ตอนที่1ทำความรู้จัก (2)

1785 คำ
“อ้าว! ตาคิมจะไปแล้วเหรอลูก” เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยถามทำให้เขาต้องหันกลับไปอีกครั้ง “ครับแม่ อาทิตย์หน้าจะสอบแล้วผมว่าจะกลับไปเตรียมตัวอ่านหนังสือหน่อยน่ะครับ” “อ้าวเหรอ ได้ยินว่าของตาเข็มก็สอบพร้อมกัน” “ใช่ครับแม่ ผมเพิ่งไล่มันขึ้นไปอ่านหนังสือเมื่อกี้นี้เอง” เขาตอบอย่างอารมณ์ดีพลางก้มลงสวมรองเท้าผ้าใบคู่ใจ “ว่าแต่เราน่ะ รีบกลับไปอ่านหนังสือจริง ๆ ใช่ไหม” “จริงสิครับแม่” “ได้ข่าวว่าช่วงนี้ผู้หญิงรุมล้อมนะเราน่ะ” เกสรทรุดกายนั่งลงหน้าประตูจ้องมองลูกชายที่กำลังผูกเชือกรองเท้าด้วยรอยยิ้ม “ผู้หญิงที่ไหนกันครับแม่ ไม่มีหรอกครับ” แม่ก็แค่อยากเตือนไว้ ไอ้มีน่ะมันมีได้แต่คิมต้องรู้จักป้องกันด้วยนะลูก ยิ่งเรียนไม่จบยิ่งลำบาก” ผู้เป็นแม่เน้นย้ำถึงสิ่งที่เธอสอนมาโดยตลอด ถึงคิมหันต์จะอายุย่างยี่สิบสี่แล้วแต่ในสายตาของเธอเขาก็ยังเป็นเด็กไม่เคยเปลี่ยน “ครับแม่ ผมไปก่อนนะครับ” คิมหันต์กระพุ่มมือไหว้ก่อนจะขับรถซูเปอร์คาร์ออกไปจากบ้านเพื่อกลับไปยังคอนโดฯ ของตัวเองโดยที่เกสรก็ยังคงมองตามออกไปด้วยสายที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง อีกไม่นานคิมหันต์ก็คงจะเรียนจบระดับปริญญาตรี หลังจากนั้นเธอจะส่งเขาไปเรียนต่อยังต่างประเทศเพื่อจบมาเขาจะได้เข้าไปช่วยงานที่บริษัทในฐานะตำแหน่งประธานที่แม่สามีมอบหมายให้แทนสามีผู้ล่วงลับ รถซูเปอร์คาร์แล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของคอนโดมิเนียมหนึ่งในโครงการของสิปรางค์ ผู้เป็นย่าที่หมายมั่นปั้นมืออยากจะส่งมอบตำแหน่งให้เขาทันทีที่เรียนจบ คิมหันต์ก้าวลงจากรถ หยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนอ่านข้อความอีกครั้งก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากแล้วขึ้นไปบนห้องทันที “พี่คิมมาแล้ว” เสียงใสเอ่ยทักเมื่อเห็นเขาก้าวออกมาจากลิฟต์พร้อมกับเจ้าตัวที่รีบวิ่งเข้าไปสวมกอดแขนของเขาไว้แล้วอิงแอบแนบชิดพากันเข้าไปในห้องอย่างรู้งาน “มารอนานแล้วเหรอ” ดวงตาคมกริบจ้องมองเรือนร่างอวบอิ่มตรงหน้าอย่างพอใจ ในสายตาผู้เป็นแม่เขาคือพี่ชายที่แสนจะอบอุ่นและพ่อหนุ่มนักเรียนดีกิจกรรมเด่น แต่ในสายตาของบรรดาสาว ๆ ที่มาประเคนให้กินถึงที่เขาคือเจ้าของนิยามของคำว่าดุดันของจริง “สักพักแล้วล่ะค่ะ” ลีน่า รุ่นน้องปีหนึ่งที่เขานัดหมายไว้ก่อนหน้าทรุดกายนั่งลงบนโซฟา จงใจอวดเนินขาอวบอิ่มให้เขาเห็น “ลีน่าคิดถึงพี่คิมจะแย่...เรามาเริ่มกันเลยดีไหมคะ” “เริ่มยังไงดีล่ะ” เขาแกล้งเอ่ยถามแล้วทิ้งตัวพิงพนักโซฟาอย่างใจเย็น จ้องมองคนตัวเล็กที่ค่อย ๆ เข้ามาหาแล้วเป็นฝ่ายคร่อมร่างเขาไว้ “ก็เริ่มตรงนี้เลยสิคะ” “งั้นก็เอาสิ” คิมหันต์ยิ้มพราย เขาอำนวยความสะดวกให้ลีน่าด้วยการถ่างขาออกให้เธอแทรกตัวเข้ามาระหว่างขาทั้งสองข้าง ใช้มือรูดซิปกางเกงขายาวแล้วจับลำกายแกร่งดีดผึงออกมาปรากฏแก่สายตา “อา...