสาวในทันทีเมื่อได้ยินเสียงสนทนา
ร่างหนาของเขาเข้าบังหญิงสาวทั้งสองคนจากพวกลูกน้องของมาเฟียพวกนั้น
"คุณอิงเดือนรถจอดอยู่ทางด้านนู้นครับ"
ลาซบอกหญิงสาวที่ยังคงคิดหนีอีกครั้งอย่างสุภาพ
เพื่อให้เธอนั้นยอมรับฟังเขาและทำตาม ก่อนที่เขาจะต้องใช้กำลังบังคับเธอให้ไปขึ้นรถ
"ผมขอแนะนำว่าให้คุณไปขึ้นรถ เพราะมันจะดีกับตัวคุณมากกว่าการที่จะเดินหนีไป"
แต่หญิงสาวยังคงคิดหนีด้วยการขยับเท้าก้าวถอยหลัง
เขาเลยจำต้องเตือนสติเธออีกครั้งให้เธอนั้นหยุดการกระทำเสีย
"ฉันไม่ไปไหนกับพวกคุณทั้งนั้น"
อิงเดือนหันมาแหวใส่ลูกน้องของมาเฟียหนุ่มอย่างนึกอารมณ์เสีย
เธอแค่คิดหนีนิดหนีหน่อยทำมาเป็นพูดเยอะข่มขู่เธอ
ทำนิสัยเสียเหมือนเจ้านายจอมซาดิสนั้นเสียไม่มีเลย
"ผมให้เวลาคุณอิงเดือนคิดใหม่"
ลาซยังคงให้โอกาสกับหญิงสาวอีกครั้งโดยไม่เข้าไปจับตัวเธอเพื่อไปขึ้นรถ
เขาอยากให้เธอเดินไปเองจะได้ไม่เจ็บตัว และไม่เป็นการบังคับจิตใจกันมากจนเกินไป
"หวานกลับไปก่อนนะ"
อิงเดือนที่รู้ว่าหนีไปไหนไม่ได้แล้วเลยหันไปลาเพื่อน
เธอจำต้องไปตามที่คนพวกนั้นบอกเพราะหนีไปก็คงไม่พ้น
"เดือนไปกับเรา ไม่ต้องไปกับพวกมันหรอก"
ควินต์พยายามหาทางช่วยหญิงสาวที่เขามีใจให้เต็มที่
ยอมเอาตัวเข้าเสี่ยงกับพวกมาเฟียโดยที่ไม่รู้ว่าทำไมพวกมันถึงต้องการตัวเธอ
"ฝากพาหวานกลับบ้านด้วยนะควินต์ ขอบใจนะที่รับปาก"
อิงเดือนรีบเดินไปขึ้นรถทันทีโดยที่ไม่พูดอะไรมาก
เธอพยายามเลี่ยงที่จะไม่ให้เพื่อนๆ สงสัยอะไรมากนัก
เพราะมันเสี่ยงที่เรื่องของเธอจะแดงขึ้นมา และความลับก็จะไม่มีในโลกนี้อีกต่อไป
เดี๋ยวเธอกลับมาค่อยมาอธิบายแบบโกหกให้สองคนนี้ฟังก็ยังทัน
ยังดีกว่าฝืนที่จะหนีจนเรื่องของเธอมันดังไปทั้งมหาลัย
"เดือน"
ดารัญและควินต์ผสานเสียงเรียกเพื่อนที่ถูกกลุ่มลูกน้องของมาเฟียพาไปขึ้นรถ
โดยที่ไม่อาจจะเข้าไปช่วยอะไรได้เพราะคนทั้งสองก็เป็นแค่นักศึกษา ไม่มีทั้งอาวุธหรืออำนาจใดๆ
"ฉันจะนั่งข้างหน้า"
เดินมาถึงรถหญิงสาวก็คิดหาทางรอดในทันที
อย่างแรกเธอจะไม่ไปนั่งข้างคนซาดิสอย่างเขา
เพราะมันอาจเกิดเรื่องบ้าแบบในวันนั้นที่ในรถได้อีก
"เจ้านายไม่ได้มาด้วยเชิญคุณนั่งข้างหลังได้ตามสบาย"
แล้วก็ต้องหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บเมื่อเขาไม่ได้นั่งอยู่ในรถ
แล้วทำไมถึงไม่มีใครบอกเธอก่อนก็ไม่รู้ต้องให้เธอออกตัวล้อฟรีอยู่เรื่อย
"อยากคุยกับฉันแล้วทำไมถึงไม่มาคุยให้มันจบๆไปล่ะ จะทำตัวลึกลับไปถึงไหนกัน"
ร่างบางขึ้นไปนั่งด้านหลังรถหรูได้ก็บ่นพึมพำว่าเจ้าของรถมากมาย
ราวกับคนเก็บกดที่อยู่ต่อหน้าเขาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
"ออกรถ"
ลาซและแกริดไม่ได้สนใจในคำพูดของหญิงสาวแต่กลับตั้งใจทำงานที่เจ้านายสั่งมา
"ฉันจะไปไม่ไกลเกินระยะห้ากิโลจากมหาลัย บอกคนบ้านั้นด้วยว่าถ้าอยากคุยกับฉันก็ออกมาพบกลางทาง ถ้าเรื่องมากนักฉันจะโทรแจ้งตำรวจข้อหาพรากผู้เยาว์"
อิงเดือนเห็นท่าทีของทั้งสองคนก็เลยนึกหมั่นไส้เลยตั้งแง่เล่นตัวขึ้นมาบ้าง
ทำตามคำสั่งคนร้ายๆ แบบนั้นดีนักเจองานยากเข้าหน่อยเป็นไง
"คุณอายุสิบแปดแล้วตำรวจคงไม่รับแจ้งความ"
ลาซเอ่ยบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเผื่อเธออาจลืมอายุตัวเอง
แล้วเขาก็เงียบไปเหมือนแกริดที่เงียบและตั้งใจขับรถ
"ฉัน ฉันจะทำอะไรสักอย่างให้คนบ้านั้นติดคุก"
อิงเดือนถอนหายใจพรืดยาวด้วยความลำบากใจ
เธอจะไม่มีทางใดชนะเจ้าของเงินสิบล้านที่เธอใช้จนเกือบจะหมดได้แล้วเหรอ