แดดร้อนจัดปองขวัญเดินมาที่ริมฟุตบาธหัวสมองคิดมากมาย เรื่องชวนกลุ้ม จะหาเงินมาจากไหน เพื่อให้พ่อผ่าตัด พ่อป่วยเป็นโรคร้าย
แถมยังจะมีแทรกซ้อนเรื่องโรคไตอีกต่างหาก พ่อเป็นเพียงอดีตนักแสดงดาวตลกในวงการนี้ เมื่อก่อนพอมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
แต่ระยะหลังพ่อป่วยไม่สบาย ทำงานในวงการไม่ได้ ต้องนอนอยู่ที่บ้าน นั่งบนรถเข็น
ปองขวัญครุ่นคิด เพิ่งเรียนจบปวส ยังตกงาน จะลองสมัครงานดูอีกหน หลังจากออกจากที่เก่าเป็นพาร์ทไทม์ร้านขายไอศกรีมชื่อดัง ร้านขายพิซซ่า ก็เคยทำมาแล้ว ตอนนี้หายังไม่ได้ เลยเซ็ง
"หนูจ๋า" มีใครคนหนึ่งเรียก ขณะกำลังเดินหาซื้อเครื่องดื่มสักแก้วเพราะเดินมานานจนเมื่อยขาทั้งรู้สึกกระหายน้ำ
"มีอะไรหรือคะ"
หันไปตอบ ชายคนหนึ่งไม่ใช่สิ เขาดูเหมือนไม่ใช่ผู้ชายแต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิง ใบหน้าสี่เหลี่ยมคางหมู แต่ที่หน้า ที่ชวนตะลึงเขาขาวสวยเนียนกว่าผู้หญิงหลายคน
"พี่ชื่อ พี่แต๋มจ๊ะ นี่นามบัตรของพี่ สนใจอยากเข้าวงการบันเทิงไหมจ้ะ พี่ดูหน่วยก้านหนูแล้ว โอเคเลย ผิวสีแทนตัวเล็ก ใบหน้าหวาน มีใครเคยสนใจทาบทามหนูมั๊ยจ้ะ"
คนที่เพิ่งแนะนำตัวก่อนถาม
"ไม่ค่ะ"
"แล้วหนูสนใจมั๊ย ถ้าสนใจติดต่อพี่ นามบัตร ที่โมลเดลลิ่งนี้"
ปองขวัญรับมาอย่างงงๆ จากนั้นพี่คนนั้นเขาก็เดินไป แต่ลักษณะท่าทางดูเหมือนเขาจะสนใจปองเป็นอย่างมาก
แล้วนี่มีนัดกับไอ้เก๋ด้วย เมื่อไหร่มันจะมาซักทีวะ ปล่อยให้คอยจนเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว เดี๋ยวเจอหน้าคงด่าซักหน่อยล่ะ
เพราะเดินวนอยู่ในห้างไปแช่แอร์ให้เย็นฉ่ำมากกว่า ไม่มีปัญญาซื้อข้าวของราคาแพงในนั้นหรอก
"แกบ่นอะไรฉันหา จิ๋ว"
"เออ มาพอดีเลยนะแก จะด่าเสียให้หลาบเลย นัดฉันไว้ตั้งแต่สิบเอ็ดโมง นี่จวนจะเที่ยงแล้ว"
"ก็มือถือแบตฉันหมด ฉันก็ตามหาแกเหมือนกัน"
ปองขวัญถอนหายใจ กับคำของเก๋ เพื่อนรัก
"นั่นแกได้นามบัตรอะไร" เก๋มองมาที่มือของเพื่อน
"ไม่รู้ พี่คนหนึ่งให้ฉันบอกว่า สนใจเป็นนักแสดงมั๊ย"
"เอ๊ย อีบ้า ทำไมแกไม่ตอบรับละยะ"
เก๋ ชลธิชา เหมือนสนใจแทนปอง เหมือนเธอเป็นเดือดเป็นร้อนแทน
"ยังไงล่ะ เกิดเดี๋ยวเป็นพวกสิบแปดมงกุฏทำไงล่ะ"
คิดแบบนี้
"พ่อของฉันไม่สบาย ยิ่งไม่มีใครดูแลอยู่ด้วย"
"แกก็ลองดูบ้างเถอะ มัวแต่กลัวอยู่นั่นล่ะ แต่มันก็ดีอีกอย่างนะ แกกำลังมองหางานอยากได้เงิน เพื่อช่วยพ่อแกรักษาโรคผ่าตัดไม่ใช่เหรอ"
คำถาม ถูกดึงมาในหัวสมอง ใช่แล้ว เป็นอย่างนั้นจริง
ต้องการเงิน และต้องการด่วนมาก ภายในสองเดือนนี้
แต่ไม่รู้ว่า จะหาได้จากที่ไหน มีชลธิชา เป็นเพื่อนสนิท คอยให้คำแนะนำ ถึงแม้มันจะปากมากในบางครั้ง
แต่ก็เป็นเพื่อนที่รักกันจริง เพื่อนแท้ที่เรียกว่าปองสามารถคบได้เต็มปาก และฐานะของเรา ก็ไม่ต่างจากกันเท่าใด
"เอ๊ย คิดสิวะ แก ฉันก็พยายามช่วย หาหยิบยืมเพื่อน เพื่อจะให้แก ช่วยพ่อให้หมอเขารักษา"
ชลธิชามีน้ำใจดีจริง แต่จำนวนเงินมันสูงถึงหลักหมื่นไม่ใช่หมื่นเดียวด้วย สามหมื่น
"เลิกคิดเถอะ ฉันปวดหัวจะแย่แล้ว หาอะไรอร่อยกินกันก่อนเถอะ แล้วคงคิดได้เอง"
ปองขวัญตัดบทอย่างนั้นเพราะนึกหิวขึ้นมาจริง จึงชวนเก๋เพื่อนรัก ไปทานข้าวด้วยกันที่ร้านฟาสท์ฟู๊ด สั่งข้าวยำไก่แซ่บกับน้ำมะตูมหวานแก้วหนึ่ง
ส่วนชลธิชาไก่ทอดเกาหลีมีน้ำจิ้มพร้อมกับกิมจิแล้วก็น้ำอ้อยคั้นสด พออิ่มแล้วพวกเราก็นั่งพูดกันต่อ
"ไหนฉันขอดูนามบัตรหน่อย"
ยื่นให้เพื่อนดู
"มันน่าสนนะ แกลองโทรไปหน่อยดีมั๊ย มีสถานที่ระบุชัดเจน"
บอกตามตรง ปองขวัญไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ อยากหางานเป็นเงินเดือนมากกว่า
"แล้วที่แกสมัครงานไปสองสามสี่ล่ะ"
"ไม่มีที่ไหนเรียกตัวเลย"
ตอบชลธิชาอย่างเซ็ง นึกแล้วก็หดหู่เหมือนซ้ำเติมตัวเองไปด้วย
"เอางี้ เดี๋ยวฉันจะลองโทร.ไป แล้วถ้าคิดว่า มันน่าจะใช่ แล้วก็ไม่ได้เสียหายอะไร ฉันจะไปเป็นเพื่อนแกเอง"
"ตกลง" ยอมรับปากกับชลธิชา ขณะที่สีหน้ายังเนือยกับการไม่ได้คาดหวังอะไรมาก
"ฉันรู้ว่าแกต้องการเงิน ต้องการเร็วที่สุด"
"ใช่สิยะ ถ้าฉันเสกเงินได้ ฉันเสกออกมาตั้งนานแล้ว"
บ่นออกมาอีกครั้ง เพราะเงินในชีวิตสำหรับคนจนที่ครอบครัว หาเช้ากินค่ำ แม้พ่อจะมีชื่อเสียงในอดีตบ้าง แต่ตอนนี้พ่อทำงานไม่ได้ ท่านไม่สบาย
มีคนจากทางสมาคมตลก หยิบยื่นเงินมาช่วยเหลือพ่อจำนวนเงินก้อนหนึ่ง ครั้งเดียวเท่านั้น
ครั้งต่อมาครอบครัวต้องดิ้นรนหามาเอง แม่มีอาชีพเพียงแม่บ้านรับจ้างซักผ้ารีดผ้าเขาเท่านั้นเอง
ทางสายอีกฝ่ายตอบมา
"สวัสดีค่ะ หนูโทรมาใช่ไหมจ้ะ ขอโทษด้วยนะพอดีติดสาย"
ชลธิชาโทรไปคราวแรก ทางนั้นติดสายอยู่ยังไม่รับ แต่คราวนี้โทร.กลับมา
"โมเดลลี่ง 478 สตาร์จ้ะ"
ชลธิชาจึงบอก
"พอดีหนูเพิ่งได้นามบัตรจากพี่เขาให้มา คือสนใจอยากจะรับงานค่ะ"
ปองขวัญเหวอไปทันที ที่ยายปากมากพูดแบบนั้น จะร้องห้ามมันไม่ทันแล้ว
"ไม่ทราบว่าได้นามบัตรจากใครคะ คือตอนนี้ทางเราต้องการนักแสดงด่วน อายุสิบเจ็ดสิบแปดเป็นวัยรุ่นผู้หญิงนะจ้ะ ตัวเล็ก ส่วนผิวได้ทั้งขาว ได้ทั้งแทน แต่หน้าตาต้องน่ารัก มีเสน่ห์"
เมื่อทางนั้นบอกมาอย่างนี้ ชลธิชาเลยต้องหันมามองตัวเองบ้างที่อ้วนเป็นตุ่มขาเหมือนหมูพะโล้ เลยต้องหมดสิทธิ์ครั้งนี้ละ พี่ฝ่ายนั้นพูดมา ไม่ตรงกันเธอสักข้อ จนต้องตอบ
เมื่อกระซิบถามจากฉัน ที่บอกชื่อคนให้นามบัตร
"คุณแต๋มค่ะ"
"จากพี่แต๋มหรือคะ งั้นน้องมาที่บริษัทได้ไหมจ้ะ เป็นโมเดลลิ่ง อยู่ในซอยแถวพลโยธิน"
เมื่ออีกฝ่ายถาม ชลธิชาจึงหันไปถามเพื่อนรัก
"เอาไงวะ แก เขาให้ไปหา"
"ตอนนี้เลยเหรอ"
"ใช่"
"บ้า ผมเผ้าฉันอย่างนี้ แถมไม่ได้แต่งตัวอะไรเลย"
ปองขวัญพูดเพราะแต่งตัวไม่เป็น แบบเชยๆ เสื้อผ้าก็ไม่ได้มีดีๆใส่มากมาย
"เอ้อ พี่คะ หมดเขตรับสมัครวันไหนคะ"
"วันศุกร์นี้จ้ะ เหลืออีกสามวัน"
ปองขวัญได้ยินพร้อมกับหูของชลธิชา ทั้งสองสาวจึงปรึกษาหาทางกัน
"แกลองดูสักตั้งเถอะ ได้ไม่ได้ค่อยว่ากัน"
"ก็เอา" ตอบเพื่อนแบบไม่เต็มเสียงนัก เหลือเงินติดกระเป๋าสามร้อยบาท ต้องใช้ให้ได้ภายในอาทิตย์
"จิ๋วฉันจะออกค่ารถเมล์ให้แกเอง แล้วแกรีบไปตอนนี้กับฉัน เดี๋ยวไม่ทัน"
ชลธิชาบอก
"ขืนรอวันศุกร์ไม่ได้แน่ พวกเราไม่มีเวลามากขนาดนั้น"
ชลธิชาพูดถูก
"ไปวันนี้เลยเหรอ"
"ใช่ ไง แกต้องกลับบ้าน ไปพร้อมกับฉันหาเสื้อผ้าที่ดูดีหน่อยแล้วมาที่บริษัท"
"จะดีเหรอแก"
"ดีสินังจิ๋ว เผื่อโชคเข้าข้างแก จะได้มีเงินรักษาตัวพ่อแกไง"
คำพูดของชลธิชาทำให้ปองคล้อยตาม
"แกว่าดี ฉันก็ว่าดีด้วย เอ้า แต่หาเบอร์ตำรวจไว้ด้วยนะ เผื่อถูกหลอก จะได้แจ้งความ"
ปองขวัญบอกชลธิชาไป
"เออ แกนี่รอบคอบเหมือนกัน ไปกันเหอะ"
จากนั้นปองขวัญกับเก๋ก็เดินออกจากร้าน และขึ้นบีทีเอสอีกครั้งไปลงที่บ้าน สถานีแถวฝั่งธน
จากนั้นใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นาน บ้านของปองขวัญอยู่ในชุมชนหลังวัด พากันเดินออกมาที่ปากซอย
แล้วเดินขึ้นไปเพื่อซื้อตั๋วที่สถานีบีทีเอสอีกครั้งและต้องต่อสองต่อลงที่สถานีสยาม เพื่อเปลี่ยนเส้นทางที่จะไปแถวพหลโยธิน แถวซอยอารีย์
ปองขวัญตัดผมม้า ทำให้แลดูเด็ก หน้าตาดูเด็กลงหน้าใส รู้สึกว่าตัวเองเชยมากๆ เชยหลายอย่างแต่งตัวเชย ทั้งแต่งหน้าทำไม่เป็น ต้องให้น้าข้างบ้านช่วยและชลธิชา
"เออ แบบนี้ละ พอดูดีได้แก"
เมื่อลงจากสถานีอีกครั้ง ปองกับชลธิชาต้องนั่งรถวินเข้าไปในซอยอีก สิบบาท
"ไปแยกห้าค่ะ บริษัทโมเดลลิ่ง" ชลธิชาเป็นคนบอก เรานั่งรถคนละคันแต่ออกไปพร้อมกัน