ภูมิหลังจันทร์เจ้า
ตอน 1 ภูมิหลังของ ‘เจ้าขา’
ณ หอพักศิตาใกล้มหาวิทยาลัย X
หญิงสาวหน้าตาสะสวยวัยมหา'ลัยกำลังแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อที่จะไปงานเลี้ยงก่อนพิธีแต่งงานของพี่รหัสคนสนิท ด้วยความที่เธอไม่ค่อยมีกำลังทรัพย์มาก เธอจึงยืมชุดของเพื่อนมาใส่ชั่วคราวเพื่อไปออกงาน ชุดเดรสเปิดไหล่สีแดงเลือดนก ความยาวเลยหัวเข่าลงมานิดหน่อย เมื่อมาอยู่ในเรือนร่างของหญิงสาวแล้ว สีของชุดยิ่งขับให้ผิวของเธอดูเปล่งปลั่งและน่ามองมากขึ้นกว่าเดิม
"เจ้าขา เสร็จหรือยัง!! งานกำลังจะเริ่มแล้วนะ"
"เสร็จแล้ว ๆ ป้ะ พร้อมแล้ว ^^"
จันทร์เจ้าขาเดินออกมาหาเพื่อนที่กำลังเช็กความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมอยู่
"โห!! O_O ปังมากแม่! ชุดนี้เหมาะกับแกมากกว่าฉันเสียอีก งั้นฉันยกให้แกเลยก็แล้วกันนะ สวยขนาดนี้หนุ่ม ๆ รุมจีบเยอะแน่ ๆ อิ อิ"
"หืม ไม่หรอกมั้ง ฉันออกจะธรรมดา ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น แถมฐานะทางบ้านก็..."
"พอ ๆ ๆ เลยแกอะ แบ่งแยกชนชั้น...คำนึงถึงความเหลื่อมล้ำต่ำสูงอยู่นั่นแหละ เฮ้อ~ แกก็คนทั่วไปเหมือนกับพวกฉันนี่แหละ อย่าไปสนใจพวกปากหอยปากปูเลย"
"อื้ม"
หญิงสาวตอบรับเพื่อนไปอย่างนั้นแหละ สุดท้ายเธอก็อดนึกถึงภูมิหลังของครอบครัวตัวเองไม่ได้อยู่ดี
...เมื่อสี่ปีที่แล้ว...
จันทร์เจ้าขามีพี่ชายหนึ่งคน แต่แต่งงานออกเรือนไปแล้ว พ่อแม่ของเธอประกอบอาชีพเกษตรกรรม เดิมทีครอบครัวของเธอร่ำรวยมากเมื่อเทียบกับคนในละแวกเดียวกัน ที่นาของปู่หลายร้อยไร่ทำให้ครอบครัวของเธออยู่อย่างสุขสบาย ไม่มีหนี้สิน แม้จะทำไร่ไถนาก็สามารถมีเงินเก็บหลายล้านได้
แต่เมื่อสี่ปีที่แล้ว ได้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ราคาข้าวตกต่ำ ขายข้าวได้เงินน้อย แม้แต่ต้นทุนก็ไม่ได้กลับคืน เคราะห์ซ้ำกรรมซัด...พ่อของเธอก็ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับ กว่าจะรู้ตัวว่าป่วย โรคร้ายก็กัดกินอวัยวะภายในของพ่อจนเข้าสู่ระยะที่สามแล้ว การจะรักษาให้หายขาดได้จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก แม่จำใจขายที่ดินทีละแปลง ๆ เพื่อนำเงินไปเป็นค่ารักษาพยาบาลของพ่อ เมื่อพวกนายทุนรู้ว่าแม่ร้อนเงินจึงกดราคาที่ดินให้ต่ำลง ครั้นจะไม่ขาย...ก็ไม่ได้
เงินเก็บที่มีก็ทยอยนำออกมาใช้จ่ายจนเหลือน้อยลงทุกวัน จันทร์เจ้าขาอยากแบ่งเบาภาระของผู้เป็นแม่ เธอจึงสอบชิงทุนเรียนฟรีเพื่อเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย X ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ
หญิงสาวเชื่อว่าหากเธอเรียนจบจากที่นี่ เธอจะสามารถหาเลี้ยงตนเองและครอบครัวให้กลับมาใช้ชีวิตแบบสุขสบายเช่นเมื่อก่อนได้ ทว่าสังคมในมหา'ลัยที่แท้จริงกับสิ่งที่เธอเคยจินตนาการไว้ช่างแตกต่างกัน นักศึกษาที่ได้ทุนเรียนฟรีมักจะถูกลูกหลานของคนรวยดูถูกดูแคลน
'บ้านจน ไม่มีเงินเรียนอย่างนั้นสิ ถึงต้องดั้นด้นมาจากบ้านนอกเพื่อสอบชิงทุนเรียนฟรี'
คำพูดเหล่านี้ติดอยู่ในหัวของจันทร์เจ้าขาและนักศึกษาทุนฯ หลาย ๆ คนมาโดยตลอด
ตลอดระยะเวลาสี่ปี ลูกชาวนาอย่างเธอโดนดูถูกเหยียดหยามและถูกรังแกจากเพื่อนผู้หญิงในคณะอยู่บ่อยครั้ง...ด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก แต่กลับมีสะโพก อก เอวที่เว้าคอดกำลังดี ผมดำยาวเหยียดตรงดูนุ่มสลวย ผิวขาวอมชมพูชวนให้สัมผัส ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนที่ชายใดได้สบตาเป็นต้องตกอยู่ในภวังค์ จมูกทรงหยดน้ำที่รับกับใบหน้ารูปไข่พอดิบพอดี ผนวกกับริมฝีปากบางแดงระเรื่อแบบธรรมชาติ หนุ่ม ๆ ทั้งในและนอกคณะต่างเร่เข้ามาขายขนมจีบอย่างไม่ขาดสาย
แต่เมื่อชายเหล่านั้นได้รู้ความจริงว่าทางบ้านเธอยากจนจากปากของบรรดาผู้หญิงที่อิจฉาในความสวยและความเรียนเก่งของเธอ หนุ่ม ๆ ที่กำลังคบหาดูใจกับเธออยู่ก็ต่างพากันตีตัวออกหากจากเธอทุกคน
ตั้งแต่นั้นมา จันทร์เจ้าขาก็ไม่เปิดใจให้ชายใดเข้ามาทำความรู้จักหรือสนิทสนมอีกเลย
ณ โรงแรมรัตติกาล
19.00 น.
งานเลี้ยงก่อนพิธีแต่งงานของพี่รหัสเจ้าขาถูกจัดขึ้น ณ โรงแรมชื่อดังย่านใจกลางกรุง ภายในห้องโถงใหญ่ถูกประดับตกแต่งด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ผนังห้องที่มีสีขาวครีมซึ่งขัดกันกับชื่อโรงแรมทำให้แขกเหรื่อที่มาร่วมงานรู้สึกสบายตา ไหนจะแช-นเดอเลียร์ยักษ์และบันไดสูงที่เด่นหราอยู่ตรงกลางห้องโถง
ประติมากรรมสุดอลังการของโรงแรมดึงดูดสายตาผู้ที่มาเยือนเป็นอย่างมาก
แต่แล้วสายตาเหล่านั้นก็ต้องหันมาจดจ้องที่หญิงสาวคนหนึ่ง
'ใครอะ เพื่อนเจ้าสาวเหรอ'
'ไม่น่าใช่นะ ธีมเพื่อนเจ้าสาวเป็นสีชมพูนี่'
เสียงกระซิบกระซาบจากหญิงวัยกลางคนบ่งบอกถึงความสงสัยต่อสตรีรูปงามที่ปรากฏตัวขึ้นในงาน
'แก ๆ นั่นมัน...ยัยเจ้าขาหรือเปล่า'
'เจ้าขา...เจ้าขาไหนอะแก'
'ก็จันทร์เจ้าขาเอกอิ๊งไง คนสวย ๆ ที่โดนยัยพวกแก๊งนางฟ้าแกล้งอยู่บ่อย ๆ อะ'
'อ๋อ...ฉันนึกออกแล้ว แต่ก็สวยดีนี่'
'สวยมากกกเลยแหละแก ขนาดฉันเป็นผู้หญิงฉันยังชอบเลย เออนี่ สวยไม่พอแถมยังเรียนเก่งอีกด้วยนะ ฉันเคยเห็นกับตาเลยแหละว่ายัยนี่โดนยัยพวกนั้นแกล้ง แต่เจ้าขาก็ตอกกลับไปจนพวกนั้นเงิบไปเลยจ้าาา'
'ฉันก็เคยได้ยินมาผ่าน ๆ แหละ แต่มีคนเคยบอกว่าบ้านยัยนี่จนนี่...'
'อืม ก็ใช่ นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีเพื่อนน้อย'
'ไม่เรียกน้อยหรอกแก คนเดียวถ้วนก็คือยัยลิลลี่จ้า'
'หืม...แกก็...เขาอาจจะมีเพื่อนผู้ชายเยอะก็ได้ สวย ๆ แบบนี้ ผู้ชายน่าจะชอบเยอะ...ป้ะ ไปหาอะไรกินกันเถอะ'
'ป้ะ ๆ'
สาวสองคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นนักศึกษาคณะเดียวกันกับเจ้าขายืนพูดคุยกันเบา ๆ ก่อนที่พวกเธอจะละสายตาไปที่อาหารว่าง
"นี่เจ้าขา แกรู้ตัวป้ะว่าวันนี้แกสวยยมากกก"
"รู้แล้ว ๆ แกบอกฉันหลายครั้งแล้วลิลลี่ เออ...ว่าแต่...แก๊งนั้นคงจะไม่มางานนี้ด้วยหรอก...ใช่ไหม"
"แกหมายถึง...พวกยัยจีจี้"
สาวสวยพยักหน้าหงึก ๆ และได้คำตอบที่ทำให้ใบหน้าที่กำลังเปื้อนยิ้มอยู่เปลี่ยนเป็นหน้านิ่งไปชั่วขณะ
"ก็ต้องมาอยู่แล้ว พ่อแม่พวกนั้นอะเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม แถมยัยจีจี้ก็เป็นเพื่อนกับน้องของพี่รหัสแกด้วย อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้"
"อื้ม ใช่ พี่พายไม่เคยบอกเลย"
"พี่เขาอาจจะไม่อยากให้แกคิดมากน่ะ"
"อื้ม ฉันไม่คิดมากหรอก อีกอย่าง ฉันถูกพวกนั้นกลั่นแกล้งจนชิน ฉันรู้วิธีรับมือหมดแล้วล่ะ :)"
"จ้าาาา แม่คนเก่งงง"
'ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก'
เสียงรองเท้าส้นสูงจำนวนหลายคู่ดังมาทางที่จันทร์เจ้าขาและเพื่อนสนิทกำลังยืนคุยกันอยู่
"นั่นไงแก เฮ้อออ ตายยากตายเย็นจริง ๆ พูดถึงปุ๊บก็โผล่หัวมาปั๊บ"
"เอ้า เอ้า อ้าววว เจ้าขาาา...มางานนี้ด้วยเหรอเนี่ย"
จีจี้...หัวหน้าแก๊งนางฟ้าซึ่งเรียนอยู่สาขาเดียวกันกับจันทร์เจ้าขาเอ่ยทักทายเธอด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหน ทว่าผู้ที่ถูกเอ่ยถึงไม่ยี่หระเลยสักนิด พลางมองจีจี้ด้วยสายตาที่คาดเดาได้ยาก
"นี่หล่อน! เพื่อนฉันถาม ทำไมไม่ตอบ หูหนวกหรือไงห้ะ!"
สาวเจ้าหัวเสียเมื่อคนตรงหน้าไม่ตอบคำถามของเพื่อนเธอ
"เธอก็เห็นนี่มินนี่ ว่าเพื่อนฉันยืนอยู่ตรงนี้ นั่นหมายความว่าเจ้าขาถูกเชิญให้มาร่วมงาน ไม่เหมือนพวกเธอที่เอาแต่เดินตามหลังยัยจีจี้ต้อย ๆ ฮ่า ๆ"
"นี่แกว่าฉันเหรอ! ยัยลิลลี่!"
มินนี่ง้างมือขึ้นมาทำท่าจะตบ แต่หัวหน้าแก๊งตัวแสบก็เบรกไว้ก่อน
"พอก่อนมินนี่...ยโสโอหังแบบนี้น่ะ อยู่ในงานนี้ได้ไม่นานหรอก สักพักก็ต้องซึมเป็นหมากลับห้องพักเก่า ๆ โทรม ๆ ไป เพราะโดนเหล่าผู้ดีดูถูก...หึ...ไปกันเถอะมินนี่ ไปหาพี่จาออสดีกว่า ได้ยินว่ามางานนี้ด้วย :)"
"จริงเหรอ!!....อร๊ายยย แกกกก ฉันล่ะอยากเจอเขาตัวเป็น ๆ มานานมาก เห็นแค่รูปในโซเชียลฯ ก็ใจละลายแล้วววว ว่ากันว่า พี่เขาสุดหล่อ พ่อรวย กระบวยใหญ่มาก ฮืออออ~"
สองสาวยกยิ้มอย่างดีใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีหนุ่มรุ่นพี่สุดฮอตที่จบไปแล้วจะมาร่วมงานด้วยในค่ำคืนนี้