พี่คิมใหญ่จัง” ใบหน้าของลีน่าเห่อแดง มองเห็นเส้นเลือดปูดโปนบนลำกายของมังกรยักษ์แล้วลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะลากลิ้นลงบนปลายหยักนั้นอย่างรู้งานจนมังกรยักษ์มันพ่นพิษสีใสออกมา เธอจึงดูดกลืนเข้าปากอย่างหิวกระหายแม้จะเข้าไปจนลึกสุดคอ แต่ความยาวก็ยังเหลืออีกตั้งสองมือโอบ ฝ่ามือเรียวขยับสาวขึ้นลงรีดพิษมันออกจนหมด ดวงตาคู่สวยเหลือบมองคิมหันต์อย่างท้าทายในขณะที่ขยับกายลุกนั่งเพื่อจัดการปลดตะขอกระโปรงของตัวเองออก ใช้เวลาเพียงไม่นานเธอก็ทรุดกายนั่งลงบนตักกว้าง จับมังกรยักษ์ถูกไถตรงปากทางเข้าแล้วทิ้งน้ำหนักตัวลงมากลืนกินช้า ๆ จนอีกฝ่ายร้องครางกระเส่า “อูย...ลีน่า” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปตามเรียวขางาม บีบเฟ้นสะโพกของลีน่าเต็มแรงก่อนจะกัดฟันเด้งเอวสวนขึ้นไปจนร่างนั้นสั่นสะท้าน “อ๊ะ...พี่คิม...ลีน่าไม่ไหวแล้ว...” คนบนร่างเงยหน้าพึมพำเสียงกระเส่า สะโพกงามยังขยับขึ้นลงตามจังหวะกระแทกที่คิมหันต์ต้องการ ยังไม่ทันที่เธอจะเสร็จสมอารมณ์หมาย อยู่ ๆ เขาก็หยุดชะงักแล้วถอดถอนความใหญ่โตนั้นออกไปเพื่อสวมเครื่องป้องกันชนิดบางเฉียบ “คิดว่าพี่คิมจะลืมแล้วเสียอีก” “พี่ไม่ลืมหรอก...” คิมหันต์กระตุกยิ้ม เขาขยับพลิกร่างลีน่าให้คว่ำหน้าลง ทำให้อีกฝ่ายต้องใช้แขนสองข้างค้ำไว้บนพนักโซฟาเพื่อรอรับความใหญ่โตที่กำลังถูกส่งเข้ามาอีกครั้ง “อื้อ...” เจ้าของใบหน้าสวยความโฉบเฉี่ยวเหยเกด้วยความซ่านเสียวที่จุกล้นเมื่อคิมหันต์ฟาดลำกายที่ใหญ่ยาวลงบนสะโพกก่อนที่เขาจะดันพรวดเข้ามาจนรู้สึกได้ทันทีว่ามันเข้ามาลึกสุดทาง “โอ๊ย...พี่คิม...ลี่น่าจุก” คนใต้ร่างดิ้นพล่านเพราะสำลักความใหญ่โต ถึงจะแอบแซ่บด้วยกันบ่อย ๆ แต่มีอะไรด้วยกันกี่ครั้งเธอก็ยังรู้สึกไม่ชินเสียที ทำให้ฝ่ามือใหญ่ต้องดึงรั้งเอวบางเอาไว้แล้วกระแทกสอดสวนเข้าไปอีกครั้ง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นไปทั้งห้อง ลีน่าหมดแรงจนต้องฟุบหน้าซบลงบนโซฟาแต่คิมหันต์ก็ยังรั้งสะโพกของเธอไว้กระแทกส่งความต้องการเข้าไปในร่องชื้นอย่างไม่รู้เหนื่อย “อา...ซี๊ด...ลีน่า” ฝ่ามือใหญ่ตบตกลงบนแก้มก้นขาวละเอียดจนเกิดเป็นรอยแดง เมื่อความเสียวซ่านมันจุกล้นอยู่ตรงจุดเชื่อมต่อเขาก็ขยับสาวเอวสอบเร็วและแรงขึ้นจนในที่สุดก็สามารถพาตัวเองไปถึงวิมานฉิมพลีได้สำเร็จ “อา...” เจ้าของร่างกำยำสันทัดทิ้งตัวพิงโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง เขารูดถุงยางอนามัยที่เต็มไปด้วยความปรารถนาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี เห็นลีน่าขยับเข้ามาใกล้เพื่อสวมกอด เขากลับรีบเด้งตัวยืนขึ้น รูดซิปกางเกงด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เสร็จแล้ว...เธอกลับไปได้แล้วล่ะ” เขาว่าพลางส่งธนบัตรจำนวนหนึ่งให้เป็นค่าตอบแทน “แต่พี่คิมคะ...” “แต่อะไรอีก อย่าลืมกฎของเราสิ น้ำแตกแล้วแยกทาง จำไม่ได้แล้วรึไง” เขากระแทกเสียงใส่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงที่นอนกับเขานอกจากต้องการเงินแล้วยังต้องการการผูกมัดแบบบ้า ๆ ซึ่งเขาไม่มีทางยอมแน่นอน กินเสร็จ ต่างฝ่ายต่างอิ่มท้องก็แยกย้ายกันไป หิวเมื่อไหร่ก็นัดเจอกันใหม่แค่นั้น “จำได้ค่ะ ลีน่าก็แค่คิดว่าพี่คิมจะมองเห็นลีน่าบ้าง” “ก็เห็นอยู่นี่ไง แต่จะเอาอีกรอบคงไม่ได้แล้วล่ะเพราะฉันต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ” เขาเอ่ยไล่เป็นนัย ๆ ทำให้ลีน่าต้องรีบใส่เสื้อผ้าแล้วหยิบเงินกลับออกไปทันที “ฮู่...” ลับหลังลีน่า เจ้าของห้องก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะหนังสืออย่างปลง ๆ หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบระบายความเครียด เหลือบมองรูปคู่ของตัวเองและศิระผู้เป็นพ่อเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า เพราะมีคำว่าหลานคนแรกของตระกูลค้ำคออยู่ เขาจึงกลายเป็นความหวังเดียวของสิปรางค์ผู้เป็นย่าที่กำลังหมายมั่นปั้นมืออยากให้เขาเข้าไปบริหารงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ต่อจากพ่อ แม้ว่าไม่ได้อยากเรียนสายนี้ตั้งแต่แรกก็ตาม ฤดูกาลสอบปลายภาคผ่านไป คิมหันต์ถูกส่งไปฝึกประสบการณ์ในภาคฤดูร้อนที่บริษัทตามคำสั่งของสิปรางค์ในระหว่างปิดเทอมใหญ่ ส่วนเข็มทิศได้ข้ออ้างว่าป่วยบ่อย เขาจึงได้อานิสงส์พักผ่อนอยู่บ้านในช่วงการเรียนปีแรก “จะไปไหนแต่เช้าน่ะเข็ม” เกสรเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกชายแต่งตัวหล่อลงมาจากชั้นสองของบ้าน “ผมนัดเพื่อนไว้น่ะครับ” “ทำไมไม่ไปช่วยงานที่บริษัทบ้าง ไปดูไว้ก่อนก็ได้ พอได้ฝึกงานจะได้ทำเป็นไง” ผู้เป็นแม่เสนอแต่คนหัวรั้นอย่างเข็มทิศกลับไม่ยอมสนใจ “คุณย่าเขาก็ลากตัวพี่คิมไปแล้วนี่ครับแม่ ผมเพิ่งจบปีหนึ่งเองจะไปช่วยอะไรได้ ไว้ขึ้นปีสามค่อยไปก็แล้วกัน” “เดี๋ยวเข็ม...แม่ยังพูดไม่จบนะ” เกสรกุมขมับเมื่อลูกชายตัวดีไม่ยอมรับฟัง มิหนำซ้ำยังรีบใส่รองเท้าแล้วสตาร์ตรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจออกจากไปบ้านไปด้วยความเร็วอีกต่างหาก ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมวกกันน็อคใบใหญ่ฉาบรอยยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงมติมนต์ หลังจากที่ใช้เวลาพูดคุยกันผ่านแชทนานหลายเดือน เห็นแค่เพียงรูปถ่ายเพราะอีกฝ่ายอ้างว่าทำงานไม่มีเวลาได้วิดีโอคอลเลยสักครั้ง ในที่สุดวันนี้มติมนต์ก็ส่งข้อความมาบอกว่าเธอกำลังบินกลับมาที่ประเทศไทย และนัดเจอเขาที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อจะได้เจอหน้ากันเป็นครั้งแรก เข็มทิศ : มาถึงแล้วนะ โมนาอยู่ที่ไหน เขารีบส่งข้อความไปหามติมนต์ทันทีที่มาถึง โมนา : เราเพิ่งมาถึง อยู่ที่ลานจอดรถชั้นบนน่ะ เข็มทิศ : งั้นเราเจอกันข้างในนะ โมนา : เราหลงทางน่ะเข็ม...เข็มมาหาเราหน่อยได้ไหม คำขอนั้นทำให้เข็มทิศรีบตอบรับกลับไปอย่างว่าง่าย เข็มทิศ : ได้สิ รอแป๊บนึงนะ พิมพ์ตอบข้อความเสร็จ เข็มทิศก็รีบกดลิฟต์ขึ้นไปหามติมนต์ที่ชั้นจอดรถข้างบน แต่เมื่อมาถึงเขากลับพบแต่เพียงความว่างเปล่าและรถเพียงไม่กี่คันเท่านั้น “อยู่ไหนนะ” เขาพยายามกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แต่ไม่เจอใครจึงรีบหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหามติมนต์จนได้ยินเสียงเรียกเข้าของมือถืออีกเครื่องดังอยู่ข้างหลัง แต่เมื่อหันไปมองตามต้นเสียง เขาก็ต้องตกใจเมื่อคนตรงหน้าไม่ใช่มติมนต์คนที่เขารู้จัก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม