ตอนที่ 2

1656 คำ
ในที่สุดก็ถึง รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย โมเดลลิ่งที่ว่านั้นเป็นแบบทาวเฮ้าส์สองชั้นคูหาเดียว พี่วินมอเตอร์ไซค์เก่ง ที่นำทางมาถูก แกคุ้นชินกับบริษัทแห่งนี้เพราะมีคนเข้าๆออกๆเป็นว่าเล่น ควักเงินเพื่อจะจ่าย "ไม่ต้องหรอกแก ฉันจ่ายเอง เอ้า พี่คะ หนูให้ยี่สิบบาทพี่ทั้งสองแบ่งกันเอาเองนะคะ ขอบคุณมาก" ปองขวัญตัวสั่นอีกครั้ง แม้ข้างในดูเงียบเหมือนแทบไม่มีใครเลย จนคิดว่า เป็นบริษัทร้าง แต่เมื่อเดินเข้าไป ที่ด้านหน้าประตูเห็นชั้นวางรองเท้า ที่รองเท้าหลายสิบคู่วางเรียงกัน จึงกดออดเรียก มีคนจากด้านใน เดินเข้ามาเปิดประตู "เชิญเข้ามาจ้ะ" เสียงหวานดังมาจากข้างใน ดูเหมือนจะเป็นหญิงสาวที่เป็นสาวใหญ่อายุประมาณสามสิบห้าขึ้นไป "สวัสดีจ้ะหนู มาแคสติ้งงานใช่ไหมจ้ะ" เมื่อถูกถามแบบนี้ ชลธิชาให้ฉันตอบ "ค่ะ" "หนูใช่มั๊ย" อีกฝ่ายถามอีก มุ่งไปที่ตัวของฉัน ซึ่งชลธิชาไม่ใช่แน่ เพราะหุ่บอวบเป็นมะขามข้อเดียว "พอได้ ตัวเล็ก ผิวเนียน หน้าตาน่ารัก หนูดูมีเสน่ห์นะ เอาล่ะมาถึงเหนื่อยนั่งพักก่อน เดี๋ยวพี่จะชี้แจง ในการแคสติ้ง คือตอนนี้มีโปรเจกต์จากละคร ต้องการนักแสดง เตรียมตัวนะจ้ะ" "ค่ะ" ปองขวัญกับชลธิชาพยักหน้า แล้วนั่งด้วยกัน รู้สึกใจหายใจคว่ำไม่น้อย ที่นี่ดูแล้วมีความน่าเชื่อถือได้มาก บนฝาผนังมีภาพโปสเตอร์และรูปถ่ายจริงของดารานางแบบหลายคนที่ร่วมถ่ายกับโมเดลลิ่งแห่งนี้ และงานแสดงจริงจากละครทางช่องทีวีต่างๆ ที่เคยคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง "พอดีผู้จัดต้องการด่วน ถ้าได้จริง หนูต้องเซ็นสัญญาเลยนะ ทางเราจะป้อนงานให้ตลอด พี่ชื่อ พี่เค้กจ้ะ เป็นเจ้าของ" จันทิมาบอกแก่เด็กสาวทั้งสอง พวกเธอจึงยกมือไหว้อีกครั้ง รอคอยด้วยใจจดใจจ่อ ชลธิชานั่งคอยอยู่ข้างนอก เมื่อผ่านการเรียกเทสต์หน้ากล้องไปแล้ว ผลปรากฏออกมาคือ ปองได้รับการเซ็นสัญญาจากโมเดลลิ่ง แห่งนี้ ชลธิชารีบเดินเข้ามาแสดงความยินดี คุณเค้กหรือจันทิมา ยื่นเอกสารให้ปองเซ็นเป็นสัญญาสามปี ปองขวัญอ่านอย่างละเอียด ตรวจตราถี่ถ้วนแล้วเซ็นชื่อ ถือว่าฟลุ้ก และมาตามดวง แถวบ้านไม่มีใครเข้าวงการแบบนี้ จึงเก็บความตื่นเต้นไว้คนเดียว "นี่นะสัญญาอีกฉบับเป็นของหนู" รับจากมือของคุณเค้กหรือจันทิมา ที่เธอให้ปองเรียกว่า พี่ "ดีใจด้วยนะจ้ะ หนูจิ๋ว" "ชื่อจริงหนู ชื่อ ปองขวัญนี่ ทำไมไม่เอาชื่อนี้มาตั้ง" "ค่ะ จิ๋วเป็นชื่อที่เพื่อนๆที่โรงเรียนพากันเรียก ส่วนปองนี่คนที่บ้านตั้งให้ค่ะ คือพ่อของหนูอยากได้ลูกผู้ชาย แต่ดันมามีหนูที่เป็นผู้หญิง ก็เลยให้ชื่อว่าปองขวัญ" "งั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ปองขวัญเหมาะกว่า เรียกง่ายด้วย หนูชื่อปองนะจ้ะต่อไป ให้เรียกตัวเองแบบนี้" คุณเค้กหรือจันทิมาสอนต่อ "เสร็จแล้วจ้ะ หนูกลับไปได้ ส่วนเรื่องงานพี่จะโทร.กลับไปอีกครั้ง พอดีกับงานโฆษณาลูกอมต้องการนักแสดงพอดี พี่ว่าจะลองส่งหนูเข้าไปให้ทางนั้นพิจารณา" "ขอบคุณมากค่ะพี่เค้ก" "เดินทางกลับดีๆนะจ้ะหนูปอง" เลยได้ชื่อเรียกในวงการว่าหนูปองแทน แต่ชื่อนี้คนที่บ้านเรียกเป็นประจำ ปองรีบเดินไปหาชลธิชาอีกครั้ง "นั่งคอยฉันนานไหมแก" "ไม่นานหรอก ว่าแต่แกเถอะ พี่ที่โมเดลลิ่งเขารับแกมั๊ย" "รับซิ ฉันเซ็นสัญญาแล้ว" "เหรอ ฉันดีใจกับแกด้วยนะ" ชลธิชาตาพองโตแทนเพื่อน แสดงความยินดีจนล้นนอกหน้า เช่นเดียวกับปองขวัญหรือจิ๋วที่ยิ้มให้ "พี่เค้กเขาจะหางานให้ฉัน เดี๋ยวจะโทร.มาคอนเฟิร์มอีกครั้ง" ปองขวัญพูดกับชลธิชา ก่อนที่จะเดินออกไปที่ปากซอยด้านหน้าอีกครั้ง มองหารถวินมอเตอร์ไซค์ เวลานี้บ่ายสี่โมง ใกล้เย็นแล้ว รถในซอยดูติด "ฉันว่าเราเดินไปดีกว่า รอรถมอเตอร์ไซค์คงนานแน่" ชลธิชาเป็นคนชวน " จริงด้วย" ปองคล้อยตาม แต่กว่าที่พวกเราจะเดินมาถึงปากซอย ต้นถนนใหญ่ของพหลโยธินก็ไกลโขเหมือนกัน ทำเอาหอบไปตามๆกัน แต่ก็ถือว่าฝึกความอดทน แค่นี้เอง ขนาดเดินทางไปกลับ โรงเรียนตั้งสิบกว่ากิโลยังเดินได้ แต่ในที่สุดก็เดินมาถึงบริเวณปากซอย แทบไม่มีวินมอเตอร์ไซค์เหลืออยู่เลย ดีแล้วที่พวกเธอตัดสินใจ พากันเดินมา ขืนยืนรอไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ ถึงจะได้ขึ้น จากนั้นจึงเดินตรงไปที่สถานีบีทีเอส ปองขวัญเก็บเอกสารการเซ็นสัญญากับค่ายโมเดลลิ่งเอาไว้ในกระเป๋าสะพาย รู้สึกแต่ว่าชีวิตเริ่มมีความหวัง หวังที่จะหาทางช่วยคนในครอบครัว ยิ่งพ่อแม่ ท่านมีค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดรักษาตัว ซึ่งเงินไม่ใช่จำนวนน้อย ปองไม่เคยรู้เรื่องค่าตอบแทนในวงการ แต่ก็ช่างเถอะ ได้มาเท่าไหร่ จะพยายามเก็บเล็กผสมน้อยเอา แยกกับชลธิชา ที่สถานีป้ายสุดท้าย ย่านฝั่งธน ชลธิชานั่งรถเมล์ต่อไปอีกทาง ส่วนปองนั้นเดินลงจากสถานี ก็มองหารถกะป๊อที่จะเข้าไปในซอย บ้านของปอง อยู่ในซอยลึกเกือบท้ายซอย ติดอยู่กับวัดเป็นชุมชนเก่าแก่ของที่นี่ ที่คุ้นเคยและเติบโตมาจากที่นี่ ส่วนแม่เกิดที่นี่ ตั้งแต่ตากับยาย อพยพมาตั้งรกรากในซอยวัด ส่วนพ่อเป็นคนภาคกลางแถวชัยนาท ปองขวัญนั่งเงียบบนรถกะป๊อ ใช้เวลาเพียงสิบนาที ก็ถึงทางเข้าบ้าน เมื่อลงจากรถแล้วพร้อมกับควักเงินจ่ายค่ารถห้าบาท ปองขวัญยืนยิ้ม ได้งานใหม่ แม้เป็นงานที่ไม่คุ้นชินมาก่อน คิดว่า จะทำมันให้ดีที่สุด ส่วนงานที่เคยสมัครไปแล้ว เขาไม่เรียกสักที่ ก็ช่างเถอะ เรื่องนี้ต้องปิดพ่อกับแม่เอาไว้ ดูเหมือนพ่อไม่ค่อยจะชอบใจนักหรอก ท่านไม่สนับสนุนในเรื่องนี้ อาชีพเต้นกินรำกิน ใช้ฝีมือในการแสดงจากความสามารถส่วนตัว โชว์ให้คนดูทั่วประเทศ เพราะพ่อเคยมีบาดแผลจากวงการนี้แล้ว ทำให้ปัจจุบันท่านกลับมาพักผ่อนที่บ้าน เป็นผู้สูงอายุที่เจ็บป่วยต้องมีคนคอยดูแล อย่างน้อยมีแม่ เป็นคู่ทุกข์คู่ยาก ประมาณสองทุ่มของวันนี้ ขณะปองขวัญอาบน้ำเสร็จแล้ว กำลังจะเข้านอน แต่ตอนนี้นั่งอยู่หน้าจอทีวี ดูข่าวกับพ่อไปเพลินๆ ก็มีเสียงมือถือดังขึ้น เมื่อรู้ว่าเป็นเบอร์ใคร ปองขวัญลุกจากหน้าจอทีวีตรงนั้น ที่มีพ่อแม่แล้วก็น้องๆหลานๆนั่งอยู่ ขอตัวเพื่อเข้าไปในห้องของตัวเอง "ปองขอตัวก่อนนะแม่ มีธุระคุย" แม่พยักหน้า เมื่อเข้าห้องแล้วปองกดรับ "พี่เค้กมีอะไรหรือเปล่าคะ" เท่าที่ดูนั้น สังเกตจากอีกฝ่าย ที่มีน้ำเสียงแบบชวนตื่นเต้น และดูร่าเริงก่อนเธอจะเฉลยออกมา "นี่หนูปอง รู้มั๊ย หนูผ่านแล้วนะ ทางเอเยนซี่โฆษณาลูกอมเขาตกลงรับหนูปอง พรุ่งนี้ให้ไปหาพี่เค้ก ที่โมเดลลิ่งด่วนเลย เขาจะมาที่นี่ดูตัว" คำพูดนี้ เหมือนสวรรค์ประทานลงมา สำหรับปองขวัญ คนที่จิตใจห่อเหี่ยวและบางครั้งสับสน ด้วยว่าที่ผ่านมายังหางานทำไม่ได้ แม้ที่ผ่านมา พ่อแม่จะไม่กังวล คอยปลอบ แต่ว่าลึกๆในใจของท่าน ปองรู้ดีล่ะ เพราะพวกท่านไม่สบายใจ แม้ครอบครัวของเรา จะเป็นแบบนี้ ปกติครอบครัวติดดิน มีอะไรก็กินได้ พ่อกับแม่สอนมาอย่างนั้น มีน้ำพริกกินน้ำพริกผักจิ้ม ข้าวผัด หรือว่า ไข่ตุ๋น ไข่ดาว ไข่เจียว เลยไม่ได้เรื่องมากเรื่องกิน และก็ถือสุภาษิตอย่างพ่อคือ กินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยู่เพื่อกิน ดีใจ ความรู้สึกแผ่ซ่านไปทั่วกาย เพราะน้ำคำที่แสนปลื้ม ทางบริษัทคัดเลือกตัวปอง มันหมายถึงค่าตอบแทนที่ได้รับ ยิ้มอุบอยู่คนเดียว เดินไปเดินมาภายในห้องของตัวเอง แบบคนยิ้มหวานมีกำลังใจสุดขีด ยังไม่กล้าบอก พ่อกับแม่เรื่องนี้ รู้ดี พ่อนั้นแอนตี้แน่ อีกทั้งท่านไม่สบาย เลยไม่อยากกระทบกระเทือนใจของท่าน และในคืนนั้น ปองหลับฝันอย่างสบายใจมากที่สุด เฝ้ารอให้มันถึงรุ่งเช้าและตอนสายอย่างเร็ว ประมาณ เก้าโมงเช้า ปองต้องแต่งตัวไปที่โมเดลลิ่ง ซึ่งจำเส้นทางได้แล้ว แต่จะโทร.บอกชลธิชาก่อน เพราะชลธิชาก็มีส่วนผลักดันเหมือนกัน ปองไม่ลืมน้ำใจเพื่อนรัก ชลธิชาคงไม่ได้ไปด้วย เพราะเพื่อนทำงานแล้ว เมื่อวานนี้เพื่อนหยุด เรานัดกันไปเที่ยวที่สยาม เดินเล่น และแวะหาของกินอร่อยๆ เท่าที่สตางค์เรามี และไม่ได้คิดว่า มีเรื่องฟลุ้กแบบกะทันหัน ที่ปองได้เข้าในวงการแบบงง ทั้งตัวเองไม่ประสีประสาอะไรเลย แต่ก็มีคนหยิบยื่นให้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม