"อืม ตอนนี้ใกล้ได้เวลานอนแล้วและพวกเจ้าก็พึ่งกินข้าวเย็นมารอประเดี๋ยวนะ ขอพี่รองหาก่อนว่าจะให้พวกเจ้ากินขนมอะไรดี อ่า..เอาเป็นอันนี้แล้วกัน มัฟฟินเชอร์รี่ 5 อัน นมสด 6 ขวดออกมา" ลี่อินลองไล่ดูขนมในคลังเก็บของ ส่วนใหญ่ก็เป็นเค้กก้อนใหญ่ หรือไม่ก็เป็นเบอร์เกอร์ซึ่งพวกเขาพึ่งกินข้าวมาอิ่มๆ คงกินกันไม่ไหว พวกขนมปังปิ้งราดน้ำผึ้ง กับแพนเค้กก็ต้องใช้ช้อนจาน ที่เห็นพอจะกินได้ง่ายๆ ก็เหลือแค่คุกกี้กับมัฟฟินนี่เท่านั้น
"ขนมอะไรนะขอรับ มับฟิงเกอรี่หรือขอรับ" ลี่คังพยายามออกเสียงตามพี่สาว
"ฮ่า ฮ่า มันคือมัฟฟินอิงเถา (เชอร์รี่) เพราะตอนนี้ใกล้ได้เวลานอนแล้วถ้าเจ้ากินขนมแบบตอนเช้าร่างกายก็จะเอาไปเก็บเป็นไขมันทำให้อ้วน พออ้วนก็จะเกิดโรค เพราะฉะนั้นกินอันนี้ดีกว่าแล้วก็ดื่มนมด้วย ต่อไปพี่รองจะให้ทุกคนในบ้านดื่มนมทุกวันตอนเช้าและตอนเย็นดีไหม" ลี่อินถือโอกาสบอกทุกคนในบ้านเรื่องดื่มนมไปด้วยเลย
"ดีขอรับนมที่พี่รองเอามาให้อร่อยมาก ส่วนขนมเป็นอะไรข้าก็กินได้ เมื่อก่อนแค่เศษขนมที่ท่านพ่อเอากลับมาข้าก็ยังดีใจที่ได้กินเลยขอรับ" ลี่คุนเองไม่ว่าพี่สาวจะให้ขนมอะไรมาเขาก็พอใจทั้งนั้น
"ต่อไปนี้พี่รองจะให้พวกเจ้ากินขนมทุกวันเลย ไม่ต้องรอกินเศษขนมพวกนั้นอีกแล้วนะ" ลี่อินได้ฟังก็รู้สึกสงสารเด็กน้อยทั้งสอง มีเด็กที่ไหนบ้างไม่ชอบกินขนม และต่อไปนี้นางจะให้พวกเขาได้กินขนมทุกวันจนเบื่อไปเลย
"ขอรับข้าเชื่อพี่รอง ตอนนั้นก่อนพี่รองจะหลับไปหลายวันเคยบอกว่าจะไม่ทิ้งข้ากับทุกคนและในที่สุดพี่รองก็ฟื้นขึ้นมาตามที่พูดจริงๆ ตอนนี้ก็เหลือแค่รอให้พี่รองร่างกายแข็งแรง พี่รองก็จะรักษาคำพูดกับข้าได้หมดแล้วละขอรับ" ลี่คังเอ่ยตอบพี่สาวด้วยท่าทางเชื่อมั่น แล้วก็กินขนมดื่มนมอย่างมีความสุข
"ดีมากน้องเล็ก น้องสามด้วยต่อไปพี่รองจะมีนม มีขนม มีน้ำหวานอร่อยๆ ให้พวกเจ้ากินทุกวันเลย และบ้านเราก็จะมีอาหารให้กินอิ่มครบทั้งสามมื้อไม่ต้องอดอีกต่อไปแล้วนะ" ลี่อินเอื้อมมือไปลูบหัวเล็กๆ ทั้งสองที่นั่งกินขนมอยู่ข้างๆ นางด้วยความเอ็นดู
"ขอรับ/ขอรับ" ทั้งสองแฝดรับปากเสียงดังอีกครั้ง
"เอาล่ะ กินขนมหมดแล้วก็ไปบ้วนปากล้างมือล้างเท้าเข้านอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้ตอนเช้าจะให้พ่อของพวกเจ้าสอนวิธีอาบน้ำกับสระผมให้เข้าใจไหม" ลี่ถิงส่งยิ้มเอ็นดูให้บุตรชายทั้งสอง ถึงพวกเขาจะเป็นเพียงเด็กน้อยห้าขวบ แต่กลับเข้าใจถึงฐานะของครอบครัวได้ สองพี่น้องแทบไม่เคยเรียกร้องอยากได้อะไรเลย นี่นับเป็นครั้งแรกที่ร้องขอขนมอาจจะเพราะรู้ว่าพี่สาวสามารถหาให้ได้นั่นเอง
"เข้าใจขอรับ/เข้าใจขอรับ" สองแฝดเอ่ยรับคำเสียงดัง ลุกขึ้นกอดพี่สาวแล้วพากันเดินออกไป
"อาตงเจ้าไปดูน้องเข้านอนแล้วกลับมาที่นี่ก่อน แม่กับพ่อมีเรื่องจะปรึกษาด้วย" ลี่ถิงเห็นบุตรชายคนโตเตรียมจะลุกตามน้องชายไปก็เอ่ยเรียกเอาไว้
"ขอรับท่านแม่ ลูกจะรีบมา" ลี่ตงเอ่ยรับคำแล้วตามออกไปดูน้องทั้งสองจนเมื่อเรียบร้อยก็กลับเข้ามาในห้องน้องสาวอีกครั้ง ก็เห็นท่านพ่อกับท่านแม่กำลังพูดคุยกันอยู่ ส่วนน้องสาวก็ยกมือยกไม้ปัดซ้ายปัดขวาซึ่งเขาก็พอจะเข้าใจได้ว่าน้องสาวคงกำลังดูเจ้าจอภาพที่เคยบอกเอาไว้นั่นเอง
"อ้าวอาตงมาแล้วมานั่งก่อนเจ้าลูกชาย ท่านลุงอี้ยังให้เจ้าไปเรียนได้จนถึงเมื่อไหร่งั้นรึ" ตงไห่เอ่ยเรียกบุตรชายคนโต ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีอายุเพียงสิบขวบแต่กลับรู้จักคิดอ่านและยังมีท่าทางสุขุมเหมือนกับผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นเรื่องต่างๆ ในครอบครัวบุตรชายจึงรับรู้เกือบทุกเรื่อง และยังสามารถช่วยดูแลน้องๆ แทนพ่อและแม่ได้อีกด้วย
"วันนี้ท่านลุงอี้พึ่งบอกกับลูกว่าไม่ต้องไปเรียนแล้วก็ได้ขอรับ ตอนนี้ลูกอ่านเขียนได้คล่องดีแล้ว" ท่านลุงอี้หรือผู้ใหญ่บ้านที่เป็นคนสอนหนังสือให้กับเด็กๆ ในหมู่บ้านโดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน ทำให้เป็นที่เคารพนับถือของทุกคนในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก
"อืมดีๆ เอาล่ะน้องสาวของเจ้าบอกพ่อกับแม่ว่าอยากจะเอาของที่มีไปขายหาเงินมาซ่อมบ้าน พ่อกับแม่เองก็คิดเอาไว้เหมือนกัน ติดตรงที่ว่าของที่น้องสาวเจ้านำออกมามันค่อนข้างดูเป็นของมีราคา ถ้าจะให้พ่อหรือแม่เป็นคนเอาไปขาย แรกๆ ผู้อื่นอาจจะสงสัยได้เพราะในเมืองมีหลายคนรู้จักพ่อ น้องก็เลยเสนอว่าจะเป็นคนเอาไปขายเองและให้เจ้าไปคอยช่วยนาง โดยนางวางแผนว่าจะเอาของพวกนี้ไปเสนอขายให้พวกร้านค้า เจ้าล่ะมีความคิดเห็นเช่นไร" ตงไห่ที่พอฟังบุตรสาวบอกถึงเรื่องที่จะเอาของออกไปขาย ตอนแรกก็ไม่เห็นด้วยแต่พอได้ฟังเหตุผลและแผนการของบุตรสาวแล้วก็เลยต้องเห็นด้วย
"ลูกไม่มีความเห็นขอรับ ว่าแต่เราจะบอกร้านค้าพวกนั้นว่าอย่างไรล่ะขอรับ" ลี่ตงได้ฟังแล้วก็คิดว่าดีเช่นกัน เพราะตัวเขาถึงแม้จะเคยเข้าเมืองก็ไม่บ่อยเช่นท่านพ่อและท่านแม่ ส่วนน้องสาวก็ไม่เคยเข้าเมืองเลยย่อมไม่มีคนรู้จัก เพียงแต่ของที่น้องสาวนำออกมามีแต่ของดีๆ มีราคาทั้งนั้นจะให้บอกผู้อื่นว่าอย่างไร
"ถ้ามีใครถามหรือสงสัย ข้าจะบอกว่ารับมาจากเรือของพวกตาฟ้าเจ้าค่ะ และเรือที่ขนของพวกนี้มาพวกเราก็ได้ทำสัญญาซื้อขายผูกขาดเอาไว้แล้ว รับรองกับทางร้านค้าได้ว่าเราจะมีของมาขายให้ร้านได้ตลอด" ลี่อินที่ฟังบิดากับพี่ชายพูดคุยกัน พอเห็นช่วงจังหวะที่นางน่าจะเป็นคนตอบ จึงเงยหน้าขึ้นมาจากจอเกมและเอ่ยตอบพี่ชาย
"พวกตาฟ้าก็มีของพวกนี้อย่างงั้นรึ" ลี่ตงไม่ติดขัดเรื่องข้ออ้างที่น้องสาวบอกแต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้
"ท่านแม่บอกว่ามีเรือของคนพวกนี้เข้ามามากมาย คงไม่มีใครรู้จักของทุกอย่างที่คนพวกนั้นนำขึ้นเรือมาหรอกเจ้าค่ะ หรือถ้าใครยังสงสัยอีกก็บอกว่าเรือที่ขนมาออกเดินทางไปแล้วก็ได้" ลี่อินเองก็ตอบพี่ชายไปอย่างที่คิด ไม่ใช่ว่านางตอบยอกย้อนอีกฝ่ายนะ
"อืมก็จริง ว่าแต่เจ้าจะออกไปขายพร้อมกับพี่อย่างงั้นรึ ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรงดีนะ" ลี่ตงเองก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยว่าน้องสาวตอบยอกย้อนตนเองหรือไม่เพราะมันก็เป็นจริงอย่างที่น้องสาวบอก ใครจะไปเดินดูเรือมากมายพวกนั้นว่านำอะไรมาขายบ้าง หรือถึงไปดูก็ใช้ว่าจะรู้จักว่าของพวกนั้นมันคืออะไร แต่ที่เขาเป็นห่วงจริงๆ ก็คือร่างกายของน้องสาว
"คงต้องรอให้ร่างกายข้าแข็งแรงกว่านี้ก่อนเจ้าค่ะ แล้วข้าจะไปขายของพวกนี้พร้อมกับพี่ใหญ่เอง เพราะคงไม่มีใครรู้จักของต่างๆ พวกนี้เท่ากับข้าแล้ว" ลี่อินเองก็มั่นใจว่าของพวกนี้รับรองได้ว่าไม่มีใครมีมาขายเหมือนนางแน่ๆ
"ได้ถ้าเช่นนั้นเจ้าคิดจะเอาอะไรไปขายบ้างละ ระหว่างนี้พี่จะได้เข้าไปสำรวจในเมืองว่ามีร้านค้าที่ไหนพอจะเอาไปเสนอขายได้บ้าง" ลี่ตงสอบถามถึงของที่น้องสาวอยากจะเอาไปขาย เพราะระหว่างรอให้น้องสาวแข็งแรงเขาจะเข้าไปสำรวจร้านค้าดูว่ามีร้านไหนที่จะสามารถวางของที่น้องสาวอยากจะขายได้บ้าง
"ที่ข้าคิดเอาไว้ก็มีสบู่ ยาสระผม ยานวดผม และยังมีโลชั่นทาตัวอีกอย่างที่ข้ายังไม่เคยเอาออกมา" ลี่อินคิดถึงสิ่งของที่น่าจะขายดี เพราะของพวกนี้ยังไม่มีใครทำมาขายหรือถ้ามีคงไม่ดีเท่าของนางหรอกนางมั่นใจ
"ละ โลชันงั้นรึ" ลี่ตงฟังสิ่งที่น้องสาวพูดก็คิดว่าตรงกับที่ตนเองคิดเอาไว้แต่ก็ต้องสะดุดตรงของอย่างสุดท้ายที่ชื่อมันไม่คุ้นหูเลย
"โลชั่นมันเป็นศัพท์ของพวกตาฟ้าเจ้าค่ะ อ่า..ที่นี่เรียกง่ายๆ ว่าอะไรนะ อ่อ..ครีม เอ๋..นี่ก็น่าจะไม่รู้จัก..งั้นก็เรียกน้ำมันทาตัวแล้วกันเจ้าค่ะ แล้วข้าก็มีขี้ผึ้งที่ใช้ทาปากทามือหรือจะทาตัวก็ได้ด้วยนะเจ้าคะ ของพวกนี้นอกจากที่เราจะเอาไปขายแล้ว ข้าจะให้ทุกคนในบ้านได้ทดลองใช้ด้วยจะได้รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไรก่อนที่จะเอาไปขายให้คนอื่น
ส่วนเรื่องสุขภาพ ข้าคิดว่าคงต้องใช้เวลาน่าจะอีกสักเดือนคงแข็งแรงขึ้นจนเป็นปรกติ" ลี่อินคิดถึงการทดสอบการแพ้ในผลิตภัณฑ์สมัยใหม่ ซึ่งนางก็ไม่แน่ว่าของที่เอาออกมาจะทำให้เกิดการแพ้หรือไม่ และเมื่อใช้แล้วได้ผลดีมากน้อยแค่ไหน เพราะฉะนั้นหนูทดลองจะเป็นใครไปได้นอกจากครอบครัวของนางเอง
"อืมแม่ก็คิดเหมือนเจ้า ถ้าเราใช้แล้วมันดีเวลาใครถามก็ตอบได้อย่างมั่นใจว่าเราเอาของดีมาขายจริงๆ" ลี่ถิงเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ของบุตรสาว ถึงแม้มันจะเป็นของวิเศษแต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่ามันจะดีจริง
"พี่ใหญ่ถ้าท่านจะเข้าไปสำรวจในเมืองก็อย่าลืมดูราคาพวกของบำรุงความงามของสตรีมาด้วยนะเจ้าคะ และถ้าเป็นไปได้ท่านก็หาเวลาไปเดินที่ท่าเรือด้วย เวลาที่เราบอกว่าเอาของมาจากเรือพวกตาฟ้าคนจะได้ไม่สงสัยเพราะท่านเคยไปที่ท่าเรือจริงๆ อ่อ ถ้ามีเวลาก็สำรวจดูสินค้าที่พวกตาฟ้าเอามาขายด้วยก็ดีนะเจ้าคะ จะได้รู้ว่ามีของเหมือนกับพวกเราหรือไม่" ลี่อินเอ่ยบอกพี่ชายที่รับหน้าที่ไปสำรวจตลาดให้อย่างละเอียด ช่องโหว่ใดที่สามารถหาทางอุดได้ก็ทำไปด้วยเลย ถึงแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
"ได้พี่จะลองเดินสำรวจดู" ลี่ตงเองก็คิดเหมือนกับน้องสาวเขาตั้งใจจะไปเดินสำรวจดูสินค้าของพวกตาฟ้าจริงๆ เพราะอยากรู้ว่ามันจะมีของเหมือนที่น้องสาวเอาออกมาหรือไม่
"เอาล่ะดึกแล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ อ่ะ เทียนใกล้จะหมดแล้วหรือนี่ คงต้องได้ซื้อแล้วล่ะท่านพี่" ลี่ถิงที่เตรียมตัวจะกลับห้อง แต่พอเห็นเทียนในมือก็ให้นึกได้ว่านี่เป็นเทียนเล่มสุดท้ายแล้ว ทั้งของที่ห้องบุตรชายกับบุตรสาวก็เช่นกัน
"เทียนหรือเจ้าคะ ไม่ต้องเจ้าค่ะท่านแม่ที่ลูกมี ขอเทียนทุกอย่างๆ ละ 5 เล่ม, ผิงกั่ว (แอปเปิล) 10 ผล, จวี๋จื่อ (ส้ม) 10 ผล, ซีหงซื่อ (มะเขือเทศ) 10 ผล, หวงกวา (แตงกวา) 10 ลูก, ถู่โต้ว (มันฝรั่ง) 10 หัว, หงหลัวโป (แครอท) 5 หัว, หนานกวา (ฟักทอง) 3 ลูก, ยู่หมี่ (ข้าวโพด) 10 ฝัก ออกมา" ลี่อินได้ยินว่าเทียนที่บ้านใกล้จะหมดจึงรีบบอกมารดา ทุกวันนี้ส่วนใหญ่นางจะนอนหลับเพื่อฟื้นฟูร่างกาย จึงลืมเอาของที่ๆ บ้านใช้ได้ออกมา รอให้นางไม่ต้องนอนเยอะเช่นนี้ก่อนค่อยสำรวจดูว่าที่บ้านยังขาดอะไรอีกบ้างแล้วกัน
เทียนเล่มใหญ่ขนาดเท่ากับแขนเด็กเล็ก มีสีแดง สีขาว สีเหลือง วางเรียงอยู่บนพื้น ผักและผลไม้อยู่ในตะกร้า แยกคนละชนิดและทุกอย่างมีขนาดใหญ่โตดูน่ากิน
"ข้าไม่แน่ใจว่าที่นี่มีอะไรบ้าง แต่ผักพวกนี้ลูกเห็นว่านำไปใช้ทำอาหารได้เจ้าค่ะ" ลี่อินเรียกของที่สามารถทำอาหารได้ออกมาเพิ่ม แต่นางเองก็ไม่แน่ใจว่าที่นี่จะมีผักผลไม้พวกนี้หรือเปล่า
"ที่เจ้าเอาออกมาที่นี่มีหมดทุกอย่างนะ เพียงแต่บางอย่างจะมีราคาแพงเพราะปลูกยาก เช่นมะเขือเทศ กับส้มเป็นผลไม้ราคาแพง" ลี่ถิงสำรวจของที่บุตรสาวเอาออกมาก็เห็นว่าเป็นผักผลไม้ไม่มีอันไหนที่นางไม่รู้จัก จึงให้สามีและลูกชายช่วยกันขนไปไว้ที่ครัว ส่วนเทียนก็เอาไว้ให้ลูกสาวอย่างละหนึ่งเล่ม แล้วจึงออกไปพักผ่อน
"อิ อิ เหมือนมีร้านค้าส่วนตัวเลย ว่าแต่ยังมีอะไรที่ทำได้แล้วยังไม่รู้อีกไหมนะ" ลี่อินจ้องมองจอเกมพร้อมกับคิดถึงสิ่งที่ตนเองน่าจะทำได้นอกจากนำของออกมา แต่คิดไปก็เท่านั้นไว้นางค่อยทดลองทำดูแล้วกันแต่ตอนนี้คงต้องนอนก่อนล่ะ เป็นเด็กน้อยนี่ดีจริงๆ กินแล้วก็นอนสบายเหลือเกิน