“พี่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณพ่อวุ้นแก้วเสีย เสียใจด้วยนะครับ”
ธีทัศพูดอย่างใจจริงเพราะรู้ดีว่าวุ้นแก้วรักพ่อมากแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาเธอแทบไม่ได้ชอบสาขาที่เรียนเลย แต่ละวิชากว่าจะผ่านไปได้ก็มีเขานี่แหละที่คอยช่วยติว หลายครั้งที่หญิงสาวมาปรึกษาเรื่องซิ่ว แต่สุดท้ายก็ฮึดสู้ใหม่ เพราะอยากจะกลับไปช่วยงานพ่อ
“วุ้นแก้วไม่เป็นไรแล้วค่ะ ว่าแต่พี่ธันเถอะ กลับมาเป็นประธานเต็มตัวแบบนี้ก็คงยุ่งน่าดูเลยสิคะ” วุ้นแก้วหันมาถามธีทัศด้วยความสนอกสนใจ
เธอรู้ดีว่าเขามีฐานะดีและเป็นหนุ่มฮ็อตที่สาวๆ อยากใกล้ชิดที่สุด คงเป็นโชคของเธอที่ได้รู้จักพี่ชายคนนี้ ที่ผ่านมาธีทัศคอยดูแลเธออย่างดีในฐานะรุ่นน้องเสมอมา แม้ลึกๆ วุ้นแก้วจะรู้สึกหวั่นไหวกับความใกล้ชิดสนิทสนมบ้าง แต่ก็ต้องคอยย้ำเตือนตัวเองเสมอว่า เขากับเธอมันคนละชั้นกัน ทั้งเรื่องฐานะที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แถมผู้ชายเพียบพร้อมอย่างธีทัศคงไม่มีทางสนใจเด็กกะโปโลอย่างเธอ
“ไอ้ยุ่งเรื่องงานก็พอทน แต่เรื่องส่วนตัวนี่สิ ยิ่งคิดพี่ยิ่งเหนื่อย” ธีทัศพูดพร้อมกับถอนหายใจ เขาเริ่มเข้าสู่แผนการที่ตัวเองคิดมาทั้งคืน และมั่นใจว่ามันต้องได้ผลแน่ๆ
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ” วุ้นแก้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“คือพี่กำลังจะแต่งงาน แต่ว่า…” ธีทัศมองหน้าวุ้นแก้วอย่างหยั่งเชิง แว่บหนึ่ง เขาเห็นเธอทำสีหน้าตกใจ เหมือนภายในหัวใจกำลังสั่นระรัว แต่หญิงสาวพยายามจะเก็บอาการ
“เจ้าสาวของพี่หนีไป”
พูดจบก็แสร้งทำสีหน้าเศร้า ขณะที่วุ้นแก้วเมื่อได้ฟังเช่นนั้นแล้ว แม้จะรู้สึกใจหายที่รู้ว่าเขากำลังจะแต่งงาน แต่ลึกๆ ก็สงสารธีทัศที่ต้องมาถูกเจ้าสาวทิ้งไปแบบนี้ หลายปีมานี้ เธอก็ไม่ค่อยได้ข่าวสารหรือรับรู้เรื่องเขานัก
“ใจเย็นๆ นะคะพี่ธัน วุ้นแก้วว่าอาจจะไม่มีอะไรร้ายแรงก็ได้” พยายามจะปลอบใจชายหนุ่ม อย่างไรเสีย คนรักกันถึงขั้นจะแต่งงานก็น่าจะพูดคุย ปรับความเข้าใจกันได้
“มันไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่า...เรื่องที่เจ้าสาวของพี่เขารักคนอื่นแล้วแหละ พี่ทำใจมาแล้ววุ้นแก้ว”
เธอนึกเห็นใจ แต่พูดไม่ออก ไม่รู้จะปลอบอย่างไรดี เพราะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ จึงทำได้เพียงส่งสายตาเป็นห่วงให้เขา
และนั่นเปิดโอกาสให้ธีทัศรีบเล่าต่อ “แต่ที่พี่หนักใจก็คือคุณพ่อคุณแม่ของพี่ ท่านอยากให้พี่แต่งงาน และจะบังคับให้พี่แต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ เห็นว่าคราวนี้อายุเยอะกว่าพี่เกือบสิบปี พี่หนักใจก็เลยต้องแบกหน้ามาขอความช่วยเหลือจากวุ้นแก้ว” แล้วมองเธอด้วยสีหน้าจริงจัง
“มีอะไรให้วุ้นแก้วช่วยเหรอคะ” วุ้นแก้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงใสซื่อ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องแบบนี้เธอจะมีอำนาจอะไรไปช่วยเขาได้
“พี่อยากให้วุ้นแก้วแต่งงานกับพี่”
“แค็ก!”
คำพูดของธีทัศเล่นเอาคนฟังแทบสำลักน้ำที่เพิ่งยกขึ้นจิบ ‘แต่งงาน!’ เขาพูดราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุกอย่างนั้นแหละ จู่ๆ เธอกับเขาจะแต่งงานกันได้อย่างไร
“พี่ธัน! ล้อเล่นหรือเปล่าคะ เราจะแต่งงานกันได้ยังไง” วุ้นแก้วถามกลับด้วยความงุนงง การแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นขายของสักหน่อย อยู่ๆ จะมาขอกันง่ายๆ นี่นะ
“คืองี้ วุ้นแก้วฟังพี่นะ พี่แค่อยากให้วุ้นแก้วแต่งงานกับพี่แบบหลอกๆ เพื่อให้พ่อกับแม่พี่ตายใจ แล้วเลิกหาเมียให้พี่เสียที พี่อยากเลือกเมียด้วยตัวพี่เอง และผู้หญิงคนเดียวที่พี่คิดว่าจะช่วยพี่ได้ตอนนี้ก็มีแค่วุ้นแก้วเท่านั้น”
จบคำพูดพร้อมสายตาที่มองไปยังหญิงสาวอย่างคาดหวังว่าเธอจะยอมตอบตกลง ขณะที่วุ้นแก้วมองหน้าเขาอย่างอึ้งๆ พร้อมกับส่ายหัว
“ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ เกิดพ่อแม่ของพี่ธันรู้ความจริงเข้า ท่านจะโกรธเอานะคะ ท่านยิ่งไม่ชอบขี้หน้าวุ้นแก้วอยู่ พี่ธันหาทางพูดกับพวกท่านดีๆ เถอะค่ะ ยังไงพ่อแม่ก็ต้องเข้าใจ” แม้จะมีความรู้สึกดีๆ ให้กับธีทัศ แต่เรื่องแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าเธอบอกเรื่องนี้กับแม่ มีหวังท่านช็อกแน่ๆ
“โธ่ วุ้นแก้ว ถ้าพี่ทำแบบนั้นได้จริงๆ พี่คงไม่แบกหน้ามาขอความช่วยเหลือวุ้นแก้วหรอก อีกอย่างก็แค่แต่งงานหลอกๆ ช่วยพี่เถอะนะวุ้นแก้ว คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนที่ที่ผ่านมาพี่เคยช่วยเหลือวุ้นแก้วได้ไหมครับ”
ธีทัศทำสายตาอ้อนวอน ปกติเขาก็ไม่ใช่พวกที่ชอบทวงบุญคุณใคร แต่ในเมื่อวุ้นแก้วดื้อแบบนี้ เห็นทีต้องใช้มุกทวงบุญคุณให้เธอยอมช่วยเหลือตนเอง และหญิงสาวรู้ดีว่าบุญคุณครั้งนั้นคืออะไร ถ้าไม่มีเขาช่วยไว้ เธอต้องแย่ อนาคตดับวูบแน่
แต่ว่า...
“วุ้นแก้วขอบคุณที่พี่ธันคอยช่วยวุ้นแก้วไว้ บุญคุณที่พี่เคยช่วยจ่ายค่าเทอมให้ วุ้นแก้วยังจำได้ดีค่ะ แต่ว่านี่เรื่องใหญ่นะคะ ไหนจะแม่วุ้นแก้วอีก ให้วุ้นแก้วตอบแทนพี่เป็นเรื่องอื่นแทนได้ไหมคะ” วุ้นแก้วยังคงใจแข็ง แม้ลึกๆ ก็แอบรู้สึกผิด เพราะที่ผ่านมาธีทัศดีกับเธอมากจริงๆ ถ้าไม่มีเขาช่วยเหลือในวันนั้นที่ตนเองหาเงินมาจ่ายค่าเทอมไม่ทัน ป่านนี้เธออาจจะเรียนไม่จบก็เป็นได้
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าวุ้นแก้วไม่ช่วยพี่ก็ไม่เป็นไร พี่คงต้องยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก ชีวิตพี่ก็คงไม่มีความสุขอีกเลย ขอบคุณวุ้นแก้วมากนะ ที่ยอมเสียเวลากับเรื่องไร้สาระของพี่”
ธีทัศพูดพร้อมกับทำท่าจะลุกขึ้น วุ้นแก้วเห็นแบบนั้นก็รู้สึกผิดจึงยื้อเขาเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะ เฮ้อ…พี่ธันน่ะ อย่าพูดแบบนี้สิคะ วุ้นแก้วรู้สึกผิดมาก...”
เมื่อได้ไตร่ตรองนึกคิดอีกรอบ ธีทัศบอกว่าการแต่งงานเป็นแค่เรื่องโกหกเท่านั้น เท่ากับว่าไม่ได้แต่งงานจริง ชายหนุ่มแค่ต้องการความช่วยเหลือในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น หรือจะยอมช่วยดีนะ เพื่อตอบแทนบุญคุณที่เขาเคยช่วยเหลือเธอ อีกอย่าง เธอคงรู้สึกผิดไปจนตายหากตนเองเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขากลายเป็นคนไม่มีความสุข
“ถ้าวุ้นแก้วตกลง พี่ธันจะบอกได้ไหมคะ ว่าเราจะเล่นละครไปอีกนานแค่ไหน วุ้นแก้วไม่อยากให้แม่รู้เรื่องนี้ค่ะ” วุ้นแก้วตัดสินใจพูดออกไปขณะสบสายตากับธีทัศ ซึ่งเมื่อเขาได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที
“ไม่นานเลยวุ้นแก้ว เมื่อพี่ทำตามที่พ่อแม่ต้องการทั้งหมดแล้ว เราค่อยเนียนๆ ไปหย่ากัน ส่วนเรื่องแม่ วุ้นแก้วไม่ต้องกังวลนะ พี่จะบอกพ่อกับแม่ว่าให้เราแต่งกันอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้เรื่องนี้ไปถึงหูแม่ของวุ้นแก้ว”
ชายหนุ่มพูดอย่างคนเจ้าเล่ห์ ในที่สุดเธอก็หลงกลจนได้ เขาเดาไม่ผิดเลยว่า คนขี้สงสารอย่างวุ้นแก้วจะต้องใจอ่อนแน่ๆ
“งั้นก็ได้ค่ะ แล้ววุ้นแก้วต้องทำยังไงบ้างคะ”
คำตอบนั้นทำให้คนตัวโตถึงกับยิ้มออกมา ในที่สุดเธอก็ยอมตกปากรับคำ แม้ลึกๆ จะรู้สึกผิดกับวุ้นแก้ว แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อพ่อแม่บังคับให้แต่งงานกับคนที่ตนเองไม่ได้รัก แถมว่าที่เจ้าสาวเองก็ไม่ได้มีความรักให้เช่นกัน ที่สำคัญ ฝ่ายนั้นไม่มีทางที่จะรักเขาแน่ๆ เพราะเธอชอบผู้หญิง
ทั้งธีทัศและว่าที่เจ้าสาวจึงวางแผนจะหลอกผู้ใหญ่ว่ามีคนที่อยากแต่งงานด้วยอยู่แล้ว และผู้หญิงคนเดียวที่เขานึกถึงก็คือ ‘วุ้นแก้ว’ รุ่นน้องที่เฝ้ามองมาตั้งแต่สมัยเรียนแต่ไม่กล้าเข้าไปจีบ
แม้หลายคนจะมองว่าเขาเจ้าเล่ห์ เพลย์บอย ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ปฏิเสธ เพราะที่ผ่านมามีสาวแทบไม่ซ้ำหน้า แต่ผู้หญิงหนึ่งเดียวที่ธีทัศไม่อยากเข้าไปทำร้ายก็คือวุ้นแก้ว เพราะเธอนั้นแสนดีอย่างที่เห็น
ในวันที่เติบโตขึ้นและมีความรับผิดชอบมากพอที่จะไม่ทำให้หญิงสาวเสียใจ ธีทัศก็อยากจะลองจีบเธอดูสักครั้ง ซึ่งประจวบกับว่าพ่อแม่บังคับให้แต่งงานพอดี แม้การโกหกครั้งนี้อาจจะทำให้วุ้นแก้วโกรธ แต่เขาก็คิดดูแล้วว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยง!