"วันนี้เลยเหรอ” เหลือบดูข้อมือนาฬิกา เรื่องนี้จะต้องปิดเงียบทางบ้านจะต้องไม่รู้ คงต้องอ้างบอกพ่อกับแม่ว่าจะไปเล่นที่บ้านเพื่อน
"แม่ครับ ผมขออนุญาตไปเล่นที่บ้านไอ้เดิร์ฟนะ"
เพื่อนคนนี้ แม่รู้จัก เราอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน ไอ้เดิร์ฟเคยมาหาที่บ้านหลายครั้ง
"จ้ะ แล้วตอนเที่ยงอย่าลืมกลับมากินข้าวด้วยนะ"
แม่ห่วงใยตลอดเวลากลัวลูกอดไม่ได้กินข้าว แต่ได้ยินเรื่องเมื่อวานแล้ว แม่ของนน ช่างน่าสงสาร เพราะร่างกายของแม่กำลังต่อสู้กับโรคร้าย
แม่สังเกตดูการแต่งตัวของเขาเช่นกัน การแต่งตัวที่ดูแปลกไปจากปกติ ดูเนี้ยบและเสื้อผ้าที่ดูดีมียี่ห้อราคาแพง ซึ่งไปบ้านไอ้เดิร์ฟทุกครั้ง จะแต่งตัวแบบสไตล์ธรรมดากางเกงขาสั้นสวมเสื้อยืด แต่นี่ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีอ่อนทั้งกางเกงยีนส์กับรองเท้าหนังสีน้ำตาล
"ไปเที่ยวกันใช่มั้ยลูก" เมื่อแม่หันมาถามเลยพยักหน้า
"ครับ"
"มิน่าล่ะ แม่ไม่เคยเห็นนน แต่งหล่อแบบนี้ไปบ้านเพื่อน แล้วอย่าลืมกลับมากินข้าวเที่ยงที่บ้านนะ ไม่งั้นก็ตอนบ่ายๆ แม่ทำไว้ เพราะตอนสายๆจะเปิดร้านกาแฟ ตอนนี้มีเด็กดูแลอยู่"
แม่พูดด้วยรอยยิ้ม พยายามสู้กับชีวิต นนรู้ว่าแม่ทุกข์ใจขนาดไหน
"ครับ งั้นนน ไปก่อนนะแม่"
"จ้ะลูก เอารถไรไป"
"นนเดินไปครับ ไอ้เดิร์ฟจะเอารถเก๋งออกมารับ"
ตอบแม่แล้วดูเหมือนแม่นิ่ง และไม่ว่าอะไรเขารีบเดินออกจากบ้าน สะพายกระเป๋าใบเล็ก พับเอกสารใบสมัครอยู่ในนั้น กับ ไว้ใส่มือถือกระเป๋าสตางค์
ไอ้เดิร์ฟพามาสถานที่แห่งหนึ่ง พอเห็นแล้วตกใจ นี่มันสถานีทีวี ช่องหนึ่งในอาคารแห่งใหม่ ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทใจกลางเมือง ตื่นเต้นไปหมด
"ที่นี่ไง นน โน่นเห็นมั๊ยคนเยอะแยะไปหมด"
กนินทร์มองตามที่มันพูด คนเยอะแยะไปหมดเหมือนฝูงมด คงมีจุดประสงค์แบบเดียวกัน
อ่านกติกาเรียบร้อยแล้ว นำเอกสารคือบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน ตามที่เขาระบุ ไอ้เดิร์ฟมันบอกอีกที เขาเลยเตรียมมาพร้อมเสร็จสรรพ
วันนี้พกมาด้วยความมั่นใจเต็มร้อย ใครจะเป็นอย่างไรไม่รู้ เขามั่นใจในตัวเองไว้ก่อน
ตื่นเต้นไม่น้อย ช่องละครช่องนี้ ติดตามเหมือนกันแต่ไม่ได้สนใจมาก นอกจากดูข่าว ดูละครบางเรื่อง ถ้าสนุกถูกใจ
ถ้าไม่โดนใจ ก็หยิบรีโมตเปลี่ยนเป็นช่องอื่น
ครั้งแรกที่ได้มาเยือนสถานีทีวีแห่งนี้ เป็นอาคารตึกตระหง่านสูงยี่สิบชั้นทาสีขาวทั้งหลัง
ด้านหน้ามีโลโก้ของช่อง และภาพกราฟฟิกบนจอโฆษณาตามป้ายต่าง และโปสเตอร์ภาพวาด ของละครที่จะออนแอร์ในเร็วนี้
กนินทร์เผลอมองภาพพวกนั้น
"เร็วไอ้นน เข้าไปสมัครด้านใน เห็นมั๊ยคนเขามาเยอะ เดี๋ยวต้องต่อคิวยาว" ไอ้เดิร์ฟเร่ง เขาเลยต้องทำตามที่มันบอก หลังจากที่มันหาที่จอดรถได้แล้ว
คิวที่กนินทร์ยืนรอ ต่อแถวนั้นยาวพอสมควร เมื่อถึงลำดับคิว จึงยิ้มให้กับคณะกรรมการคัดเลือก และแนะนำตัวเองชัดเจนด้วยสำเนียงไทยเมืองกรุง
กับรูปร่างที่สูงโปร่งหล่อแบบคมคายหน้าไทยแท้ เพราะค่อนข้างสูงทีเดียว สูง 185
“สวัสดีครับ ผม ชื่อ นาย กนินทร์ ปิ่นเวโรจน์ครับ จบการศึกษา จาก มอ"
เมื่อพูดจบ รู้สึกโล่งอกไปหมด คิดว่าทำดีที่สุดแล้ว พยายามยืดอกเรียกพลัง ทั้งที่ภายในใจ นั้นเต้นตูมตามสั่นเพิ่งเจอแบบนี้ครั้งแรก
แต่พยายามบังคับระงับอารมณ์ ไม่ให้ดีใจ เกินนอกหน้า
"อ้าว ประกาศๆขอให้ ผู้ที่เข้ามาทำการคัดเลือกสตาร์ท็อปไทยแลนด์ทุกท่าน โปรดเข้าแถวประจำที่ จะมีการประกาศผลของผู้ผ่านการคัดเลือกรอบแรก ณบัดนี้"
พิธีกรบนเวทีเอ่ยกล่าว เขาเป็นดาราในวงการที่คุ้นหน้า และกระแสเสียงชัดเจน มีเสน่ห์แถมขี้เล่นมีลูกเล่นบ่อยครั้ง
เมื่อผลประกาศ สิบห้าคนเข้ารอบ มีชื่อเขาติดอยู่ด้วย หนึ่งในสิบห้า คือที่สิบ
"ผู้ผ่านเข้ารอบการประกวดหมายเลข 129 นาย กนินทร์ ปิ่นเวโรจน์"
พอได้ยินกนินทร์สะดุ้งขึ้นมาทันที คาดไม่ถึง จำนวนคนที่มาคัดเลือกสามพันกว่าคน มีเขาติดหนึ่งในสิบห้า ผู้ผ่านเข้าประกวดรอบแรก
ไอ้เดิร์ฟมันอยู่ไหนวะ มันคงจะดีใจแน่ ถ้าอยู่ใกล้ เออ จริงสิ ลืมไป ทั้งมือถือกับกระเป๋าฝากไว้กับมันที่ข้างล่าง มันคงรับชมการถ่ายทอดสด ผ่านจอยักษ์ของช่องทีวีดิจิตอล ที่มีอยู่ห้าหกจอ
พ่อแม่จะรู้มั๊ย เพราะถ่ายทอดสด เขาไม่อยากให้ท่านรู้เลย อีกอย่างพ่อกับแม่ ไม่สนใจดูช่องบันเทิง สนใจข่าวเศรษฐกิจสังคมมากกว่า ส่วนแม่ชอบฟังเพลง
ยืนตัวสั่นและเกร็ง ใบหน้ากนินทร์ระบายด้วยรอยยิ้ม ส่วนคนตกรอบ เดินออกไปอย่างเงียบ บางคนทำหน้าบึ้งตึงไม่พอใจ
มันเป็นธรรมดาของคนได้กับไม่ได้ เมื่อมีคนชนะย่อมมีคนแพ้ เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด
ต่อมาทางกองประกวด ได้นัดอีกสองวัน เพื่อประกาศผล ผู้ผ่านเข้ารอบการประกวด สิบคน และในจำนวนสิบคนนั้น มีเขาถูกเรียกเป็นลำดับที่สาม ผ่านการเข้ารอบ
รู้สึกโล่งอกถอนหายใจยาว แต่มีความกดดันในตัวเพิ่มขึ้น ยังมีความมั่นใจเต็มที่ ให้ตัวเอง เพระใกล้จะถึงฝั่งฝัน ผู้เข้าประกวดทุกคนก็ลุ้น การคัดเลือกครั้งที่สาม คราวนี้เหลือห้าคน
กนินทร์ดันเป็นคนหนึ่งในจำนวนห้าคน อยู่ที่อันดับสอง ทีนี้เหมือนใกล้เส้นชัยแล้ว ใครจะได้คว้ารางวัลสูงสุด
เขาพยายามทำดีที่สุด ไม่ว่าใครได้ครอง ก็ร่วมยินดีด้วย เพราะถือว่าเก่ง สุดยอดแล้ว ฝ่าฟันมาถึงรอบสุดท้าย
จากนั้นใครคนหนึ่ง ต้องออกพ้นจากเวทีไป พวกเรากอดคอกัน จับมืออย่างมิตรภาพ
ช่วงที่อยู่ด้วยกัน ช่วงออดิชั่นรู้จักกันแบบผิวเผิน และเป็นการแสดงน้ำใจแบบนักกีฬา
ที่นี้รอบตัดสินชนะเลิศ สามคนสุดท้าย พวกเราสามคนเริ่มสนิทกันมากขึ้น ชื่อ สนุ้ก นาวายศ กับ เข้ม ธันวา แล้วก็ผม
มาที่ผลการประกาศ
"ทีนี้เราจะประกาศผู้ได้รางวัลอันดับหนึ่งของสตาร์ท็อปไทยแลนด์ประจำปีนี้ ผู้ที่ได้ประกาศชื่อต่อไปนี้ คุณจะเป็นสตาร์ท็อปคนใหม่ของเรา ที่ทางช่องจะปั้นและสร้างคุณประดับวงการ รวมทั้งจะได้รับรางวัลเงินสดจำนวนหนึ่งล้านห้าแสนบาท รถยนต์อีกคัน อีกทั้งได้รับการเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของช่อง แต่นแตนแต้นๆๆๆๆๆ ณบัดนี้เราจะประกาศผู้ที่ได้รับรางวัลการประกวดสตาร์ท็อป ได้แก่ หมายเลย 129 น้องนน นาย กนินทร์ ปิ่นเวโรจน์"
กนินทร์อ้าปากเหวออกมาทันทีนิดหนึ่ง เหมือนตกใจ เมื่อถูกเรียกชื่อ ก่อนจะตั้งสติ ในวันนี้เป็นการประกวดตัดสินถ่ายทอดสดทั่วประเทศ
ยังสะดุ้งแบบไม่น่าเชื่อ จนหายตกใจแล้ว
เดินเข้าไปรับสายสะพายคล้องตำแหน่งที่ได้รับมาพร้อมกับเช็คเงินสด และรถยนต์คันหรูหนึ่งคัน โดยคณะบริหารของช่องทีวีผู้เป็นประธานใหญ่ได้มอบให้ ซึ่งเป็นซีอีโอชื่อดัง เคยได้ยินเชื่อท่านผ่านหู ประธานใหญ่ผู้อำนวยการสถานี
ถือว่าเป็นวันเกียรติยศของนนจริง แล้วต่อมามีผลการประกวดรางวัลอันดับหนึ่ง คือเขา เข้ม ธันวา ได้รางวัลต่อจากเขา เป็นเงินสดห้าแสน และคนสุดท้าย สนุ้กหรือ นาวายศ ได้รับรางวัลเงินสดสามแสน
พวกเราได้รับการเซ็นสัญญาจากช่องพร้อมกันทันที โดยทางช่องจะเปิดโผละครพร้อมกัน ที่จะต้องให้พวกเราไปเรียน
แอคติ้งโค้ชกับปรมาจารย์นักแสดงอาวุโสที่มีความชำนาญและเป็นครูสอนโดยเฉพาะ
นี่เป็นการเริ่มต้นใหม่ของนน ข่าวการได้รับรางวัลประกวดชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้รู้ไปถึงหูของพ่อแม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากการที่น้องสาวคนเล็กบอกกับพ่อแม่
รวมทั้งเพื่อนข้างบ้านที่รู้จักพ่อแม่เป็นอย่างดี ไม่มีการปิดบังอีกแล้ว ในเมื่อกนินทร์ได้รับชัยชนะ ถ้าแพ้หรือตกรอบก็ว่าไปอย่าง
สามารถอวดพ่อกับแม่ได้ด้วยความภาคภูมิใจ และจำนวนเงินสดที่เป็นเช็คเพื่อขึ้นธนาคาร จะรีบนำไปรักษาแม่กับพ่อทันที ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้กับตัวเองบ้างสักสี่ห้าหมื่น
รถเก๋งคันใหม่นนได้ครอบครองแบบไม่ต้องซื้อ พร้อมสายสะพายและถ้วยรางวัลบ่งบอกความภาคภูมิใจที่สลักชื่อของผมไว้ นี่คือข่าวดี กลับไปจะต้องบอกความจริงแก่ท่านทั้งสองอย่างแน่นอน
พี่เค้กติดต่อมาหาอีกครั้ง เมื่อเวลาหกโมงเช้ายืนยันให้ได้ว่าปองต้องมาที่ออฟฟิศ และปองมาจริงๆ
แค่ครั้งแรกได้ไป ก็จำเส้นทางได้ ด้วยการนั่งบีทีเอส และปองได้มาเจอผู้ว่าจ้าง ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทโฆษณาพร้อมด้วยพนักงานที่มาดูตัว
เมื่อได้แคสผลงานชิ้นนั้น ปรากฏว่าผ่าน นี่คือก้าวแรกที่ได้งานทำ อีกสองวันซึ่งนัดถ่ายกันที่สตูดิโอ แถวย่านรัชดา
ปองขวัญมือไหว้คุณเค้กอีกครั้ง งานโฆษณาชิ้นนี้พี่เค้กเป็นคนหาให้
"ปองมีงานของละครติดต่อผ่านพี่มา พี่ลองนำรูปของปองส่งให้แล้วนะ ทางนั้นเขาก็ดีดี๊ ตอบรับเลยทันที ว่าผ่านอย่างปองนี่ได้เลยตัวเล็กหน้าหวานออกไทย”
ปองขวัญไม่เคยชมว่าตัวเองสวยหรอก แต่เมื่อเขาพูดแบบนั้นก็เลยตามน้ำ ต้องการที่สุด เมื่อมีงานต้องมีเงินตอบแทน
ดีใจอีกครั้ง เมื่องานนั้นเป็นงานละคร ไม่เคยคิดฝันว่าจะมาชิมลางง านละครได้ พอดีบทนั้นขาดไปคนหนึ่ง
นักแสดงของช่องคนนั้นเกิดป่วยกะทันหัน จึงต้องหาตัวแทนจากโมเดลลิ่ง